บทที่ 16 วาดหวังแดนเซียนได้ในฝ่ามือ
หลี่ฟานหรี่ตามองออกไปด้านหน้า ดูเหมือนจะคล้ายมีสีหน้าคิดถึงแผ่นดินภูมิลำเนา
"ตอนแรกบรรพบุรุษแม้ได้เข้าสำนักไท่เหยียน แต่กลับไม่ชอบฝึกฝน กลับหลงใหลการคำนวณทำนายเสียมากกว่า แต่แรกก็ไม่มีอันตรายอะไร ใครจะรู้ว่าฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง มนุษย์ต้องอพยพกันทั้งหมด
แม้ว่าด้วยวรยุทธ์ขั้นหลอมลมปราณระดับต้นของบรรพบุรุษ ถึงจะไม่เต็มใจก็คงไม่มีใครบังคับ แต่เขากลับยังหลงโลก เห็นคนในตระกูลหวาดผวาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงขอรับอาสารับผิดชอบเรื่องอพยพมนุษย์ หลังจากนั้นก็อยู่กับตระกูลที่นี่เรื่อยมา"
หลี่ฟานพูดไปอย่างทะลุปรุโปร่ง แสดงความซาบซึ้งอย่างยิ่ง
ทั้งโข่วหงและเต๋าเสวียนจื่อต่างฟังว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นแอบคล้ายกับเรื่องเล่าประหลาดโบราณที่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งคู่ก็ผงกศีรษะช้าๆ
โข่วหงถึงกับแปลกใจ "สำนักไท่เหยียนยังคงมีอยู่ในยุคมหาอพยพเชียวหรือ? ข้าเคยได้ยินมาว่าสำนักโบราณล้วนแตกสลายในการพินาศครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้"
หลี่ฟานอึ้งไปก่อน แล้วก็ส่ายหัว "ก็แค่ข่าวลือเท่านั้นแหละ แม้จะเป็นการพินาศครั้งใหญ่ เหล่าวิชาเซียนก็ไม่อาจฝึกด้วยกันได้ แต่สำนักไท่เหยียนมีวิชามากมายดั่งดวงดาว หากให้คนหนึ่งคนแยกไปฝึกหนึ่งวิชา จะเป็นเรื่องยากอะไร ตอนนั้นสำนักมีความเสียหายไม่น้อย แต่ไม่มีทางที่จะแตกสลายหรอก"
คำพูดของหลี่ฟานฟังดูยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "วิชามากมายดั่งดวงดาว คนหนึ่งคนแยกไปฝึกหนึ่งวิชา" ยิ่งทำให้ทั้งโข่วหงและเต๋าเสวียนจื่อตาลายหัวหมุน
ต่อมา หลี่ฟานถามขึ้นมาฉับพลัน "ข้าดูจากที่ทั้งสองพูด ดูเหมือนว่าสำนักไท่เหยียนจะไม่ได้ปรากฏตัวในโลกภายนอกมานานแล้วหรือ?"
เต๋าเสวียนจื่อส่ายหัว "ไม่เพียงแค่สำนักไท่เหยียน แม้แต่สำนักไท่ซั่ง สำนักต๋าเต๋า สำนักเทียนเจี้ยน พวกสำนักโบราณเหล่านี้ ตอนนี้ก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว"
หลี่ฟานได้ยินก็พูดกับตัวเอง "วิถีเซียนยากนัก ก็จริงอย่างที่บรรพบุรุษว่า สำนักเลือกที่จะซ่อนตัวหลบเลี่ยงภัยพิบัติไป......"
เต๋าเสวียนจื่อและโข่วหงมองหน้ากัน แอบส่งเสียงหากัน "ก่อนหน้านี้ข้าก็สงสัยเรื่องที่สำนักโบราณพากันแตกสลาย ตอนนี้คิดดูแล้ว ก็มีบางอย่างผิดปกติจริงๆ สำนักโบราณมีฐานรากลึกซึ้งขนาดไหน จะหายไปในชั่วข้ามคืนได้อย่างไร"
"ก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะเลือกซ่อนตัวไม่ออกมา หากข่าวที่ว่าสำนักเหล่านี้ยังมีอยู่แพร่ออกไป ต่อให้พวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน กลัวว่าก็คงมีคนไปเคาะประตูทุกสองสามวัน"
......
ทั้งสองคุยกันแลกเปลี่ยนความคิดไปหลายประโยคในพริบตา จากนั้นเต๋าเสวียนจื่อก็ประสานมือ "ไม่ทราบสหายกีดกันพวกข้าทั้งสองไว้เพื่ออันใด?"
หลี่ฟานถอนหายใจ "ที่นี่หลายร้อยหลายพันปีมานี้ไม่มีผู้ฝึกเซียนย่างกรายมาเลย วันนี้ที่ได้พบท่านทั้งสอง ข้าก็รู้ว่าพวกท่านคือผู้ที่บรรพบุรุษทำนายไว้ก่อนสิ้นใจ คือจุดหักเหที่จะนำตระกูลของข้าให้พ้นจากที่นี่ เมื่อเห็นพวกท่านกำลังจะฟาดฟันกันเป็นตายเพื่อวิชาควบแน่นแก่นทองคำเพียงวิชาเดียว ข้าจึงรีบออกปากห้ามปราม"
เต๋าเสวียนจื่อพูดอย่างตรงไปตรงมา "ขอให้สหายอย่าหัวเราะเลย แต่ท่านอาจไม่รู้ ในโลกภายนอกวิชายากหา การที่จะกลายเป็นศัตรูฆ่ากันเพื่อวิชาหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ"
หลี่ฟานส่ายหัวรัวเร็ว "ทำไมต้องถึงขนาดนั้นด้วย!"
เต๋าเสวียนจื่อถามด้วยท่าทางลองเชิง "ฟังจากน้ำเสียงสหาย ดูเหมือนว่า......"
"ใช่แล้ว บรรพบุรุษก่อนสิ้นใจได้ถ่ายทอดวิชาหนึ่ง ชี้นำสู่ขั้นแก่นทองคำโดยตรง" หลี่ฟานพูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
เต๋าเสวียนจื่อสูดหายใจลึก "ไม่ทราบสหายต้องการอะไร?"
โข่วหงดีใจยิ่งนัก "ดีจริงๆ หากท่านเต๋าเสวียนจื่อได้วิชานี้ไป พวกเราสองพี่น้องก็ไม่ต้องฆ่าฟันกันอีกแล้ว"
หลี่ฟานยิ้ม "เรื่องนี้ต้องค่อยๆ พูดที่ละอย่างทีละน้อย รอให้ทั้งสองท่านช่วยกันซ่อมเรือไท่เหยียนเสร็จเรียบร้อยก่อน ข้าจะมอบวิชานี้ให้ด้วยมือทั้งสองข้างเอง!"
"บรรพบุรุษของข้าตลอดชีวิตมีความปรารถนาอย่างเดียว นั่นก็คือการได้กลับสู่สำนักไท่เหยียนในโลกเซียน ก่อนสิ้นใจ นอกจากมอบวิชานี้แล้ว ยังถ่ายทอดเครื่องมือวิเศษชิ้นหนึ่ง ชื่อว่าเรือไท่เหยียน แม้จะเสียหายแล้ว แต่บรรพบุรุษเคยใช้วิชาไท่เหยียนคำนวณไว้ว่า หลายปีต่อมา จะมีผู้ฝึกเซียนสองคนมาถึงที่นี่ คนหนึ่งชำนาญศิลปะดาบ อีกคนหนึ่งชื่นชอบหล่อหลอมอาวุธ คนรุ่นหลังก็จะสามารถซ่อมเรือไท่เหยียนให้หลุดพ้นจากดินแดนไร้เซียนนี้ได้" หลี่ฟานจิบสุราเล็กน้อย ค่อยๆ พูด
โข่วหงและเต๋าเสวียนจื่อต่างสีหน้าเปลี่ยนไป
"พี่โข่วหงหลงใหลในวิถีหล่อหลอมอาวุธ ส่วนข้าเองก็ถนัดศิลปะดาบ วิชาไท่เหยียนนี้ ช่างเหลือคาดเดาจริงๆ" เต๋าเสวียนจื่ออึ้งงัน กว่าครึ่งวันจึงได้สติกลับมา
"แค่วรยุทธ์ระดับหลอมลมปราณยังมีความเหนือชั้นเช่นนี้ สุดจะจินตนาการเลย..." โข่วหงก็อ้าปากค้าง หน้าตาเหลอหลา
หลี่ฟานหัวเราะเบาๆ สักพักก็พูดอีก "น้ำลายไม่พอเป็นหลักฐาน เชิญทั้งสองท่านตามข้าไปดูวิชานี้หน่อยเถอะ"
เต๋าเสวียนจื่อดีใจ ลุกขึ้นติดตาม เห็นโข่วหงอยากตามมาด้วย ก็รีบระแวดระวังขึ้นมา "อย่างไรกัน พี่ใหญ่ได้วิชาควบแน่นแก่นทองคำไปแล้ววิชาหนึ่ง ยังไม่พอใจอีกหรือ?"
โข่วหงได้ยินแล้ว พูดอย่างเก้อเขิน "เอาเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว"
เต๋าเสวียนจื่อส่งเสียงหึในลำคอ ก้าวเท้าตามหลี่ฟานไป
หลี่ฟานเห็นโข่วหงไม่ตามมาตามที่คาดไว้จริงๆ ในที่สุดก็ถอนหายใจโล่งอก รู้ว่าการวางแผนการชาตินี้ประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เขานำทางเต๋าเสวียนจื่อเปิดกลไก มาถึงห้องลับใต้ดินจวนไท่ซือ
เต๋าเสวียนจื่อกำลังจะก้าวเข้าไปในห้องลับ กลับรู้สึกขนลุกซู่ ชะงักฝีเท้าไว้
ใช้ ญาณสัมผัส กวาดมองโดยรอบอย่างละเอียด ตกใจร้องออกมาทันที "หมอกพิษเซียนมนุษย์!"
ที่แท้กลไกรอบห้องลับทั้งด้านบนด้านล่างและทั้งสี่ทิศ ล้วนแอบซ่อนหมอกพิษเซียนมนุษย์เอาไว้ กลิ่นอายหนาแน่น ทำให้เต๋าเสวียนจื่อตกใจจนตัวสั่น
หลี่ฟานหัวเราะเล็กน้อย "ไม่ควรไร้หัวใจระแวดระวัง พวกข้ามนุษย์ เพื่อจะปกป้องสมบัติล้ำค่าของตระกูล ก็มีแต่ต้องทำแบบนี้แล้ว"
เต๋าเสวียนจื่อหัวเราะอย่างฝืดเฝื่อน กลับไม่ยอมก้าวไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว กลับถอยหลังอีกเล็กน้อย
หลี่ฟานก็ไม่ได้พูดอะไร เดินเข้าไปในห้องลับ หยิบหยกบันทึกออกมาจากหีบหนึ่ง
เขาไม่ได้เดินออกจากห้องลับ เพียงแต่ถือไว้ให้เต๋าเสวียนจื่อเห็น
หยกบันทึกนี้ก็คือ "ตราทองล้อมหยกพันกลไก" ที่ได้มาจากมือโข่วหงในชาติที่แล้วนั่นเอง!
ใช่แล้ว หลี่ฟานกำลังพนัน
ตามคำบอกเล่าของโข่วหงในชาติก่อน ตอนนั้นเขาฉกวิชาไปแล้วก็หนีทันที เต๋าเสวียนจื่อเห็นได้ชัดว่ายังไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของวิชานี้
พอดีใช้สิ่งนี้เป็นเหยื่อล่อ ให้โข่วหงและเต๋าเสวียนจื่อช่วยเขาซ่อมเรือไท่เหยียน!
ส่วนหากเป้าประสงค์ของหลี่ฟานพลาดเป้า......
ทหารกล้าตายทั้งหลายในจวนไท่ซือประจำการเรียบร้อยแล้ว หากสู้ไม่ได้จริงๆ......
มากที่สุดก็แค่เกิดใหม่ชาติหน้าแล้วคิดวิธีใหม่!
หลี่ฟานในใจไม่ร้อนรนเลย เพราะเขาพบว่าจิตใจของเต๋าเสวียนจื่อถูกหยกสีทองในมือเขาดึงดูดไปจนหมดสิ้นแล้ว
"ตราทองล้อมหยกพันกลไก วิชาขั้นหล่อหลอมร่างทารก ช่างเป็นวิชาหล่อหลอมร่างทารก......" ลมหายใจของเต๋าเสวียนจื่อกลายเป็นหอบหนักขึ้นมาเล็กน้อย ในดวงตายังแวบประกายอันตราย
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มของหลี่ฟาน รวมถึงความรู้สึกอันตรายเบาบางที่ส่งมาจากหมอกพิษในห้องลับ ทำให้เต๋าเสวียนจื่อตื่นขึ้นมาในทันที
"เป็นอย่างไร? คำที่ข้าผู้ชราพูดเป็นความจริงหรือไม่?" หลี่ฟานยิ้มถาม "เมื่อครู่ต่อหน้าโข่วหงพี่ใหญ่ของท่าน ข้าแค่บอกว่าวิชาที่บรรพบุรุษสืบทอดคือวิชาควบแน่นแก่นทองคำ ก็เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเกิดใจคิดชั่วอีก"
"สหายเจ้าความคิด ข้าน้อยนี้ยกย่อง" เต๋าเสวียนจื่อท่าทางเข้าอกเข้าใจลึกซึ้ง
หลังจากนั้นเขาตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย "สหายวางใจเถอะ โข่วหงพี่ชายข้าชำนาญวิชาหล่อหลอมอาวุธ ข้าจะไปชักชวนให้เขาทุ่มเทช่วยสหายซ่อมเรือไท่เหยียนอย่างเต็มที่"
หลี่ฟานหัวเราะฮ่าๆ "ถ้าเช่นนั้นก็ฝากด้วยแล้ว เมื่อเรื่องสำเร็จ ข้าจะมอบวิชานี้ให้ท่านด้วยมือทั้งสองข้างเอง"
อายุยืนยาวมีความหวัง เต๋าเสวียนจื่อตอนนี้อยากจะลากโข่วหงมาเริ่มลงมือทำงานเดี๋ยวนี้เลย
มองตาละห้อยด้วยความเสียดายที่เห็นหลี่ฟานเก็บวิชาไป ปิดห้องลับ เต๋าเสวียนจื่ออดใจรอไม่ไหว รีบไปตามหาโข่วหง