บทที่ 33 : สยบอาณาจักรพระราชวังสีม่วงด้วยคมดาบธรรมดา
บทที่ 33 : สยบอาณาจักรพระราชวังสีม่วงด้วยคมดาบธรรมดา
ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้โต้ตอบ, เย่หวู่ชางก็ลุกขึ้นยืนทันที
“ขู่ข้างั้นรึ, เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เย่หวู่ชางก็ฟันอีกฝ่ายด้วยมือที่คมกริบราวดาบ
บูม!
ปราณดาบอันยิ่งใหญ่ระเบิดออกมา
มันมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวทั้งยังน่าสยดสยองอย่างไม่น่าเชื่อ
กวาดไปทั่วบริเวณและมุ่งหน้าไปยังชายวัยกลางคน
"บังอาจนัก!"
ในยามนี้ ความโกรธของชายวัยกลางคนพุ่งถึงจุดสูงสุด
เขาไม่เคยคาดหวังว่ามดตัวเดียวในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงขั้นแรก จะกล้าโจมตีเขา
ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความ เขากำหมัดและปล่อยวิชาหมัดระดับปฐพีขั้นสูงสุดของตน
บูม บูม บูม!
ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องดังก้องกังวาน และภาพการปะทะของหมัดและคมดาบก็ทำให้เซี่ยจือซวนและสีคงหมิงเยว่ตกตะลึง
หากแต่ในช่วงเวลาถัดมา, มันก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ปัง
ร่างๆหนึ่งลอยไปชนเข้ากับเสาหินขนาดใหญ่ด้านนอกประตู พร้อมเลือดสีแดงที่สะกระอักออกมาจากปาก
เเละนั่นเป็นร่างของชายวัยกลางคน!
ยามนี้มือของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้, เเถมยังมีเพียงเลือดที่ไหลอาบนิ้วมือจนทำให้ผู้พบเห็นเกิดความกลัว
แต่ในขณะนี้ เขาไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองเลย
เขากลับมองไปที่เย่หวู่ชางด้วยสายตาที่หวาดหวั่นสุดขั้วหัวใจ เเละร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนถึงขีดสุด
คนผู้นี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!
เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วงที่เพิ่งได้รับเลื่อนขั้นจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องใช้แม้แต่ดาบด้วยซ้ำ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง, มันคงง่ายราวกับการพลิกฝ่ามือหากอีกฝ่ายต้องการให้เขาตาย
เเละฉากนี้ก็ทำให้เซี่ยจือซวนและสีคงหมิงเยว่ต่างตกใจ
พวกนางตระหนักดีถึงความแข็งแกร่งของชายวัยกลางคน
อาจกล่าวได้ว่ามีคู่ต่อสู้เพียงไม่กี่คนที่ทัดเทียมเขาในต้าเซี่ย
แม้แต่เซี่ยจือซวนก็มักจะแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย
แต่ตอนนี้ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังเช่นนี้กลับพ่ายแพ้เย่หวู่ชางในกระบวนท่าเดียว!
เย่หวู่ชางเป็นอัจฉริยะ….อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้!
นี่เป็นความคิดเดียวในใจพวกเขาในยามนี้
แท้จริงแล้ว การเอาชนะผู้ฝึกตนขั้นที่หกของอาณาจักรพระราชวังสีม่วงด้วยกระบวนท่าเดียวในตอนที่พึ่งเข้าสู่ขั้นเเรกของอาณาจักรพระราชวังสีม่วงนั้น….แม้แต่อัจฉริยะธรรมดาๆก็ไม่สามารถทำได้
มีเพียงอัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้เท่านั้นถึงจะสามารถทำได้
เมื่อคิดว่ามีอัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบได้ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา….เซี่ยจือซวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
หากเธอได้รับการสนับสนุนจากอีกฝ่าย…..โอกาสในการขึ้นสู่อำนาจของเธอก็จะเพิ่มขึ้นอีกขั้น
“ผู้นำตระกูลเย่ เรื่องในวันนี้เป็นความผิดพลาดของจือซวน, จือซวนขออภัยด้วยใจจริงและหวังว่าท่านจะยอมยกโทษให้!”
เนื่องจากพวกเขาได้ประมือกันแล้ว เย่หวู่ชางจึงไม่ใส่ใจกับพิธีการใดๆทั้งสิ้น
เขายืนขึ้น, นำมือข้างเดียวไพล่หลัง เเละมองดูคนที่เหลืออย่างเย็นชา
“เจ้ามีอะไรมาโน้มน้าวข้า”
คำพูดของเขาไม่ผิด ด้วยความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมา แม้แต่ราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ยังไม่กล้าที่จะกดขี่หรือบังคับเขาอีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่หวู่ชาง เซี่ยจือซวนก็เงียบไป
เธอรู้ว่าหากเป็นสภาวะปกติคงไม่มีวันที่ทำให้เย่หวู่ชางเคลื่อนไหว
ด้วยพลังอยู่ในมือของเย่หวู่ชางทุกอย่างนั้นง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ
นี่แหละคือสถานะอันน่าสะพรึงกลัวของเขาในตอนนี้
ควรยื่นข้อเสนอใดดี
ตำแหน่งเหรอ?......ไม่สิ ด้วยสถานะของเขาไม่มีตำแหน่งใดที่เขาไม่สามารถหามาได้
และในอนาคต แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังต้องปฏิบัติตามความต้องการของเขา
ความงาม!
เมื่อพูดสองคำนี้ปรากฏขึ้น, สีหน้าของเซี่ยจือซวน ก็พลันสดใสขึ้นทันที
ก่อนที่จะมาที่นี่ เธอได้ตรวจสอบเย่หวู่ชางแล้ว และรู้ว่ารสนิยมของเขานั้นพิเศษมาก
ความงามธรรมดาๆ ก็ไม่คู่ควรกับความสนใจของเขาโดยสิ้นเชิง
อย่างน้อยที่สุด พวกเขาจำเป็นต้องอยู่ในคนระดับอย่างโม่ซีจุนในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอก
ทันใดนั้น สายตาของเธอก็มองไปยังร่างของสีคงหมิงเยว่ที่ถือหอกยาว อยู่……และความสนใจของเธอก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วหากข้าจะให้เจ้าหมั้นหมายกับหมิงเยว่ล่ะ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา… เย่หวู่ชางก็เงียบลง แต่สีคงหมิงเยว่กลับมองดูเธอด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คาดคิดว่าจะถูกเซี่ยจือซวนนำไปขายเช่นนี้
เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเซี่ยจือซวนจ้องมองเธอ เธอก็ได้แต่เงียบลง
เย่หวู่ชางตรวจสอบสีคงหมิงเยว่อย่างระมัดระวัง และพยักหน้าอย่างลับๆ
ด้วยรูปร่างที่โดดเด่นและใบหน้าที่สวยงาม….เธอได้คะแนนอย่างน้อย 94 คะแนน
เเถมการปรากฏตัวของเธอในฐานะผู้ฝึกตนหอกยังเพิ่มค่าความสวยงามไปอีกขั้น
เขายิ้มบางๆเเละตอบรับ
“ก็ได้, เเล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?”
เขาสนใจสีคงหมิงเยว่จริงๆ และแน่นอนว่าแม้แต่เซี่ยจือซวนเขาก็ต้องตา
แต่เขาก็รู้ด้วยว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้ทั้งสองอย่างในคราวนี้ (ไอ้นี่มันวางเเผนไว้อีกคน)
เมื่อได้ยินข้อตกลงที่ตรงไปตรงมาของเย่หวู่ชาง…..เซี่ยจือซวนก็ยิ้มและพูดว่า
"พี่เย่ ท่านเป็นคนเด็ดขาดจริงๆ!"
จากนั้น เธอมองไปรอบๆและพูดอย่างสงบว่า
"ตลอดประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีจักรพรรดินีขึ้นครองบัลลังก์ในแผ่นดินต้าเซี่ย, เหล่าขุนนางในราชสำนึกล้วนหัวโบราณคร่ำครึเเละอนุรักษ์นิยม”
“ด้วยสัญชาตญาณพวกเขา…..อย่างไรพวกเขาก็คงไม่ยินยอม!”
“ดังนั้น, คำขอของข้านั้นง่ายมาก ข้าไม่ต้องการคนของตระกูลเย่แต่อย่างใด……ข้าเพียงต้องการแค่พี่เย่และภรรยาเองของท่านเท่านั้น”
“เเม่นางเย่ว์รู่ชวงแค่ต้องติดตามคุ้มครองข้า, ในขณะที่พี่เย่เพียงข่มขู่คนพวกนั้นก็เพียงพอแล้ว!”
เย่หวู่ชางมองดูเธอด้วยความประหลาดใจและถามว่า "แน่ใจหรือว่าจะสามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้"
เซี่ยจือซวนยิ้มอย่างลึกลับและพูดว่า "พี่เย่ ท่านรอฟังข่าวดีเถอะ!"
ในขณะนี้, เซี่ยจือซวนได้แสดงทักษะความเป็นผู้นำของเธออีกครั้ง…..ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ในการควบคุมโลก ทำให้แม้แต่หัวใจของเย่หวู่ชางร้อนขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า
"หากเจ้ามั่นใจมาก ข้าก็ตกลง…..แต่เจ้าต้องทำให้แน่ใจว่าพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าในในขอบเขตอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์เหล่านั้นจะไม่เข้ามายุ่งนะ!"
เซี่ยจือซวนหัวเราะและกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวลพี่เย่, ในราชวงศ์ต้าเซี่ยคนบรรพบุรุษเก่าแก่ในขอบเขตอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของอายุขัยเเล้ว”
“พวกเขาทั้งหมดล้วนตกอยู่ในวิกฤตร้ายแรง พวกเขาจะไม่เข้ามาแทรกแซง เว้นแต่ต้าเซี่ยจะเผชิญกับการล้มล้าง!”
"ดี!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เย่หวู่ชางก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
สำหรับการดำรงอยู่ของผุ้คนในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงเหล่านั้น เขาไม่ได้ให้ความสนใจเลยสักนิด
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าสายตาของเซี่ยจือซวนจะเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี้
เธอสังเกตเห็นโดยธรรมชาติถึงพลังของเย่ว์รู่ชวง
แท้จริงแล้ว ในฐานะอดีตนักบุญของเมืองโบราณชางหยวน ความแข็งแกร่งของเย่ว์รู่ชวงนั้นน่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้
หากในระดับพลังยุทธ์เท่ากัน…..แม้แต่เย่หวู่ชางก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะชนะเย่ว์รู่ชวงได้
เซี่ยจือซวนตระหนักดีถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงถามโดยตรงถึงสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนของตระกูลเย่
ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงอย่างมีความสุข และพวกเขาตกลงกันว่าสามเดือนต่อมาสิคงหมิงเยว่จะม่แต่งงานกับตระกูลเย่
จากนั้นเซี่ยจือซวนก็ออกไปพร้อมกับคนของเธอ
……………….