บทที่ 31 : ทะลวงสู่อาณาจักรพระราชวังสีม่วง, เจตนาดาบขั้นห้า
บทที่ 31 : ทะลวงสู่อาณาจักรพระราชวังสีม่วง, เจตนาดาบขั้นห้า
งานเเต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีตระกูลเย่เป็นศูนย์กลาง…..และเหล่ากองกำลังจากสิบมณฑลหรือที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็ส่งตัวแทนมาร่วมงาน
เเม้แต่องค์ชายทั้งหกที่กำลังแย่งชิงบัลลังก์ของอาณาจักรต้าเซี่ยต่างก็ส่งของขวัญมาแสดงความยินดีทีละคน
เห็นได้ชัดว่าในยามนี้, แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะใจของตระกูลเย่ได้…..แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมเเพ้ง่ายๆเช่นเดียวกัน
ยามนี้, เมื่อมองดูโม่รุ่ยกวงผู้นำแห่งตระกูลโม่…..ซึ่งในตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความพึงพอใจ, มันส่งผลให้คนที่รู้จักเขาพลันรู้สึกเกลียดขี้หน้าเขาขึ้นมาเสียดื้อๆ
เนื่องจากอิทธิพลของตระกูลเย่….. ตระกูลโม่จึงมีการพัฒนาได้รวดเร็วอย่างก้าวกระโดด, พวกเขาได้มาจนถึงจุดที่แม้แต่ตระกูลหลักในเขตของพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะยั่วยุพวกเขาโดยง่าย
ทุกคนต่างเห็นพ้องตรงกันว่าตราบใดที่เย่หวู่ชางยังคงชีวิตอยู่อยู่ หรือตราบใดที่โม่ซีจุนไม่ได้ถูกเย่หวู่ชางทอดทิ้ง…..การพุ่งทะยานของตระกูลโม่ก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็อิจฉาริษยาโม่รุ่ยกวงที่มีบุตรสาวที่ดีเช่นนี้ได้
เเละในขณะเดียวกัน, พวกเขาต่างก็คิดว่าเย่หวู่ชางเป็นคนหลงใหลในความงาม…..ดังนั้นพวกเขาจึงนำสาวน้อยที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลของพวกเขามาเข้าร่วมงานเลี้ยง โดยหวังว่าพวกนางจะดึงดูดสายตาของเย่หวู่ชางได้
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาประเมินมาตรฐานของเย่หวู่ชางต่ำไป
เย่หวู่ชางนั้นไม่แม้แต่จะมองพวกนางเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลให้แม่นางน้อยทั้งหลายต่างอกหักกันถ้วนหน้า
เเต่มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เย่หวู่ชางไม่ได้ให้ความสนใจต่อพวกนาง
เพราะแม้ว่า เหล่าแม่นางน้อยเหล่านี้จะสวยงามเป็นพิเศษก็ตาม…..หากแต่เมื่อเทียบกับเย่ว์รู่ชวงและจ้าวชิงเกอ
ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของออร่าหรือรูปลักษณ์ พวกเเม่นางน้อยทั้งหลายไม่อาจเรียกว่าอยู่ในระดับเดียวกันได้
ยิ่งไปกว่านั้นพวกนางทั้งหลายยังไม่กระตุ้นการแจ้งเตือนใดๆจากระบบ……ซึ่งนั่นยิ่งทำให้พวกนางไม่ได้รับความสนใจโดยสิ้นเชิง
……….
หลังจากงานเเต่งงาน
เมื่อได้เข้าร่วมตระกูลเย่, โม่ซีจุนก็ต้องรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฎิกิริยาของภรรยาเอกอย่างเย่ว์รู่ชวง รวมทั้งจ้าวชิงเกอภรรยารองที่มาด้วยกัน
เดิมทีเธอคิดว่าทั้งสองคนมาพบเพื่อให้เธอเจอเรื่องลำบาก
อย่างไรก็ตามพวกนางกลับเป็นคนที่พูดคุยได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ และพวกนางยังปฏิบัติต่อเธออย่างมีน้ำใจ ซึ่งนั่นยื่งทำให้เธอตกตะลึง
แต่ในไม่ช้า เมื่อเย่หวู่ชางมาถึง
เเละหลังจากได้ใช้เวลายามค่ำคืนร่วมกัน…..เธอก็รู้เหตุผลได้อย่างชัดเจน
…….
ในยามเช้าของวันถัดมา
เย่หวู่ชางออกจากห้องด้วยท่าทางที่สดชื่นและภาคภูมิใจ ปล่อยให้โม่ซีจุนนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดเเรง
เธอไม่เคยคิดเลยว่าบุรุษผู้เย็นชาคนนี้…..ยามอยูบนเตียงจะมีความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้ได้
นางไม่อาจลุกจากเตียงได้เป็นเวลาสามวันสามคืน
จนเมื่อเย่หวู่ชางมาเยือนอีกครั้ง เธอถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว กลัวว่าเขาจะตรากตรำอีกครา
หากแต่หลังจากที่เย่ว์รู่ชวงได้ทราบข่าว นางก็เข้ามาปลอบโยนเธอ แล้วดุเย่หวู่ชางอีกที
เมื่อโดนดุเช่นนี้, เย่หวู่ชางก็ได้เเต่จำใจกลับมาเก็บตัวฝึกตนอีกครั้ง
เเละหลังจากการฝึกตนแบบคู่เพียงคืนเดียวกับโม่ซีจุน, เขาก็รู้สึกถึงคอขวดที่ค่อยๆคลายตัวลง
แรงผลักดันที่น่าสะพรึงกลัวได้พุ่งผ่านร่างกายของเขา
ในจุดตันเถียนและทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา, พลังงานวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ออร่าแผ่ขยายขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า…..จนมันปรากฎรัศมีอันเปล่งประกายหลายขั้น เเละเคลื่อนที่ไปรอบๆทิศทาง
สุดท้าย, ด้วยการนำพลังงานวิญญาณเหล่านี้มาหลอมรวมผสานเข้าด้วยกัน เย่หวู่ชางค่อยๆมองเห็นรัศมีสีม่วงที่ถือกำเนิดขึ้นมา
จากนั้น พลังงานวิญญาณจำนวนมากก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเป็นลมปราณสีม่วง และควบแน่นอย่างต่อเนื่องในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา
ในที่สุดเมื่อพระราชวังสีม่วงอันงดงามปรากฏขึ้นในตันเถียน แรงผลักดันอันน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็ระเบิดออกมาจากร่างของเย่หวู่ชาง
ในยามนี้ มันก็หมายความว่าฐานการฝึกตนของเย่หวู่ชางได้ก้าวจากอาณาจักรปราการสวรรค์ทะลวงไปสู่อาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้เรียบร้อยแล้ว
เเละถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงขั้นแรกของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง, แต่พลังการต่อสู้ของเย่หวู่ชางก็เพิ่มขึ้นมาหลายสิบเท่า
เมื่อรู้สึกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของตนเองเย่หวู่ชางก็รู้สึกถึงอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในยามนี้
ไม่เพียงแต่เขาได้ทะลวงไปถึงอาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้เท่านั้น, เเม้แต่เจตนาดาบขั้นสามก็ทะลวงไปสู่เจตนาดาบขั้นที่สี่ ซึ่งมันทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
“ไม่……มันยังไม่เพียงพอ ข้ายังสามารถแข็งแร่งขึ้นได้อีก”
“ระบบ, เพิ่มระดับความเชี่ยวชาญเจตนาดาบของข้า!”
เย่หวู่ชางไม่ลังเลและเลือกที่จะปรับปรุงอีกครั้ง
[ใช้คะแนนโชคลาภ 500,000 คะแนน เจตนาดาบเลื่อนเป็นขั้นที่ห้า!]
บูม~!
ออร่าที่ท่วมท้นของปรมาจารย์ดาบปะทุออกมาจากร่างกายของเขาโดยตรง
ทุกสิ่งรอบตัวเขาได้ถูกตัดเป็นผงด้วยรัศมีดาบของเขา
เจตนาดาบอันไร้ที่สิ้นสุดได้ปรากฏขึ้นเเละไหลวนอย่างต่อเนื่องรอบๆร่างกายของเขา
เจตนาดาบขั้นที่ห้า, ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างเเท้จริง
บางทีแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่หลายคนในจุดสูงสุดของอาณาจักรพระราชวังสีม่วงก็ยังไม่เคยมาถึงระดับนี้
…….
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เย่หวู่ชางก็ตกตะลึงกับพลังอันมหาศาลของตนเอง
ยามนี้เขารู้สึกว่าแม้จะเป็นอัจฉริยะระดับสูงของอาณาจักรพระราชวังสีม่วงขั้นที่ห้าหรือหกปรากฏขึ้นมา…..เขาก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้
เเละหลังจากออกจากการเก็บตัวฝึกตนในครั้งนี้, เย่หวู่ชางก็ไม่ได้ประกาศถึงความก้าวหน้าของเขาในการเข้าสู่อาณาจักรพระราชวังสีม่วง
สำหรับตระกูลเย่ในปัจจุบัน การฝึกฝนของเขาในระดับอาณาจักรปราการสวรรค์นั้นก็เพียงพอแล้ว
ส่วนผู้อาวุโสในตระกูลตอนนี้, มีผู้อาวุโสสูงสุดที่ประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่อาณาจักรปราการสวรรค์ด้วยความช่วยเหลือของผลต้นสมบัติใต้พิภพ
เเละอีกไม่นาน, ผู้อาวุโสอีกสองคนที่เพิ่งทะลุผ่านอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดก็จะได้รับผลของต้นสมบัติใต้พิภพเช่นกัน
ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ได้มาถึงขั้นปลายของอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์แล้ว….และพวกเขาคงจะใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองปีเท่านั้นที่จะถึงขั้นสูงสุด
ในขณะนี้ต้าเซี่ยอยู่ในช่วงสภาวะปั่นป่วน….ดังนั้น, เขาจึงไม่ต้องการโดดเด่นมากนักในช่วงเวลานี้
เท่าที่เขารู้, ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของต้าเซี่ยได้มาถึงจุดที่เขาไม่สามารถเข้าร่วมว่าราชการในช่วงเช้าได้เเล้ว
เเถมเขายังจำต้องพึ่งยาอายุวัฒนะชนิดสุดท้ายในทุกๆวันและสามารถตายได้ทุกเมื่อ….ซึ่งนั่นส่งผลให้การต่อสู้ระหว่างเหล่าองค์ชายได้มาถึงช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย
ดังนั้น, ตระกูลเย่เเละตัวเขาจำเป็นต้องเก็บตัวเล็กน้อยในช่วงเวลาเเบบนี้
…….
ในช่วงเวลาต่อมา
เย่หวู่ชางจึงเลือกเก็บตัวอยู่บ้านเเละใช้เวลาร่วมกับเหล่าภรรยาและลูกๆ
ทั้งยังมีการฝึกตนร่วมกันเป็นครั้งคราวกับเหล่าภรรยาหลังจากที่ลูกๆหลับไปในตอนกลางคืน
และทุกครั้งหญิงสาวทั้งสามคนต่างก็เหนื่อยล้าและหมดเเรง
แม้ว่าพวกเธอจะพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช แต่เย่หวู่ชางก็ยังคงไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและยืนกรานที่จะฝึกตนร่วมกับพวกเธอทุกวัน
กิจกรรมเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งหญิงสาวทั้งสามคนตั้งท้องทีละคน
อย่างไรก็ตาม, ในวันนี้มีสมาชิกกลุ่มหนึ่งมาแจ้งให้ทราบถึงเรื่องที่เขาไม่คาดถึงมาก่อน
“ท่านผู้นำตระกูล, องค์หญิงเซี่ยจือซวนมาขอเข้าพบขอรับ!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงจนไม่อาจโต้ตอบได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
………………………