ตอนที่แล้วบทที่ 64 เพียงยกมือ ปล่อยเรื่องราว…
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 66 กลับมารับรางวัล

บทที่ 65 ผลึกปีศาจ


บทที่ 65 ผลึกปีศาจ

ตลาดปลาในหมู่บ้านสุ่ยอวิ๋นดูเงียบเหงาผิดปกติ

หลี่เสี่ยวเอ้อและหลิวซิวเจี๋ยได้ยืมรถม้าอีกคันมาวางหลี่ซินฮั่นและหม่าเถาที่ถูกพันแผลด้วยผ้าขาวไว้บนรถ

แม้จะกินยาแล้ว หลี่มู่จิงก็ยังอ่อนแออยู่ นางจึงนั่งห้อยขาอยู่ด้านนอกรถ ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางอย่างสบายใจ

เสินอี้เคยแต่ขี่ลาของศาลาว่าการเมืองไป๋อวิ๋นเท่านั้น แต่วันนี้เขาได้เปลี่ยนมาขี่ครึ่งปีศาจที่สูงใหญ่และแข็งแรง ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง

ม้าปีศาจที่ปกติแล้วมีนิสัยดื้อรั้น แต่วันนี้กลับเชื่อฟังอย่างผิดปกติ ถึงขนาดตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

เสินอี้มองคราบเลือดปีศาจสีแดงที่แห้งติดบนเสื้อผ้า ใจของเขากลับไม่ผ่อนคลายอย่างที่แสดงออก

คำพูดของปีศาจแม่น้ำก่อนตายผุดขึ้นมาในความคิด

ราชินีมังกรแห่งแม่น้ำหยางชุน

มันยอมหักหน้ากับแผนกปราบปีศาจก็เพื่อสถานะนี้

เสินอี้ไม่เชื่อว่าจะมีมังกรตัวจริงอยู่ในแม่น้ำ แผงข้อมูลแสดงให้เห็นชัดเจนว่าปีศาจตัวนั้นคือเจียว

เจียวตัวนี้มีอายุขัยถึงหนึ่งพันสี่ร้อยปีเศษ แต่มันกลับใช้ชีวิตมาเพียงหนึ่งร้อยกว่าปีเท่านั้น

คิดเป็นอายุของมนุษย์ก็คงประมาณสิบขวบ

ขนาดมันยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่มันกลับมีพลังเทียบเท่าขอบเขตวารีหยกขั้นต้นแล้ว

เสินอี้เคยฆ่าปีศาจที่มีภูมิหลังแบบนี้มาก่อนที่เมืองไป๋อวิ๋น แต่ตอนนั้นเขามีธงของหลินไป๋เว่ยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว และปีศาจจิ้งจอกที่ต้องการล้างแค้น มันก็จะมุ่งไปหาเรื่องกับท่านแม่ทัพแห่งเมืองชิงโจวแทน

แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป หลังของหลี่ซินฮั่นอาจแบกรับหม้อดำใบนี้ไม่ไหว

(แบกหม้อดำ ความหมายคือรับผิดแทนผู้อื่น)

“…” เสินอี้ก้มหน้าครุ่นคิด

โชคดีที่เจียวตัวนี้เต็มไปด้วยบาดแผล เห็นได้ชัดว่ามันซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเพื่อหลบภัย และสัญญาว่าจะให้สถานะแก่เทพเจ้าแห่งแม่น้ำ

มีคำกล่าวที่ว่า เสือตกยากถูกสุนัขรังแก

เพ่ย!

ไม่ใช่สิ เหตุการณ์นี้มันเปรียบเหมือน มังกรตกน้ำกลายเป็นกิ่งไม้แห้งต่างหาก ถ้ามันมีภูมิหลังหรือมีพลังอำนาจล้นฟ้าจริงๆ มันก็ไม่จำเป็นต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างนี้หรอก

ถ้าสรุปได้แบบนี้ ตัวเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวล และอีกอย่าง เพราะการมีแผงระบบ มันหมายความว่า ไม่ว่าเขาจะระวังตัวแค่ไหน มันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับปีศาจ...

อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นต้องป้องกันตัวให้ได้ ท้ายที่สุด ปัญหาก็คือเขาต้องแข็งแกร่งขึ้น!

ตราบใดที่เขาแข็งแกร่งเพียงพอ ต่อให้มีจอมปีศาจเจียวแก่ๆ มาล้างแค้นก็ตาม เขาก็คงจะยินดีจนนอนไม่หลับเป็นแน่แท้

จากนั้น เขาเปิดแผงระบบขึ้นมาดู

[สังหารปีศาจปลาแม่น้ำขอบเขตวารีหยกขั้นปลาย อายุขัยรวมหนึ่งพันยี่สิบปี อายุขัยที่เหลือเจ็ดสิบปี ดูดซับเรียบร้อย]

[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: หนึ่งพันห้าร้อยปี . สามารถกลั่นได้]

หลังจากสังหารปีศาจเจียวเมื่อวานนี้ บวกกับการใช้อายุขัยห้าปีในการเติมเต็มปราณแก่นแท้ในจุดเฉียว ตอนนี้อายุขัยปีศาจมาถึงตัวเลขที่น่ากลัวมาก

อือ... ปีศาจปลาแม่น้ำมีอายุขัยเหลือเพียงเจ็ดสิบปีเท่านั้น

แต่เรื่องนี้เสินอี้กลับไม่รู้สึกแปลกใจ อีกฝ่ายคงไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องเอาชีวิตไปเดิมพันกับอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อยืดอายุขัย

ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ

ปีศาจที่อายุขัยใกล้หมด โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า แก่นแท้ปีศาจก็จะเต็มไปด้วยพลัง และมีโอกาสได้รับพรสวรรค์มากขึ้น

เสินอี้เริ่มเข้าใจถึงความล้ำค่าของพรสวรรค์บ้างแล้ว

เพียงแค่ความเชี่ยวชาญในหมัดและฝ่ามือก็ช่วยให้เขาประหยัดอายุขัยได้มากกว่าหนึ่งร้อยปี ในการฝึกฝนวิชาตัดชีพจรจับมังกร

ปราณชั่วร้ายที่ได้จากแก่นแท้ปีศาจสุนัขขนเหลือง ช่วยให้เขาฝึกฝนขอบเขตบ่มเพาะจนสามารถก้าวหน้าไปอีกขั้น และยังได้พัฒนาจนกลายเป็นทักษะสังหารที่ร้ายกาจอย่างเทียนกังโลหิต

แสดงว่า ยิ่งแก่นแท้มีอายุมาก มันก็ยิ่งดี!

ปีศาจหนุ่มสาวไม่ต้องพูดถึง อายุขัยที่ยาวนานนั้นน่าอิจฉาสำหรับมนุษย์ แต่ข้อเสียคือพวกมันก็ไม่ใช่โง่ อยู่ดีๆ คงไม่มีใครออกมาเดินเล่นโดยไม่ต้องรอพ่อแม่ป้อนข้าว

ส่วนปีศาจที่ทั้งเด็กและเก่งอย่างเช่น... ปีศาจเจียว  พวกนี้มักจะมีภูมิหลัง ยุ่งยาก และจัดการไม่ง่าย

ถ้ามันไม่ดูถูกเขา และไปจับมือกับปีศาจปลาแม่น้ำเพื่อซุ่มโจมตีละก็...

ไม่ต้องพูดถึงการใช้อายุขัยสี่สิบปี แม้แต่สี่ร้อยปีก็อาจจะไม่เพียงพอ

“…”

จากนั้น เสินอี้จ้องมองตัวอักษรที่ปรากฏหลังอายุขัยปีศาจที่เหลือ

ถ้าจำไม่ผิด ฟังก์ชั่นนี้ปรากฏขึ้นหลังจากอายุขัยเกินหนึ่งพันปี

เมื่อเขาจ้องมอง บรรทัดข้อความก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น

[กลั่นอายุขัยหนึ่งพันปีให้กลายเป็นผลึกปีศาจ]

[ผลึกปีศาจ: วัตถุที่รวมเอาความแค้นและความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ของปีศาจไว้ เมื่อใช้ฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ จะสามารถใช้ความทรงจำของปีศาจเพื่ออนุมานปัญหา และเมื่อกินเข้าไป จะมีผลในการยืดอายุขัย]

เสินอี้เข้าใจความหมายของมันอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุด ในฐานะคนธรรมดาที่ไม่มีพรสวรรค์อะไรมากนัก เขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของความเข้าใจและความรู้ เขาฝึกฝนวิชา "วายุอัสนีพิชิตปีศาจ" มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ปัจจุบันเมื่อพูดถึงวิชาขอบเขตวารีหยก เขายิ่งไม่เคยมี "การรู้แจ้ง" เกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขารู้จักศาสตร์การต่อสู้มาน้อย หรืออีกอย่างก็คือ... สมองเขาไม่ค่อยดี!

ผู้ที่สามารถก่อตั้งนิกาย สร้างวิชาและถ่ายทอดวรยุทธ์ ล้วนเป็นอัจฉริยบุคคลทั้งสิ้น

สำหรับคนธรรมดาแล้ว การเรียนรู้ได้สักสิบถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์มันก็เพียงพอแล้ว ไม่กล้าขออะไรมากอีก

แต่การใช้พลังของปีศาจมาช่วยในการฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้นั้น มันสามารถทำลายกรอบขีดจำกัดล่างได้

"อาจจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก"

เสินอี้แสร้งทำหน้าตายมีความคิดดั่งองุ่นเปรี้ยวอยู่ในใจเล็กน้อย

(องุ่นเปรี้ยว หมายถึง การที่บุคคลต้องการหรือปรารถนาบางสิ่งหรืออยากได้ แต่ไม่สมปรารถนา และไม่ได้สิ่งนั้นมา บุคคลก็จะใช้การหาเหตุผลเข้าข้างตนเองว่า สิ่งที่ไม่ได้มานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี และดีแล้วที่ไม่ได้มันมา)

หนึ่งพันปี! เจ้ากล้าขอจริงนะ!

ของสิ่งนี้อาจจะดีจริง

แต่ปัญหาคือ... มันแพงมาก!

นี่คือข้อเสียที่เขารับไม่ค่อยได้!

เสินอี้ปิดมันโดยไม่ลังเล

เมื่อปิดแผงระบบเรียบร้อย เขานั่งสงบสติอารมณ์ ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เขาต้องหาของสำเร็จรูปจากแผนกปราบปีศาจมาใช้ก่อน และพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งให้รวดเร็วยิ่งขึ้น นี่ต่างหากคือทางที่ถูกต้อง...

ใบรับรองการเสนอชื่อได้ถูกส่งมอบแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องดูว่า "กองกำลังระดับหนึ่งของชิงโจว" นี้ สมกับคำพูดของจางถูหูหรือไม่?

ทันใดนั้น รถม้าก็ชะลอความเร็วลง

เสินอี้เงยหน้าขึ้นมอง

ผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่บนถนนสายหลักที่มุ่งออกนอกเมือง มีทั้งพ่อค้าเร่ขายของ ชายหนุ่มในชุดเสื้อแขนสั้นที่ตัวเปื้อนกลิ่นคาวปลา ผู้คนมากมายล้วนมีสีหน้าหม่นหมอง

พวกเขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองรถม้าของพวกเขาอยู่ข้างถนน

เจ้าหน้าที่จากศาลาว่าการนับไม่ถ้วน ต่างถือดาบไว้ในมือ กางแขนออก กัดฟันดันพวกเขากลับไป เหงื่อไหลย้อยบนหน้าผาก

"อย่ามอง รีบไป! พวกท่านรีบไปต่อเร็วเข้า!"

หลี่มู่จิงหยุดแกว่งขาเล็กน้อย ลำตัวโน้มเอียงไปทางชายหนุ่ม

ชาวเมืองต่างจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

"ไม่ต้องไปสนใจนะ" หลี่มู่จิงเอ่ยยิ้มอย่างสบายๆ แต่ฝ่ามือของนางกลับเปียกชื้นด้วยเหงื่อ

นางหวาดกลัวว่าเสินอี้จะโกรธ

ปรมาจารย์ยุทธที่สามารถสังหารปีศาจปลาแม่น้ำในขอบเขตวารีหยกขั้นปลายได้ แม้มันจะอยู่ในสภาพอ่อนแอ แต่สิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้

ถ้าเขาสามารถฆ่าชาวบ้านได้สิบคน เพียงเพิ่มอีกเป็นหนึ่งพันคน มันก็คือเรื่องง่ายดาย!

เมื่อถึงจุดที่เขาฆ่าอย่างสนุกสนาน จะพันคนกับเจ็ดหมื่นคน มันก็ไม่มีความแตกต่างในสายตาของเขาแล้ว

นี่คือสาเหตุที่ลูกหลานผู้แข็งแกร่งในชิงโจวของแผนกปราบปีศาจ ไม่อยากยุ่งกับปีศาจปลาแม่น้ำตัวนั้น

ทุกคนล้วนมีชื่อเสียง และให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมาก

การสังหารผู้คนในที่แห่งนี้ มันจะทำให้ชื่อเสียงของเขาเน่าเฟะ และเมื่อข่าวลือแพร่กระจายไปยังชิงโจว เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนต่อหน้าญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง

"เชื่อข้า เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง"

หลี่มู่จิงยื่นมือไปจับแขนเสื้อของเขา

ไม้บรรทัดสั้นที่นางใช้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้วัดเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าให้มนุษย์ แต่มันคืิอการวัดขนาดรูปร่างของเทพเจ้า

ชาวประมงในหมู่บ้านมีจิตใจที่วุ่นวาย พวกเขาต้องการที่ยึดเหนี่ยวใหม่

เห็นได้ชัดว่าภาพเงาที่สูงตระหง่านที่ยืนอยู่บนโต๊ะบูชาทำการสังหารเทพเจ้าแห่งแม่น้ำ ได้สร้างรอยแผลที่ลบไม่ออกในใจของพวกเขา

แต่เรื่องนี้เพียงแค่รอเวลาอีกสักหน่อย

ชื่อใหม่จะถูกเล่าขานโดยนักเล่าเรื่อง เรื่องราวนี้จะดังก้องในร้านน้ำชาและโรงเตี๊ยม จนกระทั่งเรื่องราวถูกเปลี่ยนแปลงจนแม้แต่ต้นเรื่องเองก็จำไม่ได้

นี่คือเหตุผลที่หลี่มู่จิงชมเชยเขาในใจที่ทำได้อย่างเฉียบขาด ถ้าเป็นคนอื่นคงล้างคราบสกปรกออกจากตัวไม่ได้

"หืม?" เสินอี้หันกลับมามองเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย

"เอ่อ เจ้าไม่โกรธงั้นเหรอ?"

หลี่มู่จิงตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าที่สงบของชายหนุ่ม

เสินอี้กลอกตา คว้าเชือกบังเหียนแน่นขึ้นอีกครั้ง

ตอนที่เขาอยู่ที่เมืองไป๋อวิ๋น มีกลุ่มคนด่าเขาในใจมากกว่านี้เยอะ!

เขามีอายุขัยของปีศาจมากกว่าหนึ่งพันปี และมีแก่นแท้ปีศาจวารีหยกถึงสองก้อน ทำไมเขาต้องมาสนใจชื่อเสียงไร้สาระพวกนี้อีก ใช่ไหม?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด