บทที่ 19: นกพิราบยึดรังนกกางเขน
"อะไรนะ?"
"โลงศพสีขาวบนเนินทางเหนือเรอะ?"
“หามโลงศพ?”
แขกในโรงน้ำชาคะยั้นคะยอคนที่คว้ามือไว้แล้วถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"เอ่อ……"
จนกระทั่งพ่อค้าผู้มั่งคั่งยัดเหรียญสองสามเหรียญใส่มือ แล้วคนที่เขาคว้ามือไว้ได้ก็เริ่มพูดถึงมันด้วยอารมณ์จริงจัง
“ไม่นานมานี้ที่เขตฉาง มีสตรีตั้งครรภ์คนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุลื้นล้มจนตาย ต่อมาร่างก็ถูกฝังไว้ในหลุมศพบนเนินทางเหนือ”
“ครอบครัวสามีของสตรีตั้งครรภ์ถือได้ว่าเป็นคนผู้ดี สามีของนางแซ่หลิน ชื่อลู่ เขาฝังศพภรรยาที่ล่วงลับของเขาอย่างไม่เห็นแก่ตัวและไม่ได้ปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้ายเลย”
“เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนนี้ หลินลู่นอนไม่หลับ”
“และทันทีที่เขาหลับ เขามักจะได้ยินเสียงคนยืนอยู่ข้างเตียงแล้วร้องไห้อยู่เสมอ”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ หลินลู่ อยากสะดุ้งตื่นเมื่อเห็นคนร่ำไห้อยู่ข้างเตียง เขาก็พบว่าเขาขยับตัวไม่ได้ ร่างกายของเขาเหมือนจะถูกก้อนหินก้อนใหญ่กดทับ เขารู้สึกว่ามือ เท้า และปากไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป เขากลัวมากจนรู้สึกเหมือนกำลังจะตายทุกครั้ง เขาทำได้แต่ลืมตาขึ้นตอนกลางคืน ทนฟังสตรีร่ำไห้ข้างเตียงตอนกลางคืนเท่านั้น”
“หลังจากผ่านไปหลายครั้ง สีหน้าและร่างกายของ หลินลู่ ก็แย่ลงเรื่อยๆ”
“แต่ก็แปลกที่บอกว่ายิ่ง หลินลู่ อ่อนแอเท่าไร เสียงของสตรีร่ำไห้ข้างเตียงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อตั้งใจฟัง หลินลู่ ก็เกือบต้องตายด้วยความตกใจ ปรากฎว่าเสียงของสตรีร่ำไห้ข้างเตียงของเขานั้นก็คือภรรยาผู้ล่วงลับของเขาที่ฝังไปเมื่อไม่กี่วันก่อน!”
“ภรรยาเอาแต่ร่ำไห้และบอกว่ามีคนอื่นเข้ามาครองหลุมศพของนาง นางขอให้สามีขุดหลุมศพของนางขึ้นมาดู”
“เช้านี้ หลินลู่ ทรุดหนักทันทีเมื่อเขาตื่นขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ภรรยาผู้ล่วงลับที่ร่ำไห้มากหาเขาเมื่อคืนนี้ เขาเลยทนรับไม่ได้ จึงรีบขอให้ครอบครัวของเขาไปถามหานักพรตลัทธิเต๋าเพื่อมาที่บ้าน”
“ครึ่งวันต่อมา พ่อแม่ของเขาก็เชิญนักพรตลัทธิเต๋าพเนจรมาที่บ้าน พอนักพรตลัทธิเต๋าพเนจรคนนั้นเห็นรูปร่างหน้าตาของหลินลู่ เขาก็บอกว่าเขาอาศัยอยู่ชายคาเดียวกันกับบางสิ่งที่มีพลังงานหยินแข็งกล้า ดังนั้น พลังงานหยินจึงเข้ามาสู่บ้าน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ หลังจากได้ยินสิ่งที่นักพรตลัทธิเต๋พเนจรพูด หลินลู่ ก็ขอความช่วยเหลือจากพรตลัทธิเต๋าพเนจรและเล่าถึงสิ่งแปลกๆ ทั้งหมดที่เขาพบในไม่กี่วันที่ผ่านมา”
“นักพรตลัทธิเต๋าพเนจร ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดและยกย่อง หลินลู่ ที่รักภรรยาผู้ล่วงลับของเขาอย่างสุดซึ้ง นักพรตลัทธิเต๋าพเนจรยังกล่าวด้วยว่าที่ที่ฝังศพภรรยาผู้ล่วงลับของ หลินลู่ ถูกบุคคลอื่นยึดครอง นางจึงกลายเป็นวิญญาณไร้บ้าน ผีป่า โดดเดี่ยวเร่ร่อนอยู่ในบ้านสามี ที่ที่นางคุ้นเคยมากที่สุดในช่วงชีวิตของนาง”
“ดังคำกล่าวที่ว่า หยินหยางแยกจากกัน วิญญาณหยินมีพลังงานด้านลบรุนแรงที่สุด พวกเขามักจะอาศัยอยู่ชายคาเดียวกันกับคนเป็น และคนเป็นจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากพลังงานหยางของคนเป็นคนนั้นอ่อนแอ มันจะนำไปสู่ร่างกายที่อ่อนแอและจากนั้นคนๆ นั้นจะเหนื่อยล้าทางจิตใจ และทันทีที่เขาอยู่ในภวังค์ความเจ็บป่วย ทุกข์ภัยทุกชนิดก็เริ่มมาที่บ้านของเขา”
“หาก หลินลู่ ผลัดวันออกไปอีกสองสามวัน แม้ว่าภรรยาที่ล่วงลับของเขาไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้อื่น แต่ผู้คนที่ถูกแยกจากกันด้วยหยินและหยางจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากพวกเขาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเป็นเวลานานๆ สุดท้ายไฟสามหยางจะดับลงและจะพบกับความตายอย่างอย่างน่าอนาถ”
“คำพูดของนักพรตลัทธิเต๋าพเนจรนั้นลึกลับมาก แต่เขาก็พูดถูกเช่นกัน ครอบครัวของ หลินลู่ ทุกคน เชื่อคำพูดของนักพรตลัทธิเต๋าพเนจรคนนั้น พวกเขาทำตามคำพูดของนักพรตลัทธิเต๋าพเนจรทันทีและขุดหลุมศพขึ้นเพื่อดูว่ามีผู้อื่นเข้ามายึดครองหลุมศพของภรรยาที่ล่วงลับของเขาหรือไม่”
“ครอบครัวของหลินลู่จึงรีบเรียกหาญาติพี่น้องทันที รวมถึงชายฉกรรจ์แข็งแกร่งที่มีราศีมะโรง(มังกร) ขาล(เสือ) จอ(สุนัข) และนำจอบ เชือกป่าน ไม้ไผ่ ไก่โต้ง เหล้าซันหยาง ฯลฯ พร้อมคนกลุ่มใหญ่ออกไป เพื่อขุดหลุมศพ”
"..."
"..."
“แล้วเมื่อสักครู่นี้ มีคนกลับมาที่เมืองแล้วบอกว่าหลุมศพถูกขุดขึ้นมาแล้ว ศพในหลุมศพถูกขโมยไปจริงๆ ศพภรรยาของหลินลู่ หายไป สิ่งที่อยู่ในหลุมมีเพียงโลงศพสีขาวที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเท่านั้น!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็สลัดหนีออกจากพ่อค้าผู้มั่งคั่งและตามคนอื่นๆ ที่ออกไปนอกเมืองเพื่อดูความตื่นเต้น และเพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็ลับหายไปในฝูงชน
ฟิ้วววว~~
เมื่อได้ยินเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นที่เทศมณฑลฉาง ทุกคนในโรงน้ำชาก็อึ้งจนหยุดหายใจ แม้ว่าจะเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าเปิด แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกหนาวสันหลัง
หลังจากผ่านไป ทุกคนก็เริ่มกระซิบและพูดคุยเกี่ยวกับมันด้วยความสนใจอย่างมาก สักพักหนึ่ง...ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ
ต่อมา
ผู้คนก็เริ่มออกไปนอกเมืองเพื่อดูความตื่นเต้นทีละคนๆ ไม่ว่าจะตามลำพังหรือกับเพื่อนฝูงมิตรสหาย
ในทางกลับกัน สำหรับนักเล่าเรื่อง ไม่มีใครสนใจราวของเขาอีกต่อไป
วันนี้นักเล่าเรื่องเห็นว่าทุกคนไม่สนใจฟังเรื่องราวของเขา จึงรีบเก็บข่าวของแล้วตามกลุ่มผู้คนบนท้องถนนที่ออกไปนอกเมืองเพื่อชมความตื่นเต้นเพื่อรวบรวมเรื่องราวใหม่ๆ ที่จะเล่าในพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน หนึ่งในสามของแขกในโรงน้ำชาก็ออกไปแล้ว
จู่ๆ โรงน้ำชาก็ร้างผู้คนที่ดื่มชากัน
จินอันนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาเองก็อยากรู้เรื่องนี้มากเช่นกัน เขาจึงวางเงิน 10 เหวิน ไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นไล่ตามผู้คนบนถนนออกไปนอกเมือง
เมื่อบริกรในโรงน้ำชานำถ้วยน้ำชามาที่โต๊ะที่จินอันนั่งอยู่ แต่เขาก็ออกไปเสียแล้ว เหลือเพียงเงิน 10 เหวิน ที่ว่างอยู่บนโต๊ะเท่านั้น
แต่จินอันเพิ่งมาที่โลกนี้ได้ไม่นาน เขาเลยไม่รู้ว่าเนินเขาทางตอนเหนือของเทศมณฑลฉางอยู่ที่ไหน
แต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาด เขาแค่ไล่ตามกลุ่มผู้คนไป
……
……
ณ เนินเขาทางตอนเหนือของเทศมณฑลฉาง
ห่างจากที่ว่าการการเขต 2 ลี้
สุสานแห่งนี้ซึ่งปกติจะรกร้างเงียบสงบ กลับมีชีวิตชีวามากในวันนี้ ณ เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงวัน และมีคนสองถึงสามร้อยคนมารวมตัวกันรอบๆ
มีคนมากกว่าร้อยคน และพวกเขาก็อัดแน่นเต็มไปหมด
หลินลู่ ที่ใบหน้าซีดเซียวและยังไม่หายจากอาการป่วย เขามองไปที่กลุ่มผู้คนที่อยู่ไม่ไกลนัก และมองอย่างเป็นกังวลไปที่ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาสวมชุดคลุมลัทธิเต๋าสีเอิร์ธโทนและถือเข็มทิศหยินหยางเพื่อกำหนดตำแหน่ง แห่งสายธารสวรรค์และกิ่งก้านแห่งโลก
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋ามีหนวดเคราและผมสีดำ ร่างกายแข็งแรง ดูไม่แก่นัก เขาน่าจะอายุประมาณ 50 ปี
แขนเสื้อของเขาสะอาด เขาเป็นนักพรตลัทธิเต๋าที่ยากจน เสื้อคลุมลัทธิเต๋าที่ดูเก่า เขาคือนักบวชลัทธิเต๋าพเนจร
“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก… ท่านอาจารย์เต๋าเฉิน มีคนไม่เกี่ยวข้องมารวมตัวกันที่นี่มากมายเช่นนี้ มันจะรบกวนการหามโลงศพหรือไม่ขอรับ? ท่านอยากให้คนเหล่านี้ออกไปหรือไม่… แค่ก” หลินลู่ที่ยังไม่หายจากอาการป่วยของเขา แค่พูดไม่กี่คำเขาก็หายใจลำบากเสียแล้ว
สายตาของเขามองไปที่นักพรตลัทธิเต๋าที่อยู่เบื้องหน้าเขาด้วยความเคารพอย่างสูง
ทั้งกิริยาและมารยาท เขาพูดด้วยความเคารพ
พ่อแม่ของ หลินลู่ ที่คอยประคองลูกชายของพวกเขาก็มองดูนักพรตลัทธิเต๋าที่ยืนอยู่เบื้องหน้าลูกชายด้วยความเคารพเช่นกัน
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าผู้ถูกเรียกว่าอาจารย์เต๋า เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจ้องมองไปที่ผู้คนที่มีเสียงดังอึกทึกในระยะไกลที่กำลังกินเมล็ดแตงโมและกินแป้งแผ่นอยู่
“ไม่ ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ยิ่งมีคนมากเท่าไร พลังงานหยางก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น มันสามารถสยบพลังงานหยินของหลุมศพที่ฝังศพผู้ตายไว้ตลอดทั้งปีได้ ทำให้ง่ายขึ้นสำหรับเราที่จะหามโลงศพ”
“ขอรับ เราจะทำตาม ท่านอาจารย์เต๋าเฉินทุกอย่าง” หลินลู่ เชื่อฟังด้วยสีหน้าที่เคารพโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าถือเข็มทิศหยินหยาง หลังจากค้นหาสายธารแห่งสวรรค์และกิ่งก้านของโลกได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาก็กล่าวว่า: "ดั่งคำกล่าวที่ว่า ห้าก้าวสู่งูพิษ ต้องมียาแก้พิษ แน่นอนว่าทั้งห้าก้าวนี้ มิได้หมายความว่าภายในห้าก้าวจริงๆ”
“ข้าเพิ่งตรวจสอบฮวงจุ้ยรอบตัวข้า ทางตะวันตกเฉียงใต้ของหลุมศพภรรยาของท่าน มีภูเขาหลับไหลอยู่ ในทางฮวงจุ้ยเรียกกันว่า พยัคฆ์ขาว ตำแหน่งนั้นอยู่ตรงข้ามกับหลุมศพของภรรยาผู้ล่วงลับของท่านทุกประการ”
“ที่ใดที่มีชีวิตชีวา ภูมิประเทศและโชคลาภก็จะดีมากยิ่งขึ้น แต่ข้าสังเกตเห็นว่าใบของต้นไม้บนภูเขาหลับไหลนั้นเป็นสีเหลืองและเหี่ยวเฉา มงกุฎของต้นไม้ก็เอนเอียงไม่ตั้งตรง ท่านควรส่งคนไปที่ภูเขาหลับไหลทันที แล้วดูว่าต้นไม้ในป่ามีนกหรือแมลงจำนวนมากล้มตายลงบนพื้นหรือไม่”
“หากมี ให้ค้นหาในภูเขาหลับไหล แล้วท่านจะพบร่างของภรรยาที่หายไปของท่านอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าพูดแล้ว หลินลู่ก็ดีใจแล้วรีบขอให้พ่อแม่ของเขาเรียกหาลุงของเขาเพื่อค้นหาร่างของภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วในภูเขาหลับไหลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“นี่เที่ยงสามในสี่แล้ว ตอนนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างหยางหยิน ถึงเวลาของวันที่พลังงานหยางแข็งแกร่งที่สุด และพลังงานหยินอ่อนแอที่สุด ฟังข้า!” นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าดูจริงจังมากขึ้น
“ผู้ที่มีราศี มังกร เสือ สุนัข ออกมาแล้วเตรียมตัวลงหลุมศพ! หามโลงศพกัน!”
(จบบท)