บทที่ 269: น้ำใจครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก! นี่คืออาเล็กสุดที่รักเลยเชียวนะ!
เมื่อท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่ได้ยินที่หลี่ชิงพูดก็ถามกลับว่า “แล้วไอ้เวรหลี่ไข่มันอยู่ไหนล่ะ มัวทำบ้าอะไรอยู่”
เมื่อหลี่ชิงเห็นว่าสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของชายชราได้สำเร็จก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่รู้เหมือนกันอะปู่ ช่วงนี้อาเล็กเอาแต่ขลุกอยู่ในห้องแล็บไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย”
ถังซิ่งหว่านที่รู้เรื่องราวภายในก็รีบอธิบาย “พี่หลี่บอกว่าพึ่งได้รับงานช่วยเหลือสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติทำการวิจัยระดับชาติอยู่น่ะค่ะ เห็นว่ามีกรรมาธิการมาคอยยืนคุมด้วย ตอนนี้น่าจะอยู่ที่แล็บ เดี๋ยวหนูโทรเรียกให้นะคะ”
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก ให้มันทำงานของมันไปเถอะ” ชายชรารีบหยุดถังซิ่วหว่าน
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักวิจัยก็ตาม แต่ก็รู้ดีถึงความสำคัญของการทดลองระดับชาติ อีกทั้งยังรู้ดีว่านี่คือเกียรติประวัติอันดีงามที่จะนำพามาซึ่งสิทธิประโยชน์มากมายอีกด้วย
เมื่อกี๊ ๆ ที่ลูกชายคนโตได้เลื่อนขั้นก็มาจากการที่ลูกชายคนเล็กมีส่วนร่วมในการบริจาคหญ้าอโดนาซี มันทำให้ลูกชายคนโตได้รับประโยชน์คือมีผลการประเมินที่ดีในบางด้าน
ถ้าหากวันหนึ่งลูกชายคนเล็กสามารถกลายเป็นนักวิจัยที่ยิ่งใหญ่ได้ล่ะก็ ตัวเองอาจจะถึงขั้นนอนละเมอลุกมานั่งหัวเราะเอากลางดึกเลยก็เป็นได้
ที่เขากล้าคิดแบบนี้ก็เพราะเจ้าลูกคนเล็กนั่นวาดลวดลายได้น่าทึ่งจริง ๆ
คิดได้ดังนี้ก็มองที่หลี่ชิง “เหลือแกคนเดียวแล้วนาที่ทำไรไม่เป็นโล้เป็นพายน่ะ ไม่เดินตามทางที่เราขีดไว้ให้แล้วเอาแต่เล่นกับเหล้าอยู่ได้”
“…” หลี่ชิงถึงกับพูดไม่ออกไปซะเฉย ๆ
‘แล้วไมไปเรื่องนั้นได้วะปู่
นี่ปู่จะบอกว่าแต่เดิมมีผมกะอาเล็กที่เคยไม่เป็นโล้เป็นพายมาก่อน แต่ตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียวงั้นเอ่อ?
งั้นแปลว่าในอนาคตจะมีแค่ผมที่ถูกทุบตี?
นี่มันไม่ยุติธรรมซักนิด
เมื่อก่อนตอนที่มีแค่ผมคนเดียวที่ได้เหล้าสมุนไพรชิงหลินไม่เห็นปู่จะพูดงี้เลยหนิ
แล้วตอนนี้ทำไมข้ามแม่น้ำได้แล้วถึงเผาสะพานทิ้งเล่า!’
ท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่ไม่สนใจว่าหลานชายจะคิดยังไงและยังคงพูดด้วยน้ำเสียงโมโห “ยังไม่พาฉันกับย่าแกไปเที่ยวบ้านไร่อีก!”
แล้วหลี่ชิงจะพูดอะไรได้ ก็ได้แต่เพียงนำทางไปอย่างเชื่อฟังเท่านั้น
ท่านแม่เฒ่าตระกูลหลี่จับมือถังซิ่วหว่านแล้วพูดว่า “มาเดินเล่นด้วยกันหน่อยสิลูก!”
“หา... อะ... ค่ะคุณป้า!” ถังซิ่งหว่านทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย
สำหรับผู้สูงอายุเช่นสองคนนี้ที่ที่สามารถเพลิดเพลินและสนุกสนานได้ในบ้านไร่ก็มีแค่ทะเลเฟื่องฟ้าและสะพานโป๊ะเท่านั้น
หลี่ชิงเป็นคนรู้จักเก่าของบ้านไร่อยู่แล้ว ดังนั้นเขาสามารถเข้าชมได้เลยโดยไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋ว แค่โผล่หน้าไปให้พนักงานเห็นและพาผู้ชราทั้งสองเดินเข้าไปภายในก็พอ
“โห!”
ไม่นานหลังจากเข้าสู่ทะเลดอกเฟื่องฟ้าชายชราก็ต้องประหลาดใจ “ทะเลเฟื่องฟ้านี่งดงามมากจริง ๆ”
เขาประหลาดใจจริง ๆ เพราะยังไง ๆ คนที่อายุเท่าเขาก็จิตใจด้านชาไปกับสิ่งสวยงามอะไรเทือกนี้ไปนานแล้ว แต่ว่าทะเลเฟื่องฟ้าแห่งนี้มันทำเอาใจที่ด้านชากลับมาเต้นอีกรอบอย่างไม่อาจควบคุม
ความดึงดูดใจ ความซาบซึ้ง ความงดงามอันล้นเหลือ ตลอดจนความรู้สึกสบายกายสบายใจที่สัมผัสได้ในทันทีนี้ทำให้เขาเหลือจะเชื่อจริง ๆ
โบนัสคุณสมบัติสวยงาม, เตะตา, ต้องใจ, สบายตาจากเกมนี่กระทบได้หมดไม่เกี่ยงอายุ
แปลว่าไม่ว่าคนจะสิ้นหวังแค่ไหนก็ยังยังได้รับผลกระทบจากโบนัสคุณสมบัติของระบบนี้
อย่างเช่นสาว ๆ ที่ถูกผู้ชายหลอกให้ต้องอกหัก แต่เมื่อมาเจอกับโบนัสคุณสมบัติสบายตานี้เข้าจะกลายเป็นมีความสุขทันทีทั้ง ๆ ที่ถูกผัวทิ้งมาแท้ ๆ
และยิ่งพูดให้ลึกขึ้นอีกก็คือยิ่งโบนัสคุณสมบัติ + เยอะขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกที่สัมผัสได้จะยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น
นี่คือความสุดยอดของระบบ
ดังนั้นเมื่อชายชราได้เดินลึกเข้าไปในทะเลเฟื่องฟ้าจึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เหลือจะเชื่อมากขึ้นเท่านั้น “ทะเลเฟื่องฟ้านี่สวยที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย ก่อนจะมาที่นี่ก็เปิดคลิปดูก่อนแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะสู้มาดูด้วยตัวเองไม่ได้แบบนี้”
หลี่ชิงไม่แปลกใจเลยกับปฏิกิริยาของชายชรา
ใครบ้างไม่เป็นแบบนี้เวลาที่มาเที่ยวทะเลเฟื่องฟ้าแห่งนี้เป็นครั้งแรก
จากนั้นเขาก็พาปู่กับย่าไปยังจุดเที่ยวชมสะพานลอยน้ำ และเมื่อชายชราได้เห็นแหนที่อยู่ทั่วทั้งทะเลสาบก็ต้องตกใจอีกรอบ “จากอ่างเก็บน้ำธรรมดา ๆ เปลี่ยนเป็นทัศนียภาพที่งดงามขนาดนี้ ถึงตาแก่อย่างฉันจะไม่รู้เรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เถอะ แต่ก็รู้แน่ ๆ แหละว่าไม่ใช่ง่าย ๆ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่บ้านไร่ชิงหลินหามาได้ขนาดนี้ ทางอำเภอควรต้องมาตรการการจัดการที่ดีให้ด้วย”
“เรียบร้อยหมดแล้ว” หลี่ชิงยิ้มตอบ
ชายชราพยักหน้า “อืม คนของทางอำเภอโหยวเฉิงยังก็มีสมองกันอยู่บ้าง”
พื้นที่ดูโป๊ะมีขนาดใหญ่กว่าทะเลเฟื่องฟ้า แน่นอนว่าชายชราไม่ได้มีแรงมากพอที่จะเดินดูให้ทั่ว เมื่ออายุเท่าเขาเรี่ยวแรงอะไรมันก็ไม่ค่อยจะมีแล้ว ดังนั้นหลี่ชิงจึงพาปู่กับย่าเดินชมแค่บริเวณทางเข้าอยู่ซักพักก่อนจะพาไปยังฟาร์มชิงหลินต่อ
แน่นอนว่าเมื่อเข้าฟาร์มมาชายชราก็ต้องตกใจอีกรอบเพราะทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่มีโบนัสคุณสมบัติหอมหญ้าสด +2, เปิดความรู้สึก +2, สดชื่นผ่อนคลาย +2, ประดับ +2
หลี่ชิงนั้นกังวลถึงเรี่ยวแรงของปู่กับย่าได้พาทั้งคู่ขึ้นมินิบัสเที่ยวชม
ชายชราที่นั่งอยู่บนมินิบัสเที่ยวชมทุ่งหญ้าอันน่าทึ่งที่มองไม่เห็นที่สิ้นสุดถึงกับอดถามไม่ได้ว่า “หลี่ชิง ที่ในเน็ตพูด ๆ กันว่าเพราะหญ้านี่ที่ทำให้ทั้งฟาร์มกลายเป็นภาพที่สวยงามขนาดนี้กับที่บอกว่าหญ้านี่อาเล็กของแกเป็นคนพัฒนาขึ้นมานี่จริงมั้ย”
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ในครั้งนี้ด้วย
ลูกชายคนเล็กพึ่งประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว พ่อแก่ ๆ อย่างเขามีหรือจะไม่ภาคภูมิใจ ทว่าเขาก็รู้ดีว่าก่อนหน้านี้ลูกชายตัวเองเป็นยังไงเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าเจ้าลูกคนเล็กที่ไม่เป็นโล้เป็นพายนั่นจู่ ๆ ก็ถูกชาวเน็ตซูฮกซะยกใหญ่จึงรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย
หลี่ชิงอธิบายว่า “จะไม่จริงได้ไงล่ะปู่ ทุกคนในบ้านไร้ก็เห็นกันหมดแหละว่าอาเล็กทำไรมั่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแกทำได้เองโดยที่ไม่มีความช่วยเหลือนา พอดีว่าเถ้าแก่ฉินน่ะไปพบดินที่หายากมาก ๆ ที่บ้านเกิดแล้วก็มอบดินทั้งหมดนั่นให้อาเล็กเอามาใช้ทดลอง นี่เป็นความลับที่คนนอกไม่รู้”
แค่ข้อความสั้น ๆ แค่นี้ท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่ก็มองอะไร ๆ ออกได้แล้วว่าดินที่หลี่ชิงพูดถึงนั้นคือตัวสำคัญที่คอยชี้ขาด
จะเห็นว่าความต่างของเจ้าลูกชายคนเล็กก่อนหลังมันชัดเกินไป และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำตัวโลว์โพรไฟล์เหมือนอย่างที่ชาวเน็ตว่ากัน
เขารู้ดีว่าการทดลองด้านพันธุกรรมที่อุณหภูมิต่ำของลูกคนเล็กนั้นเต็มไปด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด ทว่าแม้จะใช้เวลานานมากแล้วกลับยังไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ เลย
“ตระกูลหลี่เราเป็นหนี้บุญคุณเถ้าแก่ฉินอีกแล้ว” ชายชราสะท้อนอารมณ์
ถ้าเป็นคนอื่นมาได้เหมือนกันบ้างล่ะก็เกรงว่าคงไม่ด้อยกว่าเจ้าลูกคนเล็กของตนเช่นกัน
เพราะงั้นไม่ต้องบอกเลยว่าน้ำใจในครั้งนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
และแบบนี้ชายชราจึงได้รู้ว่าลูกคนเล็กของตนนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเถ้าแก่ฉินอย่างมาก
เมื่อรู้ทั้งหมดแล้วชายชราก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้ความรู้สึกผิดจากความไม่สมจริงแบบแต่ก่อนได้หายไปแล้ว
หลังจากนั่งมินิบัสเที่ยวชมฟาร์มแล้วหลี่ชิงก็พาชายชราออกจากฟาร์ม
“ปู่อยากไปพบฉินหลินป่าว” หลี่ชิงถาม
ท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่ส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก ฉันกับยี่ยี่บรรลุเป้าหมายที่มาแล้ว อีกทั้งจู่ ๆ จะไปพบหน้ากะทันหันเลยมันก็ไม่ดีด้วย”
“ขอแค่อาเล็กของแกยังมีความสัมพันธ์อันดีกับเถ้าแก่ฉินอยู่ก็พอแล้ว ส่วนแกน่ะเมียกะลังท้องเพราะงั้นอย่าเอาแต่มาอยู่ที่นี่ กลับบ้านไปใช้เวลากับเมียให้มาก ๆ ไว้ซะ”
เมื่อหลี่ชิงได้ยินดังนั้นก็ต้องตอบอย่างเสียมิได้ว่า “รู้หน่าปู่ เด๋วเหล้าชุดนี้เสร็จผมก็กลับแล้ว”
‘ขอแค่อาเล็กกับฉินหลินมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันก็ดีแล้วงั้นเหรอ
นี่ปู่ลืมไปแล้วเหรอวะว่าเราเป็นคนที่มาบ้านไร่ชิงหลินก่อนอะ
ดูซิ ตอนนี้เอาอกเอาใจอาเล็กซะเต็มเหนี่ยวเลย’
และแล้ววันที่อาหลานได้แบ่งปันทุกข์สุขต่อกันก็ได้หายวับไปตลอดกาล
แล้วทันใดนั้นเองชายชราก็พูดว่า “ยังไงก็ตามแกอย่าได้ลือมเอาเหล้าสมุนไพรชิงหลินมาให้ฉันด้วยสี่ขวด”
หลี่ชิงได้ยินก็ใจสลายและโพล่งออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว “ใครจะไปมีตั้งสี่ขวด ผมมีแค่สามขวดเองนะ!”
“เออ งั้นก็เอามาสามขวด!” ชายชราตอบกลับด้วยรอยยิ้มดั่งผู้ชนะ
“…” หลี่ชิงรู้สึกเหมือนจะเอ๊ะขึ้นมาได้และถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเมื่อกี๊มันอะไรกันวะ
แล้วก็รู้ตัวว่าพลาดเข้าให้แล้ว ตอนนี้เหล้าที่อุตส่าห์ซ่อนไว้มีอันต้องโดนปู่รวบไปจนเกลี้ยงแน่ ๆ แล้วสิ
ชายชราส่ายหน้าแล้วพูดว่า “แกเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ดีจริง ๆ ที่แกไม่เดินตามทางที่พวกเราขีดไว้ให้”
“…” จู่ ๆ หลี่ชิงก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
โอ้โฮ แค่หลอกแดกยังไม่พอยังมีขยี้ซ้ำด้วย?
หลี่ชิงไปส่งชายชราที่ลานจอดรถพลางมองดูเหล้าทั้ง 3 ขวดในมืออีกฝ่ายด้วยหัวใจที่เหมือนถูกกระซวกอย่างแรงกล้าและอดที่จะพูดไม่ได้ว่า “นี่ปู่ อาเล็กเองก็มีเหล้าสมุนไพรชิงหลินเหมือนกันนะ กว่าปู่จะได้มาก็ยากแสนยากเพราะงั้นเรากลับเข้าไปอีกรอบกันเถอะ”
‘ของกูโดนกวาดไปหมดแต่ของอาเล็กยังเหลือครบทุกขวด แบบนี้มันไม่แฟร์โว่ย
ก็ไหนเมื่อก่อนสัญญากันไว้ว่าเราอาหลานมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านไง เพราะงั้นตอนนี้หลานกะลังทุกข์อยู่อาก็ควรทุกข์ด้วยซี่มันถึงจะถูก’
แต่ชายชรากลับตอบกลับน้ำเสียงโกรธ ๆ “กูแก่ขนาดนี้จะเอาเหล้าไปแดกทำห่าไรเยอะแยะวะ ส่วนอาเล็กมึงที่ผ่านมาก็เอาแต่เรียน ๆ ๆ แล้วนี่ก็พึ่งจะมาหาเมียได้เอาตอนแก่เพราะงั้นก็ต้องเก็บไว้ใช้บ้างเซ่”
“...” หลี่ชิงรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
เมื่อเข้าไปในลานจอดรถ
ชายคนหนึ่งลงจากรถแล้วรีบเข้ามาช่วยชายชรารับขวดเหล้า
คนนี้คือคนขับรถประจำตัวที่ชายชราเลือกมาเอง
แม้ว่าชายชราจะเกษียณแล้วก็ตามแต่ว่าตำแหน่งก่อนเกษียณก็ใหญ่โตพอ และยังมีการเตรียมการหลังเกษียณไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วย
ขณะที่ชายชรากำลังจะขึ้นรถอยู่นั้นเองก็มีรถอีกคันมาจอดซึ่งมีคนรู้จักสองคนลงจากรถมา ทั้งคู่ทำให้หลี่ชิงต้องประหลาดใจเพราะว่าเป็นหลิวอี้กับเฝิงเหรินซึ่งเป็นลูกเขยตระกูลเว่ย (บทที่ 240)
หลิวอี้กับเฝิงเหรินลงจากรถมาก็เห็นพวกหลี่ชิงเข้าพอดีและแน่นอนว่าต้องจำท่านผู้เฒ่าตระกูลหลี่ได้
ทั้งคู่ต่างก็ตกใจอย่างบอกไม่ถูก
ท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลี่ถึงกับมาบ้านไร่ชิงหลินด้วยตัวท่านเองแบบนี้ดูท่าว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลี่กับเถ้าแก่ฉินจะใกล้ชิดกว่าที่คาด
เฟิงเหรินไม่กล้าลังเลรีบทักทายก่อนเลย “สวัสดีครับท่านผู้เฒ่าหลี่ ท่านแม่เฒ่าหลี่ พบกันอีกแล้วนะครับ”
“ไอ้หมอนี่ใคร” เห็นได้ชัดว่าชายชราไม่รู้จักเฝิงเหรินจึงถามหลี่ชิง
หลี่ชิงจึงอธิบายว่า “สามีของเว่ยเฉียนแห่งตระกูลเว่ยไงปู่ ท่านผู้เฒ่าตระกูลเว่ยเองก็เคยเข้าผ่าตัดเหมือนกันจำไม่ได้เหรอ คนพวกนี้เองก็มาขอสุราหยวนชี่จากเถ้าแก่ฉินเหมือนกัน”
พอได้ยินว่าเป็นตระกูลเว่ยชายชราก็พยักหน้าและพูดว่า “จงรู้วิธีการของเถ้าแก่ฉินและอย่าสร้างปัญหาให้ก็พอ”
“ไม่ต้องห่วงครับท่านผู้เฒ่า!” เฝิงเหรินรู้ว่าท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่หมายถึงอะไร ก็เรื่องสุราหยวนชี่นี่แหละ หากเขาเอาไปบอกต่อกับคนอื่น ๆ ล่ะก็คงได้แห่กันมาวุ่นวายกับเถ้าแก่ฉินเหมือนที่ตัวเองทำแน่ ๆ ล่ะ
ตระกูลเว่ยเองก็ไม่ใช่คนโง่ ทั้งเมียและพ่อตาต่างก็กำชับนักหนาว่าอย่าเราเรื่องนี้ไปปากโป้งที่ไหน
ท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่ไม่สนใจเฝิงเหรินมากนัก เขากับภรรยาขึ้นรถและกลับไป
หลี่ชิงมองตามหลังรถที่ค่อย ๆ ไกลออกไปด้วยหัวใจที่เศร้าสร้อย เพราะในฐานะนักดื่มระดับโปรแล้วการที่ปกป้องเหล้าที่ตนเองเป็นเจ้าของอยู่เอาไว้ไม่ได้นี่มันช่างน่าเศร้าใจซะเหลือเกินจะกล่าว
“เป็นไรไปเหรอคุณชายน้อยหลี่ ทำไมทำหน้าหมอง ๆ แบบนั้นล่ะ” เฝิงเหรินถามด้วยความสงสัย
ทว่าหลี่ชิงไม่อยากจะพูดถึงและถามกลับว่า “ว่าแต่นายเถอะมาทำไรอีกนิ”
เฝิงเหรินก็อธิบายว่า “ปู่ของภรรยาผมออกจากโรงบาลแล้ว เพราะงั้นผมเลยเป็นตัวแทนตระกูลเว่ยมาแสดงความขอบคุณน่ะสิ แถมเปี่ยวตี้ (ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายพ่อแบบเป็นน้องชาย) ของผมยังมีตั๋วกินมื้ออาหารสูงสุดระดับฮ่องเต้กับเหล้าสมุนไพรชิงหลินอีกหนึ่งขวดด้วย ของพวกนี้เห็นว่าเป็นของดีล้วน ๆ”
“...” ใบหน้าของหลี่ชิงยิ่งหดหู่มากกว่าเดิมอีกเมื่อได้ยินคำว่าเหล้าสมุนไพรชิงหลิน จากนั้นก็หันหลังหนีเดินเข้าบ้านไร่ไปเลย
ตอนนี้คำว่าเหล้าสมุนไพรชิงหลินเป็นอะไรที่เจ็บกระดองใจอย่างยิ่ง
เฝิงเหรินกับหลิวอี้มองหน้ากันด้วยความงุนงงกับฉากที่เห็น
คุณชายน้อยหลี่แกเป็นไรไปวะ
ทว่าทั้งคู่ก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องของคนอื่น สำคัญที่สุดตอนนี้คือการไปพบเถ้าแก่ฉิน
เฝิงเหรินเตือนอีกว่า “เดี๋ยวไปพบเถ้าแก่ฉินก็ถ่อมตัวให้มากกว่าเดิมด้วยนะ”
“เข้าใจแล้วหน่า” หลิวอี้พยักหน้าทันที
เขาไม่ใช่คนโง่
ขนาดท่านผู้เฒ่าตระกูหลี่ยังมาเองเลยโอเค้?
............................................................................................
อีกด้าน
หลังจากหลี่ชิงเข้ามาในบ้านไร่แล้วก็เกิดคิดขึ้นมาได้ว่าจะต้องหาทางเติมสิ่งที่เสียไปกลับคืนมา หลังจากที่คิดแผนการออกแล้วก็ได้หยิบมือถือออกมาส่งคลิปวิดีโอไปให้อาเล็ก
เป็นคลิปวิดีโอที่ถ่ายเมื่อกี๊ตอนที่พาปู่ ย่า และหมอถังไปเดินเที่ยวชมบ้านไร่
ตอนแรกก็ถ่ายเก็บไว้กะเอาไปเซอร์ไพส์อาเล็กเล่น ๆ อยู่แล้ว
ในตอนนี้หลี่ไข่ไม่ได้อยู่ที่ห้องทดลองชิงหลิน แต่อยู่ที่สำนักงานเช่าของแล็บ
ตอนนี้เขากำลังฝังตัวเองลงในกองกระดาษข้อมูลพลางทดสอบข้อมูลทางพันธุกรรมของเทียนมู่ทงฝูด้วยเครื่องมือที่อยู่ใกล้ตัว
ทั้งหมดนี้ทำเพื่อเอาไว้โชว์สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
เพื่อไม่ให้ต้องเชื่อมโยงไปถึงดินพิเศษทำให้เขาต้องสูญเสียเส้นผมไปหย่อมหนึ่งโดยไม่รู้ตัวจากงานนี้
และทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าของแอปวีแชต และเมื่อเหลือบมองก็เห็นว่าเป็นหลานชายส่งมาก็เลยกดดู
และเมื่อเคาะจอให้คลิปวิดีโอเล่นก็ต้องเห็นตาแก่พ่อตัวเองเดินด้วยกันกับถังซิ่วหว่านและต้องลุกพรวดด้วยความลก
เขายังไม่พร้อมที่จะพาซิ่วหว่านไปพบพ่อแม่ ครั้งล่าสุดก็อาศัยความช่วยเหลือจากน้องฉินเพื่อเคลียร์ทางให้ตนกับซิ่วหว่านได้อยู่ด้วยกัน แต่เรื่องนั้นก็ทำให้เขากลัวว่าพ่อตัวเองจะมีปมในใจด้วยเหมือนกัน
แล้วตอนนี้มันเกิดเชี่ยไรขึ้นอีก
ขณะที่หลี่ไข่กำลังลกจนทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นเองจู่ ๆ หลี่ชิงก็โทรเข้ามาและเขาก็รีบรับสาย “หลี่ชิง นี่มันเรื่องไรวะเนี่ย ทำไมตาแก่กับเมียถึงมาอยู่กับซิ่วหว่านได้วะ”
“ผมมีข่าวร้ายจะบอกอะอาเล็ก ปู่กะย่ามาหาหมอถังถึงบ้านไร่ชิงหลินเลยอะ แล้วผมก็มีเรื่องด่วนจะบอกอาด้วย” เสียงของหลี่ชิงดังขึ้น
“เกิดไรขึ้นกันแน่” หลี่ไข่ถามอย่างเป็นกังวล
“ก็จะอะไรเล่า เหล้าสมุนไพรชิงหลินทั้งหมดที่ผมมีก็ยกให้ตาแก่ไปหมดไง แถมแกยังรู้ด้วยว่าอาเองก็มี เพราะงั้นอาบอกมาเหอะว่าเอาไว้ไหน อย่าได้โกหกเชียวล่ะ เพราะอาคงไม่อยากให้แกโกรธเอาตอนนี้หรอกใช่มั้ย” เสียงของหลี่ชิงดังตอบมาอีกครั้ง
หลี่ไข่รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาทันใด
เพราะตอนนี้ตนต้องตรากตรำอาบเหงื่อตากน้ำแถมยังมานั่งปวดกะบาลซะขนาดนี้กว่าจะได้มาไว้ในมือ 3 ขวด แล้วจู่ ๆ ตาแก่พ่อตนจะมายกเค้าไปจนเกลี้ยงมันสมควรเหรอ
แต่ก็อย่างที่หลี่ชิงว่ามานั่นแหละ ตอนนี้แกก็เจอกับซิ่วหว่านแล้วเพราะงั้นเรื่องเหล้าก็ไม่ควรจะทำให้แกโกรธอีก อีกทั้งยังนึกถึงเรื่องที่หลี่ชิงโดนจับได้ว่าแอบซุกเหล้าเอาไว้และถูกด่าอย่างแรงมาก่อนด้วย
คิดได้ดังนี้หลี่ไข่ก็รีบพูดว่า “หลี่ชิง แกบอกตาแก่ไปนะว่าช่วงนี้ฉันยุ่งมากไปเยี่ยมไม่ได้หรอก แล้วแกไปที่ห้องบ่าวสาวของฉัน ไปเปิดกล่องที่ใส่อุปกรณ์ทดลอง ในนั้นมีเหล้าสมุนไพรชิงหลินสามขวด รหัสคือห้าสี่แปดเจ็ด เอาให้แกไปสองขวดนะ เหลือให้ฉันไว้ด้วยขวดนึง อย่าลืมล่ะ ตอนนี้อาเล็กของแกต้องการมันมาก ๆ เข้าใจมั้ย!”
บ้านไร่ชิงหลิน
หลี่ชิงมาถึงบริเวณห้องบ่าวสาวแล้วก็เข้าห้องของหลี่ไข่ทันที ซึ่งก็ตามคาดคือเขาเห็นกล่องดังกล่าว
หลังจากที่ใส่รหัสแล้วก็เปิดกล่อง แน่นอนว่ามีเหล้าสมุนไพรชิงหลินวางอยู่ 3 ขวด
ภาพนี้ทำให้เขาต้องยิ้มเยาะให้อาเล็ก
เมื่อก่อนแม่งไม่เห็นจะสนใจสูตรเสริมหยางสร้างใต แต่ทีตอนนี้ล่ะก็... ฮึ่ม...
แล้วเสียงของหลี่ไข่ก็ดังมาจากโทรศัพท์มือถือ “แล้วก็อย่าลืมพูดถึงฉันดี ๆ ล่ะ อย่ามาทรยศกันช่วงจังหวะเป็นตายนาเว่ย!”
“ไม่ต้องห่วงหน่าอาเล็ก ยังไงผมก็เป็นหลายชายสุดที่รักของอาเลยนา พวกเรามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านตอนอยู่ตระกูลหลี่มาโดยตลอดแล้วผมจะไปทรยศอาได้ยังไงกันเล่า” หลี่ชิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมไม่ทรยศหรอก เด๋วผมจะพูดถึงอากับหมอถังแบบดี ๆ ให้ รับรองเลยว่าปู่กับย่าจะต้องรักหมอถังมาก ๆ”
เขาไม่ได้โกหก เพราะปู่กับย่ารักหมอถังมากจริง ๆ
หลี่ไข่ได้ยินคำรับรองของหลี่ชิงก็กล่าวขอบคุณ “ขอบใจนะหลี่ชิง แกยังคงเป็นที่พึ่งยามยากให้ฉันได้เสมอเลย”
“อยู่แล้ว!” หลี่ชิงตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากวางสายเขาก็หยิบเอาเหล้าสมุนไพรชิงหลินออกมาทั้ง 3 ขวดแล้วกอดอย่างมีความสุข
แต่เมื่อเหลือบมองไปยังกล่องเปล่าก็นึกถึงเรื่องที่ปู่บอกว่าอาเล็กอายุปูนนี้แล้วพึ่งจะมีแฟนซึ่งก็คือหมอถัง... จากนั้นก็ยอมเอาขวดหนึ่งวางกลับลงไปด้วยความสำนึกผิดในที่สุด
เฮ่อ~ ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นอาเล็กที่สนิทกันที่สุดในตระกูลกันล่ะเนอะ