ตอนที่ 54 ที่ดินแห่งอาถรรพ์ และ ความตั้งใจของตัวข้า (อ่านฟรี 31/05/2567)
ภายในรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังที่ดินแห่งที่สาม
“เถ้าแก่ นี่ก็ที่สุดท้ายแล้วนะ ท่านมั่นใจจริง ๆ ใช่ไหมที่จะเอาที่ผืนนี้ ?” หานจุนหมิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล
“แน่นอน มีปัญหาอะไรรึ ?” ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะถามกลับไป
“ก็ที่ข้าบอกกล่าวกับท่านก่อนหน้านี้ ที่แห่งนี้นอกจากอยู่ใกล้กับประตูทางทิศตะวันออกซึ่งมีเหวดำอยุ่ ทำให้มีมอนสเตอร์มาบุกเป็นระยะแล้ว มันยังมีอาถรรพ์อยู่อีกด้วย” หานจุนหมิงทำหน้าเครียดก่อนจะกล่าวออกมา
“อาถรรพ์อะไร ? ผีสาง เทวดา คำสาปสวรรค์ ประมาณนั้นรึ ?” ชายหนุ่มกล่าวถาม เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เทียบกันแล้วไอ้วิชาควบคุมศพก่อนหน้านี้ยังน่ารังเกียจกว่าเสียอีก
“ที่แห่งนั้นในตอนแรกทางราชวงศ์ไม่ได้ต้องการจะขาย พวกเขามีแผนที่จะเปลี่ยนให้เป็นลานพักผ่อนขององค์จักรพรรดิเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่งดงามและลมปราณที่มากกว่าพื้นที่อื่น” หานจุนหมิงบอกเล่าถึงเรื่องราวให้ชายหนุ่มฟัง
“แล้ว ทำไมถึงไม่ทำล่ะ ?” ชายหนุ่มกล่าวถามออกมา
“เพราะทุกครั้งที่เริ่มการก่อสร้าง ก็เกิดภัยพิบัติขึ้นทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเป็นสายฟ้าจากสวรรค์ เพลิงที่ผุดขึ้นมาจากพื้น แรงกดดันไม่ทราบที่มา ทำให้สิ่งก่อสร้างและวัสดุต่าง ๆ ที่นำมาก่อสร้างล้วนถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่ก็ยังดีที่ทุกครั้งไร้ซึ่งคนตาย” หานจุนหมิงกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา
“เถ้าแก่ยังคิดจะซื้อที่ดินแห่งนี้อีกใช่หรือไม่ ? ข้าสามารถหาที่ดินแห่งอื่นให้ท่านได้อีก” เขาถามย้ำอีกครั้ง ต้องการให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ
“อืม ไปดูสถานที่ก่อนค่อยตัดสินใจก็แล้วกัน” ชายหนุ่มตอบกลับไป เขาไม่ได้ยึดติดมากนักว่าจะต้องเป็นที่ตรงไหน
“ข้าขอถามได้หรือไม่ ทำไมเถ้าแก่ถึงต้องการที่ดินว่างเปล่าล่ะ ?” หานจุนหมิงกล่าวถามสิ่งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าถามออกมา
“ข้าก็แค่อยากมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีบ้านให้กลับยามเหนื่อยล้า ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง ต่อให้ต้องออกเดินทางในอนาคต ก็ยังมีที่ให้กลับมา” ชายหนุ่มบอกเล่าถึงความคิดในใจของเขา
“แล้วอีกอย่างข้าก็ต้องการเปิดร้านเพื่อขายสินค้าโดยมีหน้าร้านที่มั่นคง เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก จะได้ไม่ต้องกังวลว่าเงินกินใช้จะหมด เพราะเมื่อชื่อเสียงของร้านข้าโด่งดังแล้ว ต่อให้ข้าจะอยู่ร้านบ่อยหรือไม่ ก็ยังมีเงินเข้าร้านไม่ขาดสายอยู่ดี” ชายหนุ่มกล่าวจบก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในใจ
ถึงยังไงเขาก็คงต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการเพิ่มระดับการฝึกตนเพื่อหาทางกลับไปตามหาคนรู้จักเก่าก่อน แต่การจะเพิ่มระดับให้ได้รวดเร็วนั้น การซื้อสินค้าจากระบบอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพื่อการนั้นจำนวนผลึกและค่าชื่อเสียงล้วนเป็นสิ่งสำคัญ เขาย้อนนึกไปถึงคำถามที่เคยถามระบบไปก่อนหน้านี้
...
[“ระบบ ถ้าข้าต้องการเพิ่มระดับการฝึกตนให้เร็วที่สุด เจ้ามีวิธีแนะนำหรือไม่ ?”] ชายหนุ่มกล่าวถามออกมา
ตอนนั้นเป็นตอนที่เขากำลังฝึกเคล็ดวิชาก่อเกิดจักรวาลอยู่ ถึงเขาจะรู้สึกได้ว่าระดับการรวบรวมลมปราณมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่กว่าจะฝึกวิชานี้จะสมบูรณ์ เลื่อนระดับขึ้นไปเหนือเซียนได้ ไม่รู้ว่าคนรู้จักในโลกก่อนจะตายกันหมดรึยัง
[“มี รายการสินค้าในร้านยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังไม่ได้รับการปลดล็อค ซึ่งการจะปลดล็อคได้ ต้องอาศัยค่าชื่อเสียงที่เพิ่มมากขึ้น หรือบรรลุภารกิจที่ซ่อนไว้ก็ได้เช่นกัน”] ระบบตอบกลับมาทำให้ความตั้งใจของชายหนุ่มยิ่งแน่วแน่มากขึ้น
ครึ่งหลัง
ในตอนแรกเขาต้องการเปิดร้านค้าเพื่อใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปวัน ๆ ก็เท่านั้น ฝึกวิชา กินข้าว เดินเล่น หรือถ้ามีเวลาก็อาจออกไปผจญภัยสักหน่อย แล้วค่อยกลับมา
แต่ในตอนนี้นอกจากฝึกวิชาแล้ว เขาคงต้องมุ่งมั่นในการขยายชื่อเสียงของร้านตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียแล้ว
[“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ายังมีสินค้าประเภทใดอีกที่จะช่วยเพิ่มระดับการฝึกตนของข้าได้ ?”] ชายหนุ่มกล่าวถามด้วยความสงสัย
[“เมื่อถึงเวลาโฮสจะทราบเอง”] ระบบตอบกลับมาก่อนจะเงียบไป ชายหนุ่มจึงใช้เวลาฝึกเคล็ดวิชาต่อ
...
“นายท่าน ดูเหมือนจะถึงแล้วนะ” เสียงของฟิชดังขึ้นมาจากทางหน้ารถม้า ทำให้ทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันอยู่หยุดการสนทนา ก่อนจะพากันเดินออกไปจากรถม้า
“มองดูแล้ว ช่างสวยงามกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก” ชายหนุ่มกล่าวออกมาหลังจากเห็นภาพตรงหน้า
ภายในเมืองที่ถนนถูกปูด้วยหินแกร่งทุกที่ กลับมาที่ดินซึ่งถูกปุคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวขจี มีต้นไม้จับกลุ่มกันอยู่บ้างแต่ไม่ถึงขนาดรกทึบ นกน้อยบินเล่นตามยอดไม้ทำรังแต่พอดีเพื่ออยู่อาศัย และพื้นที่บางแห่งก็มีผัก ผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้ แต่ก็เป็นจำนวนไม่มากนัก เพราะต้องขออนุญาตจากทางการเสียก่อน
ถัดออกไปจากทุ่งหญ้ากลับเป็นบึงน้ำสีเขียวมรกต มีดอกบัวขึ้นอยู่ประปราย มันช่างสวยงามเป็นอย่างมาก น้ำในบึงนิ่งสงบ แต่กลับมีปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายอยู่เบื้องล่าง ช่างเงียบสงบชวนให้จิตใจผ่อนคลาย หากดูจากภาพที่เห็นก็จินตนาการถึงที่ดินอาถรรพ์ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ไม่ได้สักนิด
ยามปกติที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยชาวบ้านที่มาปลูกผัก ผลไม้ จับปลาเลี้ยงชีพ รวมถึงผู้ฝึกตนที่เข้ามาบำเพ็ญเคล็ดวิชาอยู่มากมาย แต่ยามนี้กลับเงียบสงบ ไม่มีผู้ใดเผ่นผ่านไปมาเพราะทางการได้ปิดสถานที่แห่งนี้เอาไว้เพื่อจัดงานประมูลขายนั่นเอง
“รบกวนแสดงหลักฐานการเข้าร่วมประมูลให้ข้าตรวจจะได้หรือไม่ ?” เสียงของทหารนายหนึ่งดังขึ้น เรียกสติของชายหนุ่มให้กลับมา
“เชิญ” ชายหนุ่มยื่นบัตรที่ได้รับมาจากหัวหน้าหน่อยหิมะครามให้ไป
หลังจากเสร็จเรื่องราว ชายหนุ่มกับมนุษย์ปลาก็เดินตามทหารนายนั้นเข้าไปด้านใน ซึ่งถูกจัดสถานที่ไว้เหมือนกับที่ดินแห่งแรกไม่มีผิด แต่ตอนนี้ผู้คนที่เข้าร่วมงานประมูลกลับเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่เป็นที่สนใจของผู้คนจริง ๆ สินะ
“แก! มาจนได้นะ” ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นต้อนรับเขาทันที
“หืมม เจ้าคิดถึงข้าขนาดนั้นเลยรึ ?” ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา ที่แท้ก็ชายชราขี้หงุดหงิดที่เพิ่งเจอกันไปเมื่อเช้านี่เอง
“บัดซบ! เจ้ายังปากดีไม่หาย” โจวชือสบถออกมาด้วยความอารมณ์เสีย ด้วยเคล็ดวิชาของตระกูลเขา ทำให้สมาชิกเกือบทั้งหมดล้วนเลือดร้อน แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมแค่พูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้ากลับทำให้เขาเดือดดาลยิ่งกว่าปกติ
“ทำไมเจ้าถึงไม่ไปงานประมูลแห่งที่สอง ?” ชายชราพยายามข่มอารมณ์แล้วกล่าวถามออกมา ชายตรงหน้าทำให้เขาไปรอเก้อ
“ขออภัย พอดีข้าหลับ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยเสียงเรียบนิ่ง ไม่ได้ใส่ใจชายชราแม้แต่น้อย
“แก!” โจวชือเกือบข่มอารมณ์ไม่อยู่แล้วกระโจนไปซัดชายตรงหน้าเข้าแล้ว
แต่ถึงเขาจะอารมณ์ร้อนเขาก็ไม่ได้โง่เขลา เพราะตัวเขาก็เป็นผู้ฝึกตนระดับ ราชาปราณแล้ว แต่อาจสัมผัสการฝึกตนของชายตรงหน้าได้เช่นกัน ถ้าขืนวู่วามอาจเป็นเขาที่เสียเปรียบได้
ผู้เข้าร่วมประมูลโดยรอบได้แต่มองภาพที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ พวกเขาพยายามเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคตดี
“พ่อหนุ่ม เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก ข้าชื่นชมเจ้าจริง ๆ” อาจารย์ของแดนมายาต้วนหลี่เดินมากล่าวชื่นชม ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปมอง แต่พอเห็นว่าหญิงตรงหน้าสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ทำให้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ก็ทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่างในใจ
‘หรือข้าควรจะซื้อเคล็ดวิชานั้นดีนะ มองทะลุผ้า...’
มันจะ ไร้รางอายเกินไปรึเปล่า ?