บทที่ 66 กลับมารับรางวัล
บทที่ 66 กลับมารับรางวัล
เมื่อชิงโจว แผนกปราบปีศาจ
รถม้าสองคันจอดอยู่ที่ประตูข้าง
"คุณหนู หรือว่าเราจะพาคุณชายกลับบ้านก่อนดีกว่าไหม?" หลี่เสี่ยวเอ้อกระโดดลงจากรถ ถามด้วยความกังวล
"บาดแผลเป็นแค่รอยฟกช้ำเท่านั้น พาไปหาใต้เท้าไป๋ดีกว่า ท่านมีทักษะทางการแพย์ที่ยอดเยี่ยม แผลเหล่านี้จะได้ไม่เป็นรอยแผลเป็น"
หลี่มู่จิงรู้จักนิสัยของน้องชายนางดี เขาเกลียดที่สุดที่ใครจะพูดถึงสถานะคุณชายของเขา เกลียดที่คนอื่นชอบยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับการสนับสนุนของตระกูลหลี่... ถึงแม้เรื่องนี้จะจริงก็ตาม ถ้าเขาไม่มีท่านพ่อท่านแม่คอยดูแล ด้วยนิสัยชอบเอาชนะของเขา เขาคงตายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว!
ยิ่งคนอื่นนินทาเรื่องนี้ เขายิ่งอยากพิสูจน์ตัวเอง
ยิ่งเขาใจร้อน ยิ่งทำให้ตระกูลหลี่ต้องมาคอยเก็บกวาดความยุ่งเหยิงให้เขาทุกครั้ง!
อย่างเช่นเรื่องปีศาจปลาแม่น้ำครั้งนี้ แม้จะรู้ว่ามีเสี่ยวเว่ยหลายคนสูญหายไป แถมยังได้รับเข็มขัดเปื้อนเลือดมา เรื่องนี้แสดงว่ามันคงยุ่งยาก แต่เขาก็ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากขุนพลคนอื่นๆ กลับดื้อรั้นพุ่งเข้าไป หวังว่าจะฉวยโอกาส
ถ้าไม่มีเสินอี้มาช่วย ไอ้เด็กบ้านี่คงพาทุกคนไปตายที่หมู่บ้านสุ่ยอวิ๋นหมดแล้ว
คราวนี้แค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เขาควรจะหาเวลาจุดธูปไหว้พระสักหน่อยแล้วกัน!
"ไอ้เด็กนี่สมควรโดนบ้าง ให้เขานอนพักสักเดือน แล้วคิดทบทวนตัวเองซะบ้าง"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เสี่ยวเอ้อธิบายอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ที่ผ่านมา คุณชายสุขุมรอบคอบมากขึ้น แต่เป็นเพราะใต้เท้าฟางเหิงที่ไม่เคยถูกชะตากลับถูกท่านแม่ทัพเลือกเป็นลูกศิษย์... แล้วยังไปเจอเรื่องกระตุ้นที่เมืองไป๋อวิ๋นอีก เอ่อ... เลยทำให้คุณชายใจร้อนขึ้น"
เขาพูดพลางเหลือบมองเงาร่างข้างหน้า
ต้องยอมรับว่า คนๆ นี้สามารถกระตุ้นคุณชายได้ คงไม่ใช่แค่ความโชคดีที่ได้สร้างความสัมพันธ์กับใต้เท้าหลินอย่างเดียว
ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้ อนาคตเขาอาจไม่แพ้ใต้เท้าฟางเหิงก็เป็นไปได้...
ทั้งคู่มาจากครอบครัวที่ยากจน ฟางเหิงถูกท่านแม่ทัพเลือก เพราะเขาสังหารปีศาจขอบเขตวารีหยกขั้นปลายได้สำเร็จด้วยตัวคนเดียว เขาเลยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเสี่ยวเว่ยสามขีด
เมื่อเทียบกันแล้ว เสินอี้ด้อยกว่าเล็กน้อย เขาฆ่าปีศาจปลาแม่น้ำที่อยู่ในสภาพอ่อนแอ แต่ต้องไม่ลืมว่า ขอบเขตบ่มเพาะของเสินอี้ต่ำกว่าใต้เท้าฟางเหิงมาก
ผลงานครั้งนี้ น่ากลัวกว่าใต้เท้าฟางเหิงเสียอีก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่เสี่ยวเอ้อก็ส่ายหน้า มองดูหลี่ซินฮั่นที่ถูกพันผ้าเหมือนห่อเกี๊ยวด้วยความสงสาร และเดินเข้าไปในแผนกปราบปีศาจเพื่อเรียกคนมาช่วยหามผู้บาดเจ็บทั้งสองคน
"เชิญท่านใต้เท้าเสินมารับรางวัลได้เลยเจ้าค่ะ"
หลี่มู่จิงเอียงตัวไปด้านข้าง ยื่นมือออกมาเชิญพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่นอย่างขบขัน
นางพาเขาไปที่ประตูศาลาว่าการฝ่ายโถงกิจการภายนอก(เว่ยซือถัง)
เหล่าเสี่ยวเว่ยที่เดินผ่านไปมา เมื่อสังเกตเห็นกลิ่นเลือดปีศาจที่เข้มข้นบนตัวชายหนุ่ม ต่างก็หยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์
เสี่ยวเว่ยสองขีดที่ออกมาพอดี ก็หลบทางให้ กุมมือคำนับพลางแสดงความยินดีว่า "ขอแสดงความยินดีกับพี่ชาย ที่กลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่"
ทันใดนั้น เขาก็ถูกคนจำนวนมากมองมา
เสินอี้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย พยักหน้าตอบว่า "ขอบคุณ"
จากนั้นก็เดินตามหลี่มู่จิงเข้าไปในศาลาที่ว่าการ
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่เรียบและเงางาม ด้านหลังโต๊ะมีชายและหญิงสองคน
ทั้งคู่สวมชุดสีดำเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือรายที่ปักบนไหล่
รายปักนี้ต่างจากหมาป่าทองคำที่ดุร้ายของค่ายนอก บนเสื้อผ้าของทั้งสองคนปักลายนกอินทรีทองคำที่มีดวงตาจับจ้อง
หมาป่าเดินทางไกลพันลี้ นกอินทรีมองไปทุกทิศทุกทาง
คล้ายกับที่หลิวซิวเจี๋ยบอกไว้ เสี่ยวเว่ยสองคนจากค่ายใน แม้จะยิ้มอย่างสุภาพ แต่ก็มีออร่าที่แตกต่างจากบุคคลภายนอก แสดงให้เห็นว่ามาพวกเขาจากสถานะที่สูงกว่า
หลี่มู่จิงยื่นเอกสารที่ออกโดยศาลาว่าการของหมู่บ้านสุ่ยอวิ๋นให้ "เสี่ยวเว่ยที่ไปร่วมงานบูชายัญใหญ่เสียชีวิตทั้งหมด มีปีศาจขอบเขตวารีหยกมาเกี่ยวข้อง และทั้งหมดต่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งคู่ก็ไม่มีสีหน้าอันใดเปลี่ยนแปลง เพียงแต่รอยยิ้มของหญิงสาวจริงใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่านางจำพี่น้องตระกูลหลี่ได้ และหลี่มู่จิงไม่ได้เอ่ยถึงจำนวนผู้เสียชีวิต นางจึงเอ่ยขึ้นมาว่า " โอ้.. ซินฮั่นกำลังจะได้เลื่อนยศเป็นขุนพลแล้วสินะ นับจากนี้ไป ข้าจะเรียกเขาว่า "ใต้เท้า" เมื่อพบเขา"
เสี่ยวเว่ยจากค่ายนอกสองสามคนที่อยู่ใกล้ๆ มองนางอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก หันหลังแล้วเดินออกจากฝ่ายโถงกิจการภายนอก
หลี่มู่จิงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงท่าทางอยากจะพูดคุยกับหญิงสาวมากนัก นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า "เขายังต้องรออีกหลายเดือน กรุณาอ่านเอกสารอย่างละเอียดก่อนเถอะ"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายอีกคนยื่นมือไปเปิดเอกสาร ดวงตาของเขามีความสงสัยมากขึ้น "ผู้ทำผลงานดีเด่น เสินอี้?"
แม้จะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่การที่ลูกน้องมีความดีความชอบมากกว่าหัวหน้า มันไม่ได้หมายความว่าไม่เคยมี แต่มันเป็นเรื่องที่หายากมาก
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่หลี่ซินฮั่นต้องการแค่ผลงานอีกชิ้นเดียวก็สามารถเลื่อนตำแหน่งได้แล้ว
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เข้าใจยากยิ่งขึ้น
เขาอ่านต่อไป ดวงตาก็หดเล็กลงเล็กน้อย "พวกเจ้ากำจัดเทพเจ้าแห่งแม่น้ำแห่งหมู่บ้านสุ่ยอวิ๋น?"
ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดก็จ้องมองไปที่ชายหนุ่นผู้เงียบขรึมที่ยืนอยู่ข้างหลังหลี่มู่จิง
ครู่ต่อมา เขายิ้มเยาะและพูดว่า "วิธีการซ่อนพลังของคุณชายหลี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณชายไปพาตัวผู้เชี่ยวชาญมาจากที่ไหน ตามกฎแล้ว ควรจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นหนึ่งขั้น ส่วนของรางวัล เจ้าต้องการตำราบ่มเพาะหรือยาล้ำค่า?"
ในที่สุดก็พูดถึงเรื่องที่เขาสนใจซะที...
เสินอี้ก้าวไปข้างหน้า เป้าหมายชัดเจน "ตำราหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ชายและหญิงสองคนหลังโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ ทั้งสองมองหน้ากัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ต้องการตำราบ่มเพาะเช่นนี้ แสดงว่าเขาอยู่ขอบเขตเริ่มต้นแล้ว?
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเสินอี้เป็นคนที่มาช่วยหลี่ซินฮั่น แต่กลับกลายว่าเขาเข้ามาเพื่อผลงานจริงๆ
เขาเป็นใครกัน...
ทั้งสองเก็บอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว หันหลังกลับเข้าไปข้างใน ประมาณธูปไหม้หนึ่งดอก ทั้งสองก็นำเสื้อผ้าชุดดำใหม่เอี่ยม ตำราวิชาที่คัดลอก และขวดยาออกมา
"เอาเสื้อผ้าเก่าของเจ้าวางไว้ก็พอ เราจะส่งคนไปรับ ส่วนตำราเล่มนี้คัดลอกไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อประหยัดเวลาของเจ้า ส่วนยาเม็ดนี้ ตามกฎแล้ว สมาชิกใหม่ของแผนกปราบปีศาจจะได้รับน้ำยาสมุนไพรเป็นเวลาสิบปี แต่เจ้าคงไม่จำเป็นต้องใช้ งั้นเปลี่ยนเป็น 'โอสถรวบรวมปราณ' แทนดีกว่า"
หญิงสาววางของบนโต๊ะพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ชายอีกคนล้วงขวดยาอีกขวดออกมาจากแขนเสื้อ "ขวดยานี้ข้าได้มาจากราชสำนัก ถือซะว่าเป็นของขวัญแรกพบเพื่อแสดงความจริงใจก็แล้วกัน"
หลี่มู่จิงหันข้าง แสร้งมองไปทางอื่น
เสินอี้เก็บของ แต่ละเลยขวดยาที่เพิ่มมา เขากล่าวอย่างใจเย็นว่า "ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ ข้าซาบซึ้งมาก"
แม้เสินอี้จะไม่อยากมีความสัมพันธ์กับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหยิ่งยโส
เขาหันหลังแล้วออกจากศาลาว่าการแผนกกิจการภายนอกทันที
หลี่มู่จิงตามออกมา นางหัวเราะกล่าวา "เจ้าเกลียดกับการมีส่วนเกี่ยวข้องกับลูกหลานชิงโจวมากขนาดนั้นเลยเหรอ?"
เสินอี้หยุดยืน หันกลับมาตอบช้าๆ "ความสัมพันธ์ของพวกเจ้า มันอาจใช้งานได้สะดวกก็จริง แต่ข้ากลัวว่าถ้าใช้มันมากเกินไป ข้าคงต้องเปลี่ยนแซ่แล้ว"
เหมือนอย่างเมื่อกี้ น้ำยาสมุนไพรสิบปีแลกเป็น'โอสถรวบรวมปราณ'
ตามกฎแล้วมีสิ่งนี้อยู่ แต่คนอื่นไม่พูดถึง มันมีก็เหมือนไม่มี
เรื่องจะมีคนมารับเสื้อผ้า หรือเรื่องตำราวิชาก็มีคนคัดลอกไว้ล่วงหน้า...
ดูเหมือนว่าถ้ามีเส้นสาย เรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะถูกจัดการโดยมือที่มองไม่เห็นอย่างเงียบๆ
ไม่มีใครไม่ชอบความสบาย แต่ทุกสิ่งย่อมมีราคา
"เจ้าจะแบ่งแยกอะไรขนาดนั้น" หลี่มู่จิงยืดเส้นยืดสาย นางกะพริบตาอย่างน่ารัก "ตามความคิดของไอ้เด็กหลี่ซินฮั่น เขาคงต้องเชิญเจ้าเป็นผู้พิทักษ์ให้ได้ และให้เจ้าแต่งงานกับน้องสาวของข้าด้วย พูดง่ายๆ ว่าอนาคตอาจจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน"
เสินอี้มองดูประกายในดวงตาของนาง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเขามีความจริงจังมากขึ้น "ยังไงก็ควรแยกแยะให้ชัดเจน"
"ชิ! เจ้านี่มันน่าเบื่อชะมัด"
หลี่มู่จิงกอดอก เดินไปข้างหน้า "ข้าจะพาเจ้าไปดูที่พัก พวกเขาคงต้องอยู่ที่โรงหมอ เจ้าต้องพักคนเดียวสักระยะ"
ตอนที่นางเดินผ่านเสินอี้ น้ำเสียงของนางยังคงเหมือนเดิม เป็นท่าทางขี้เล่นและร่าเริง แต่ดวงตาของนางกลับหรี่ลงเล็กน้อย...