บทที่ 623: ทางตันและการปรับปรุง!
ฉากนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน
บางทีสงครามที่แล้ว ๆ มานั้นอาจจะราบรื่นเกินไปจนบางคนทนการเสียท่านี้ไม่ได้ก็เกิดเป็นบ้าสติแตกไป มีหลาย ๆ กรณีที่เกิดการยิงผิดไปโดนพวกเดียวกันเองอีก
ที่แย่กว่านั้นคือเพราะปืนที่ทหารเหล่านี้ใช้ไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขใด ๆ ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถหยิบมาใช้ได้ ไอ้พวกโคโบลด์เมื่อมันฆ่าทหารได้แล้วเลยหยิบปืนเหล่านั้นออกมาไล่ยิงสวนกันมันมือ!
สำหรับชนพื้นเมืองของโลกโหลวเฉิงซึ่งมีร่างกายล้ำหน้าคนจากโลกเดิมไปไกลลิบนั้น แรงถีบของปืนไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย พวกมันเพียงชี้ปากกระบอกปืนกลับมาที่ทหารเชิ่งหลงแล้วเหนี่ยวไกแค่นั้น ลูกปืนก็บินเข้าร่างรัว ๆ แบบนิ่ง ๆ
มีแม้กระทั่งโคโบลด์ที่เหมือนจะมีความสามารถในการยิงปืนตั้งแต่เกิด พวกมันแค่หยิบปืนขึ้นมาก็สามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วแม่นยำขั้นเทพเลยอย่างกับฝึกฝนมาทั้งชีวิต
เพียงแต่ว่าพวกมันขาดประสบการณ์ในการรบด้วยอาวุธร้อน เพราะงั้นจึงทำเป็นแค่ยืนยิงเฉย ๆ ไม่วิ่งหลบไปมาเหมือนกับตอนถือดาบ ทำให้กลายเป็นเป้านิ่งและถูกยิงถล่มจนกลายเป็นเศษเนื้อ!
แต่ว่าก็ปฏิเสธเรื่องที่มีทหารมากมายถูกพวกโคโบลด์ยิงตายโดยไม่อาจขัดขืนไม่ได้!
ความเสียหายที่เกิดกับกองทัพเชิ่งหลงยังคงแพร่กระจายต่อไปเรื่อย ๆ สีหน้าของทุก ๆ คนในฐานบัญชาการต่างก็มืดหม่น ขณะที่ดูภาพสถานการณ์ที่ถ่ายส่งมาแบบเรียลไทม์อยู่นั้นก็ได้ระดมความคิดถึงวิธีการแก้ปัญหาไปด้วย
ผลการถกเถียงได้ข้อสรุปว่าจะปักหลักอยู่บนพื้นที่ที่ยึดได้ไปก่อน จากนั้นจะใช้ปืนใหญ่และยานพาหนะสงครามยิงถล่มข้ามฟากไปใส่พื่นที่ที่พวกโคโบลด์ถือครอง!
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ พวกโคโบลด์ที่เป็นกำลังเสริมก็มากันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ใช้ซากปรักหักพังของตึกที่ถล่มในการโต้กลับเมืองเชิ่งหลง
สงครามตีเมืองแต่เดิมได้เปลี่ยนไปแล้วในตอนนี้ และแน่นอนว่ามันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้บัญชาการกองทัพโดยสิ้นเชิง
ในกระบวนการของการพิชิตโลกโหลวเฉิง ในที่สุดเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ประสบพบเจอกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก!
ยิ่งได้ยินเสียงปืนรัวอยู่ข้างนอกแล้วก็ยิ่งแต่จะอารมณ์ไม่ดี เนื่องจากตอนแรกด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์จากโลกเดิมสามารถยึดแดนร้างเอามารวมเป็นปึกแผ่นได้เลยหลงตัวเองคิดว่าโลกโหลวเฉิงแม่งก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่าไป
ทว่าก็ลืมคิดไปเลยว่าโหลวเฉิงที่ตี ๆ ไปนั้นเป็นแค่โหลวเฉิงเลเวลต่ำ ๆ ขนาดเล็กจิ๋วที่มีจำนวนพลเมืองนิดเดียวเท่านั้น
แต่โหลวเฉิงระดับสูง ๆ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานซึ่งครอบครองพื้นที่ขนาดมหึมาต่างก็มีจำนวนพลเมืองกับนักรบเก่ง ๆ มากมายกว่านั้นไม่รู้กี่เท่า!
ทั้งอำนาจในการต่อสู้บวกกับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่พวกนั้นไปปล้นโลกอื่นมาได้เป็นตัวบ่งบอกเลยว่าพวกนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากำลังรบของโลกเดิมทั้งโลกเลยด้วยซ้ำ เผลอ ๆ ยังจะโหดกว่าด้วย!
ยิ่งเป็นพื้นที่ของเมืองที่เกิดจากการสร้างโหลวเฉิงหลาย ๆ แห่งมาเชื่อมต่อกันจนดูไม่ต่างจากเมืองของโลกเดิมนี่ยิ่งโหด
การต้องเจอกับศัตรูที่สร้างเมืองด้วยวิธีแบบนี้ไม่ต่างจากการที่นักเลงพลัดถิ่งหลงเข้าไปในรังโจรเจ้าถิ่นซักนิด!
แล้วยังมีอุปสรรค์ด้านภูมิประเทศอีก นี่ทำให้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหล่าทหารของโลกเดิมภาคภูมิใจนักหนาได้ลดประสิทธิภาพลงอย่างมาก
ประกอบกับการเผชิญหน้ากับพวกโคโบลด์ซึ่งแต่ละตัวล้วนเก่งกว่าเหล่าทหารในทุก ๆ ด้านแล้วยิ่งเสียเปรียบ และตอนนี้สถานการณ์ได้แย่ลงไปเรื่อย ๆ แล้ว!
ทหารของกองทัพเชิ่งหลงได้เสียชีวิตในหน้าที่ไปแล้วหลักพันคน แน่นอนแหละว่าสำหรับเมืองเชิ่งหลงแล้วนี่ไม่ใช่จำนวนคนตายจริง ๆ แต่เป็นจำนวนทรัพยากรที่สูญเปล่าของเหล่าหุ้นส่วนจากโลกเดิม!
ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือต้องหยุดการรบก่อน จากนั้นให้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องอย่างละเอียดจากประสบการณ์การรบที่ได้จากสงครามในครั้งนี้!
จนในที่สุดหลังจากที่ยิงกันอยู่ 2 วันทางกองทัพเชิ่งหลงได้ตัดสินใจปล่อยมือจากเมืองโคโบลด์ในบริเวณนี้และถอนทหารออกจาสนามรบ ซึ่งทิ้งทวนโดยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดและปืนใหญ่จัดการถล่มสถานที่ให้กลายเป็นซากปรักหักพัง
ฝ่ายโคโบลด์นับไม่ถ้วนที่อาศัยซากตึกในการซุ่มโจมตีก็ถูกถล่มตายคาตึกกันไปเป็นเบือ และมีผู้ที่สามารถหลบหนีเอาชีวิตรอดไปได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบจากที่มีอยู่เดิม
ถึงจะไม่ตายจากการโดนระเบิด ทว่าระหว่างหลบหนีก็ยังถูกฝ่ายเชิ่งหลงขี่เฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธไล่ยิงต่ออยู่ดี และบางทีก็มีกระสุนปืนใหญ่ยากรถถังที่วิ่งตามตกมาโดนหัวบ้าง ทำให้สุดท้ายแล้วมีผู้ที่หนีรอดได้สำเร็จไม่มากนัก!
จากข้อมูลที่ละเอียดที่สุดคือในสงครามครั้งนี้มีนักรบโคโบลด์ถูกสังหารไปกว่า 50,000 คน ส่วนพลเมืองชาวโคโบลด์ที่ต้องสังเวยชีวิตในครั้งนี้ไม่อาจนับได้!
พื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองโคโบลด์ถูกทำลายซึ่งนั่นได้รวมไปถึงโหลวเฉิงระดับต่ำ 5 แห่งและอาคารบ้านเรือนธรรมดาอีกนับไม่ถ้วน โดยทั้งหมดนั้นได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปเรียบร้อย!
ทางด้านกองทัพเชิ่งหลงเองก็จ่ายหนักไม่น้อย ถ้าไม่นับทรัพยากรที่เสียไปแล้วเอาแค่จำนวนทหารที่ตายก็ปาไป 1,500 นายแล้วอีกทั้งยังมีผู้บาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน!
แม้ว่าวิญญาณของทหารที่เสียชีวิตเหล่านี้จะถูกเก็บกู้และส่งกลับไปยังร่างเดิมที่อยู่ที่โลกเดิมแล้วก็ตาม แต่เกือบทั้งหมดได้สูญเสียโอกาสในการกลับมาเหยียบสนามรบอีกครั้งไปแล้ว
เนื่องจากว่าวิญญาณของคนธรรมดาไม่มีความแข็งแกร่งมากพอทำให้สามารถเปลี่ยนร่างโฮสต์ได้มากสุด 2 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นโอกาสที่เหลืออีก 1 ครั้งจึงไม่สามารถปล่อยให้สูญเปล่าไปง่าย ๆ เพราะถ้าเปลี่ยนร่างรอบนี้แล้วไปตายในสนามรบอีกล่ะก็จะเท่ากับว่าหมดโอกาสมาที่โลกโหลวเฉิงแล้วนั่นเอง
ดังนั้นจนกว่าจะหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ได้พวกทหารที่ตายจะไม่สามารถกลับไปยังโลกโหลวเฉิงได้อีก!
เมื่อส่งสรุปผลการรบให้กับเหล่าหุ้นส่วนแล้ว ในที่สุดทางนั้นก็ตระหนักได้แล้วว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เมื่อประชุมกันเสร็จแล้วก็เริ่มดำเนินการแก้ไขกันทันที
ปัญหาแรกที่ต้องแก้ไขคือเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดของเหล่าทหาร แต่เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีอื่นเลยนอกจากฝึกฝนให้หนักขึ้น
ในแง่ของการป้องกันนั้นได้เริ่มเอาอย่างเมืองเชิ่งหลงคือการผลิตชุดเกราะโลหะผสมแบบพิเศษให้กองทัพได้ใช้
เหล่าทหารที่สวมชุดลายพรางกันแม้กระทั่งอยู่ในโลกโหลวเฉิงได้เปลี่ยนและค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับเกราะที่รัดกุมแน่นหนาไม่สบายตัว
ถึงชุดเกราะจะใส่แล้วไม่สบายตัวก็ตาม แต่เรื่องการเซฟชีวิตนั้นเหนือกว่าชุดลายพรางไปหลายโยชน์
หากเหล่าทหารราบใช่เกราะนี้ในการรบก่อนหน้านี้ล่ะก็คงไม่มีคนตายเพียบขนาดนี้หรอกเอาจริง ๆ!
ขณะเดียวกันในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ได้มีการติดตั้งระบบระบุตัวตนเพิ่มเติมลงไปด้วย หากว่าไม่มีชิประบุตัวตนคอยซิงก์อยู่ตลอดล่ะก็อาวุธเหล่านั้นจะถูกล็อกทำให้แม้พวกต่างเผ่าจะฆ่าทหารและเก็บมันขึ้นมาใช้ก็ไม่สามารถยิงออก
นอกเหนือจากมาตรการเหล่านี้แล้วยังได้มีการศึกษาถึงลักษณะภูมิประเทศของเมืองระดับสูง ทำให้มีการนำเอาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการรบในภูมิประเทศนั้น ๆ ออกมาพัฒนาดัดแปลงกันเป็นการใหญ่ และเมื่อไหร่ที่ทำเสร็จก็จะถูกส่งไปทดสอบที่โลกโหลวเฉิงดูก่อนตามลำดับ
ต้องยอมรับเลยว่าสงครามครั้งนี้มีความหมายมาก มันได้ทำให้ฝ่ายมนุษย์ได้ตระหนักถึงข้อบกพร่องของตนเองตั้งแต่เนิ่น ๆ และมีเวลาในการพัฒนามากขึ้น จะได้ลดความสูญเสียลงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้ในอนาคต!
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้ทำให้การยึดครองพื้นที่ปกครองของพวกโคโบลด์โดยใช้ปฏิบัติการทางทหารล่าช้าลงไปก็จริง แต่ไม่ถึงกับหยุดเพราะยังมีการแพร่กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบเป้าหมายโดยยังเกาะติดพื้นที่ที่หมายตาไว้ไม่ปล่อย
ถึงกระนั้นการโต้ตอบของพวกโคโบลด์ก็ไม่เคยหยุดหย่อน แทบจะทุกวันได้มีการเปิดศึกกันรวม ๆ แล้วเป็นสิบ ๆ รอบโดยมีขนาดน้อยใหญ่แตกต่างกันไป
เสียงปืนเสียงระเบิดนั้นเกิดขึ้นบ่อยจนเคยชินไปแล้ว จะเห็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธบินไปมาไม่หยุดเพื่อไล่สาดกระสุนใส่พวกโคโบลด์แบบไม่ให้พวกมันได้พักเช่นกัน
มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะพอให้เหล่าทหารพอจะยืดอกกลับมาได้อีกครั้ง พันธมิตรของเหล่าหุ้นส่วนโลกเดิมได้เพิ่มกำลังทหารอีกรอบโดยอาศัยสถานการณ์นี้
หลังจากการการประชุมแล้วได้ข้อสรุปว่าครั้งนี้จะมีการเพิ่มจำนวนทหารถึง 500,000 นาย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังโลกโหลวเฉิงผ่านทางระบบที่จัดไว้!
และแน่นอนว่าปัญหาที่ตามมาคือร่างโฮสต์เริ่มไม่พอ เรียกว่ายังขาดอีกเยอะเลยก็ว่าได้ อีกทั้งอุปทานด้านลอจิสติกส์เอลก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นถังเจิ้นจึงต้องทำงานลูกหาบข้ามโลกจนหัวหมุนอยู่ทุกวี่วัน
แต่ก็ยังโชคดีตรงที่ถังเจิ้นได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากเหล่านักวิทยาศาสตร์โลกเดิมที่ได่รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากเขา จึงสามารถตั้งโรงงานโคลนนิ่งขึ้นที่โลกโหลวเฉิงได้สำเร็จและเปิดทำการอย่างเป็นทางการ ซึ่งเชื่อว่าปัญหาร่างโฮสต์ไม่พอจะแก้ได้ในเวลาที่ไม่นานเกินไปนัก
แรงกดดันคือพลัง มันได้ทำให้การวิจัยเรื่องถ่ายโอนวัตถุมีความก้าวหน้าขึ้นมาก
เมื่อรวมกับเทคโนโลยีวงเวทวาร์ปที่ถังเจิ้นเอามาให้ทำให้นักวิจัยสามารถถ่ายโอนสิ่งของที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กิโลกรัมได้สำเร็จจนได้หลังที่ทดลองกันอย่าไม่หลับไม่นอนมาอย่างยาวนาน
เพียงแต่ว่าผลลัพธ์ของมันยังไม่เสถียรเท่าไหร่ เกิดข้อผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้งมาก โดยส่วนใหญ่แล้วของที่อยู่ปลายทางไม่หายไปซะเฉย ๆ ก็หน้าตาเปลี่ยนจนจำสภาพเดิมไม่ได้ไปโดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ว่าการทดลองนี้จะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่มันก็ทำให้ถังเจิ้นอยู่ไม่ไกลจากการเกษียณจากตำแหน่งลูกหาบ
ถังเจิ้นอยู่ที่พื้นที่ที่ทำสงครามไม่กี่วันก็กลับเมืองเชิ่งหลงเพื่อไปเตรียมการขั้นสุดท้ายในการอัปเกรดโหลวเฉิงเป็นเลเวล 6
และจากนี้ไปเมืองเชิ่งหลงจะเปิดสนามรบต่างแผ่นดินและเริ่มออกเดินสู่การเป็นเมืองระดับประเทศ!