บทที่ 67 ฝึกฝนวิชาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ
บทที่ 67 ฝึกฝนวิชาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ
หลี่มู่จิงเดินนำหน้า ความคิดของนางเริ่มวุ่นวาย
น้องชายคนนั้นของนาง ถึงของนิสัยเขาจะหุนหันพลันแล่น แต่สายตาก็ดีมากจริงๆ
เดิมทีนางคิดว่าหลี่ซินฮั่นให้ความสำคัญกับเสินอี้มากเกินไป แต่หลังจากเหตุการณ์ที่หมู่บ้านสุ่ยอวิ๋น มันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือของเสินอี้จริงๆ
เมื่อเทียบกับวิธีการที่ตรงไปตรงมาของน้องชายอย่างสัญญา "มอบสถานะ" และ "ผู้หญิง" ให้กับอีกฝ่ายอย่างหยาบคาย
หลี่มู่จิงคุ้นเคยกับการสร้างความสัมพันธ์มากกว่า นางจะเข้าไปพูดคุยด้วยท่าทีที่เป็นกันเองและร่าเริง เพื่อขจัดความระแวงของอัจฉริยะยากจนที่มีต่อเหล่าตระกูลชั้นสูง
นางจะทำให้เสิ้นอี้นั้นรู้สึกว่า ตัวนางไม่ได้แตกต่างจากเขา นางเป็นปรมาจารย์ยุทธที่มีความกระตือรือร้น เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี หรือแม้แต่เป็นคนที่สามารถสนิทสนมกันได้
จากนั้นค่อยๆ ปล่อยให้เขาสัมผัสกับ "สิทธิพิเศษ" ของ "ลูกหลานตระกูลชั้นสูง"
เมื่ออีกฝ่ายคุ้นเคยแล้ว ไม่ว่าความคิดของเขาจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยในสายตาของคนอื่น เสินอี้ก็ถูกตีตราว่าเป็นคนของตระกูลหลี่เรียบร้อยแล้ว
ลูกหลานชาวชิงโจวนั้นส่วนมากมีนิสัยซื่อสัตย์
ความรู้สึกขอบคุณของนางตอนก้มตัวลงนั้น มาจากความจริงใจที่แท้จริง
และเรื่องที่นางเต็มใจที่จะแบ่งปันทรัพยากรและสายสัมพันธ์ของตระกูลหลี่กับบุคคลที่มีความสามารถอย่างเสินอี้ มันก็เป็นเรื่องจริง!
เช่นเดียวกับการที่ให้บางอย่างกับเขามากกว่าคนอื่น โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก อย่างน้อยก่อนที่เสินอี้จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตวารีหยกขั้นสมบูรณ์ ตระกูลหลี่สามารถจัดการหายาล้ำค่านับไม่ถ้วนตามที่เขาต้องการให้ได้
แน่นอนว่า ความคิดที่จะนำเขาเข้ามาอยู่ภายใต้คำสั่ง หรือใช้งานตามคำสั่งของตัวเองนั้น... จริงแท้แน่นอน!
นี่คือสัญชาตญาณที่ฝังรากลึกอยู่ในกระดูก ซึ่งพวกนางเติบโตมาในตระกูลขุนนางและได้เห็นได้ยินมาตั้งแต่เด็ก
แต่สิ่งที่หลี่มู่จิงคาดไม่ถึงก็คือ... นางเพิ่งจะเริ่มต้น เสินอี้ก็ตอบสนองแล้ว และปฏิเสธนางอย่างอ้อมๆ
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาปัดมือนางออกหลายครั้ง มันช่าง...
เด็กหนุ่มจากเมืองไป๋อวิ๋นคนนี้ ตั้งแต่เริ่มเขาไม่เคยเชื่อเลยว่าทั้งสองพี่น้องเป็นพวกเดียวกัน
มันช่าง... ยากจะเอาชนะจริงๆ!
หลี่มู่จิงรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
เสินอี้ดูเหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเองอย่างน่าประหลาด แม้จะมาอยู่ชิงโจวเพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร เขาก็ยังสามารถยืนหยัดได้
นางรู้สึกชื่นชมความคิดแบบนี้จริงๆ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
เสินอี้เอาความมั่นใจมาจากไหน?
หลี่มู่จิงพานคิดไปถึงฟางเหิง คนผู้นี้มีภูมิหลังยากจนเช่นเดียวกับเสินอี้ แถมอายุก็ไล่เลี่ยกัน ฟางเหิงใช้เวลาแช่น้ำยาสมุนไพรมาหลายปี กว่าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้นได้ และตอนนี้เขาอยู่ขอบเขตวารีหยกขั้นกลางแล้ว
พรสวรรค์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ถึงขนาดทำให้ท่านพ่อยังอยากได้
แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไร? อย่ามองแค่ว่าหลังจากฆ่าปีศาจกลับมาแล้วถูกท่านแม่ทัพรับเป็นลูกศิษย์ นั่นเป็นเรื่องภายหลัง
ก่อนหน้านั้น เขาเกือบตายด้วยน้ำมือปีศาจขอบเขตวารีหยกขั้นปลายจริงๆ
หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ตายก็คือตาย เขาจะไม่เหลือสิ่งใดไว้ในโลกนี้เลย
หากเสินอี้ต้องการเดินตามเส้นทางของฟางเหิง แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น เสินอี้ยังด้อยกว่าฟางเหิงเล็กน้อย
“…”
หลี่มู่จิงหยุดยืนอยู่หน้าบ้านพักห้าหลัง นางหันกลับมามองเสินอี้
อีกฝ่ายน่าจะรู้เร็วๆนี้
ความจริงอันโหดร้ายของแผนกปราบปีศาจคือ... การไม่เห็นหัวคน เย็นชา ริษยา และแล้งน้ำใจ!
ที่นี่มีสมบัติล้ำค่ามากมาย แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยศพที่กองทับถมกันจนเป็นภูเขา
แม้จะมีตระกูลคอยช่วยเหลือ สองพี่น้องก็เกือบตายที่หมู่บ้านสุ่ยอวิ๋น ส่วนคนที่ไม่มีภูมิหลัง ผ่านมาหลายปี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่โด่งดัง…
“เจ้าทนๆ อยู่ไปก่อน มีอะไรต้องการก็บอกข้าได้นะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ หลี่มู่จิงก็ไม่อยากบังคับ นางยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ไปนอนหลับพักผ่อนซะ”
รอจนนางเดินจากไปไกล
เสินอี้หันกลับไปแล้วเดินเข้าไปในบ้านพัก มันมีทั้งหมดแปดห้อง ผนังโค้งด้านขวามือเชื่อมต่อกับบ้านพักอีกหลัง
นี่คือที่พักที่หัวหน้าหน่วยแผนกปราบปีศาจควรอยู่
เขาเลือกห้องที่ว่างอยู่ทันที
จากนั้นเสินอี้ไปตักน้ำจากบ่อน้ำเก่าในสวน เติมน้ำลงในถังไม้ และกลับไปที่ห้องเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สะอาด
เขาเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบใหม่ มองดูลายเมฆสองแถวบนแขนเสื้ออย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินหลิวซิวเจี๋ยพูดว่า ลายเมฆแต่ละแถว เงินเดือนต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นหลายร้อยตำลึง
เงินเดือนนี้ไม่เท่ากับนักพรตโซ่วโถวในตอนแรก แต่มีทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนจัดสรรให้ทุกเดือน นี่ต่างหากคือสิ่งสำคัญที่แท้จริง
เงินสองร้อยตำลึง เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในการกิน ดื่ม ซื้อที่ดิน และแต่งงาน...
เสินอี้เก็บความคิด ปรับสายตาไปที่ตำราหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ มันคือวิชาที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของชิงโจว
แววตาของเสินอี้ลุกโชนขึ้นอย่างร้อนรน
เขาเปิดอ่าน พบว่าเกือบทุกย่อหน้ามีคำอธิบายที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ และสถานที่ที่เข้าใจผิดได้ง่ายก็ถูกวงกลมไว้ทั้งหมด
นี่น่าจะเป็นตำราวิชาแรกที่เสินอี้สามารถเข้าใจได้ง่าย เขาเลยไม่รีบร้อน และอ่านอย่างตั้งใจ
เพื่อเรียนรู้ล่วงหน้า มันจะช่วยประหยัดอายุขัยเมื่อฝึกฝนในภายหลัง
"ใช้พลังปราณเลือดเชื่อมต่อจุดเฉียวในร่างกาย เปลี่ยนเป็นเตาหลอมเนื้อและเลือด เผาไหม้ปราณแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพี..."
เสินอี้หวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
ด้วยการใช้เวลาและอายุขัยมหาศาล เขาเคยเปลี่ยนปราณภายในร่างกายให้กลายเป็นวารีหยกสีทอง แม้จะมีเพียงไม่กี่หยดก็ตาม
และตำราหลอมสุริยาสายฟ้าวายุคือวิธีเร่งความเร็วของกระบวนการนี้
จุดเฉียวต่างๆ มากมายถูกเชื่อมต่อด้วยพลังปราณเลือด กลายเป็นเตาหลอมจากแสงอาทิตย์ และกักช่องหลักทั้งสิบสองจุดเฉียวไว้
ใช้ร่างกายเป็นเตา พลังปราณเลือดเป็นไฟ
เหมือนการปรุงโอสถเพื่อกลั่นกรองปราณภายในอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายมนุษย์มีจุดเฉียวขนาดย่อยทั้งหมดสามร้อยหกสิบสองจุด ยกเว้นจุดเฉียวใหญ่ทั้งสิบสองจุด เหลืออีกสามร้อยห้าสิบจุด
จากคำอธิบายในหนังสือ วิชาเตาหลอมระดับล่างกลั่นได้เจ็ดสิบจุด วิชาเตาหลอมระดับกลางกลั่นได้หนึ่งร้อยห้าสิบจุด และวิชาเตาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ ที่กลั่นได้สองร้อยเจ็ดสิบจุด เป็นวิชาเตาหลอมระดับสูงสุด
ความแตกต่างนั้นช่างใหญ่หลวง เปลวไฟยิ่งร้อน ความเร็วในการกลั่นกรองก็ยิ่งเร็วขึ้นโดยธรรมชาติ ประสิทธิภาพในการฝึกฝนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากนำไปวางขายในยุทธภพ คงเป็นสมบัติล้ำค่าที่ผู้คนยอมสละชีวิตทั้งครอบครัวเพื่อแย่งชิง หากเก็บไว้ที่สำนัก คงไม่มีใครได้เห็นแม้แต่หน้าปก
“…”
เมื่อพลิกไปที่หน้าสุดท้าย ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ลอกเลียนแบบนั้นเผยให้เห็นถึงจิตสังหารในต้นฉบับ
'ผู้ใดถ่ายทอดตำรานี้โดยมิชอบ จดชื่อลงบนรายนามปีศาจ และตัดศีรษะ!'
เสินอี้ปิดตำรา เรียกแผงระบบขึ้นมา
【วารีหยก.ตำราหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ (ยังไม่ได้เริ่มฝึก)】
【อายุขัยปีศาจที่เหลือ: หนึ่งพันห้าร้อยปี (สามารถกลั่นกรองได้)】
จากนั้น อายุขัยปีศาจมหาศาลก็ถ่ายเทเข้าสู่ตำราหลอมสุริยาสายฟ้าวายุดั่งสายน้ำ
…
【ปีแรก โฮสต์กระตุ้นพลังปราณเลือด พยายามเชื่อมต่อจุดเฉียวภายในร่างกาย】
【ปีที่สอง พลังปราณเลือดเริ่มพร่อง โฮสต์ฝึกวิชาวายุอัสนีพิชิตปีศาจอีกครั้ง โฮสต์เคยฝึกฝนมันเพื่อช่วยให้ร่างกายบรรลุสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ต้องพึ่งพามันอีกครั้ง เพื่อชดเชยพลังปราณที่สูญเสียไป】
【ปีที่เจ็ด โฮสต์เข้าใจวิธีการใช้เตาหลอมค่อนข้างดี แต่การฝึกฝนจริงนั้นค่อนข้างงุ่มง่าม จนถึงตอนนี้ โฮสต์ประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อจุดเฉียวเพียงเจ็ดสิบสองจุดเท่านั้น】
【ปีที่สิบสาม โฮสต์ชำนาญมากขึ้น หลีกเลี่ยงทางตันทั้งหมด บวกกับจิตใจที่มั่นคงมาหลายปี โฮสต์ไม่เคยทำผิดพลาด จุดเฉียวหนึ่งร้อยเก้าสิบจุดในร่างกายของโฮสต์เริ่มมีเค้าโครงของเตาหลอม】
【ปีที่สิบเจ็ด พลังปราณเลือดที่เชี่ยวกรากเริ่มเดือดพล่าน วิชาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุส่งเสียงคำราม ปราณแก่นแท้ของสวรรค์และปฐพีในร่างกายของโฮสต์พยายามจะหนีออกจากร่างกาย แต่มันถูกเตาหลอมที่เกือบสมบูรณ์แบบกักขังไว้】
【ปีที่ยี่สิบ โฮสต์หายใจเข้าลึกๆ ฝึกฝนไปพร้อมกับการกลั่นกรอง จุดเฉียวใหญ่สองจุดถูกเติมเต็มด้วยวารีหยก】
…
เสินอี้หยุดการใช้อายุขัย
เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังไม่รู้จักอะไรเลย เขาใช้เวลาถึงหนึ่งร้อยสามสิบห้าปีในการทำให้จุดเฉียวใหญ่เป็นวารีหยกเพียงครึ่งเดียว
ทว่าตอนนี้เขาใช้เวลาเพียงยี่สิบปี วารีหยกก็เต็มถึงสองจุด
ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเกือบสองร้อยเท่า ความลึกลับของวิชาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่มันยังไม่เพียงพอ
ตามหลักแล้ว ตำราหลอมสุริยาสายฟ้าวายุนั้นน่าจะเหมือนกัน พรสวรรค์น่าจะส่งผลต่อเวลาในการเชื่อมต่อเตาหลอม และความเร็วในการกลั่นปราณภายในควรจะคล้ายคลึงกัน
เสินอี้คิดคร่าวๆ เขาต้องใช้เวลาสิบแปดปีถึงจะบรรลุขอบเขตวารีหยกขั้นต้น
อือ... สถานการณ์นี้แตกต่างจากอัจฉริยะกลุ่มนั้นมากเกินไป
เสินอี้ค่อยๆ หยิบเอาแก่นแท้ปีศาจออกมา
เมื่ออายุขัยปีศาจถูกใช้อีกครั้ง เขาค่อยๆ ใส่มันเข้าไปในปาก…