ตอนที่แล้วบทที่ 1 เซียนมาแต่ที่ใด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 สามัญชนปรารถนาจับเซียน

บทที่ 2 ตั้งปณิธานแสวงหาความเป็นอมตะ


ท่ามกลางความมืดมิด ตัวอักษรเล็กๆที่เรืองแสงหลายบรรทัดปรากฏขึ้นทีละภาพ

【เจ้ากลับมายังจุดยึดเหนี่ยวปีที่ 1 แล้ว ด้วยความดีใจเหลือล้น เจ้าได้แสดงอาการผิดแปลกออกไป เกือบจะโดนอาของเจ้าบังคับกรอกน้ำขับไล่ภูตผีปีศาจที่ขอมาจากหมอผีในหมู่บ้าน】

【ยังเหลืออีกครึ่งปีก่อนการสอบท้องถิ่น เจ้าอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วงที่บ้านทั้งกลางวันกลางคืน เนื่องจากเจ้ารู้หัวข้อข้อสอบล่วงหน้าแล้ว จึงแสดงท่าทางเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น แม้อาของเจ้าจะมีคำพูดตำหนิเจ้าเป็นประจำ แต่ในเรื่องการอ่านหนังสือ นางกลับสนับสนุนเจ้าเสมอมา】

【น้องชายผู้ใหญ่บ้านหมายปองที่ดินอุดมสมบูรณ์สืบทอดมาในตระกูลของเจ้า กดดันข่มขู่อยู่เบื้องหลัง อาของเจ้าในฐานะสตรี ถึงจะพยายามต่อต้านแต่ก็มีกำลังไม่พอ เจ้าใช้แผนการเล็กน้อยก็จัดการเรื่องนี้ลงได้ นับแต่นั้นมาอาก็มองเจ้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป】

【ครึ่งปีให้หลัง เจ้าได้เข้าร่วมสอบท้องถิ่น ถึงแม้จะได้เพียงอันดับท้ายๆในจำนวนสามสิบกว่าคน แต่ในที่สุดก็สอบติดเป็นจวี่เหริน(หรือคนที่สอบผ่านระดับท้องถิ่น) ทำให้วงศ์ตระกูลเกียรติยศเลื่องลือไปทั่ว】

【ปีที่สองของจุดยึดเหนี่ยว เจ้ามุ่งหน้าไปเมืองเสวียนจิงเพื่อเข้าสอบระดับมณฑล เจ้าเตรียมตัวมาดีจึงสอบผ่านอย่างง่ายดาย และในการสอบวังหลวงครั้งต่อมา เจ้าก็ทำผลงานได้โดดเด่น ได้อยู่ในอันดับสองของบัณฑิต ได้รับพระราชทานตำแหน่งจิ่นซื่อ】

【เจ้าเดินสายสร้างสัมพันธ์ในเมืองเสวียนจิง ในที่สุดก็ได้ดั่งใจหวัง ได้ตำแหน่งอำเภอเหวินเสี่ยนที่เจียงหนาน】

【ปีที่สามของจุดยึดเหนี่ยว เจ้าไปรับอาที่บ้านแล้วเข้ารับตำแหน่งที่อำเภอเหวิน เจ้าเริ่มเลี้ยงดูลูกน้องใกล้ชิดของตัวเองอย่างลับๆ ปีเดียวกันนั้น เจ้านำลูกน้องเข้าไปในภูเขาลึก และพบแหล่งแร่หลายแห่งตามความทรงจำในชาติก่อน】

【ปีที่สี่ของจุดยึดเหนี่ยว เจ้าสร้างระเบิดและปืนเชือกระเบิดได้สำเร็จจำนวนหนึ่ง กองทหารปืนไฟลูกน้องของเจ้าทดลองฝีมือครั้งแรก ก็ปราบโจรภูเขาแถบใกล้เคียงจนสิ้นซาก】

【ปีที่ 5 ของจุดยึดเหนี่ยว เกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ที่เจียงหนาน ผู้อพยพเร่ร่อนเต็มไปหมด เนื่องจากเจ้าได้ซ่อมแซมชลประทาน สร้างกังหันน้ำเพื่อผันน้ำตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นอำเภอเหวินใต้ปกครองของเจ้าจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ปีเดียวกันนั้น กลุ่มผู้อพยพหนึ่งรวมตัวกันก่อการกบฏ บุกเข้าโจมตีจวนหลางเยี่ย เจ้านำกำลังทหารไปถึงทันเวลา ช่วยเหลือตระกูลหลางเยี่ยรอดมาได้ ทำให้เจ้าหลางเยี่ยซาบซึ้งในบุญคุณเจ้าเป็นอย่างมาก】

【ปีที่ 6 ของจุดยึดเหนี่ยว เจ้าได้เลื่อนเป็นเจ้าเมืองเจียงไห่ ปีเดียวกันนั้น เจ้าได้แต่งงานกับบุตรสาวของหลี่ผู้ซีหลาง(ข้าราชการกรมปกครอง)แห่งราชวงศ์ปัจจุบัน】

【ปีที่ 7 ของจุดยึดเหนี่ยว เกิดภัยตั๊กแตนที่เจียงหนานโดยไม่คาดคิด ธัญพืชเก็บเกี่ยวไม่ได้ ผลกระทบน้อยที่สุดมีเพียงเมืองใต้อำนาจของเจ้าเท่านั้น ปีเดียวกันนั้น ภรรยาของเจ้าให้กำเนิดบุตรชายแก่เจ้าหนึ่งคน】

【ปีที่ 8 ของจุดยึดเหนี่ยว ลูกน้องของเจ้าสร้างปืนลูกสุบได้สำเร็จ】

【ปีที่ 10 ของจุดยึดเหนี่ยว องค์หญิงหลางเยี่ยให้กำเนิดโอรสหนึ่งพระองค์ เจ้าไปอวยพรด้วยตนเอง พร้อมมอบของขวัญที่เตรียมมาอย่างดี】

【ปีที่ 15 ของจุดยึดเหนี่ยว ฮ่องเต้ทรงประชวรหนักโดยกะทันหัน ก่อนสวรรคตมีรับสั่งให้เจ้าหลางเยี่ยเข้าวัง และยกบัลลังก์ให้แก่เขา เจ้าหลางเยี่ยขึ้นครองราชย์ เปลี่ยนนามรัชศกเป็น "เสวียนจิง"】

【ปีที่ 16 ของจุดยึดเหนี่ยว จักรพรรดิเสวียนจิงเรียกเจ้าเข้าวัง และแต่งตั้งเจ้าเป็นผิงผู้ซีหลาง(ข้าราชการกรมทหาร) ปีเดียวกันนั้น เกิดกบฏขนาดใหญ่เล็กขึ้นพร้อมกันในหลายพื้นที่ จักรพรรดิเสวียนจิงมีรับสั่งให้เจ้านำทัพปราบกบฏ】

【ปีที่ 18 ของจุดยึดเหนี่ยว เจ้าวิ่งวุ่นอยู่ตามที่ต่างๆ ในที่สุดก็กวาดล้างกองทัพกบฏจนหมดสิ้น หลังจากกลับเมืองหลวง จักรพรรดิเสวียนจิงเรียกเก็บอำนาจบัญชาการทหารของเจ้าคืน เลื่อนเจ้าเป็นผิงผู้ซางซู(มหาเสนาบดีกรมการทหาร) และให้เจ้าเป็นอาจารย์ใหญ่ของรัชทายาท】

【ปีที่ 20 ของจุดยึดเหนี่ยว พระมเหสีถูกใส่ร้ายขึ้นคดีวู่กู่(ไสยศาสตร์สะกดใจ) โดยกะทันหัน จักรพรรดิเสวียนจิงกริ้วจัด ขังพระนางในวังเย็น ฝ่าบาททรงโทมนัสเป็นกำลัง รัชทายาทมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าอย่างส่วนตัว เจ้าตกลงช่วยทันที หลังจากสอบสวนด้วยช่องทางส่วนตัวแล้ว ก็พบหลักฐานที่ชี้ชัดว่าองค์หญิงซีกุ้ยใส่ร้ายพระมเหสี ทำให้พระนางพ้นผิด จักรพรรดิเสวียนจิงเนรเทศองค์หญิงซีกุ้ยและเครือญาติสามชั่วรุ่น แต่กลับไม่ได้ปล่อยพระมเหสีออกมาจากวังเย็น】

【ปีที่ 21 ของจุดยึดเหนี่ยว มีผู้แอบกล่าวโทษว่าเจ้ากบฏ และนำหลักฐานที่เจ้าเคยขุดเหมืองเองและมีกองกำลังติดอาวุธอยู่ในมือยื่นต่อราชสำนัก เจ้าตกใจจนตัวสั่น รีบเขียนหนังสือขอรับโทษ จักรพรรดิเสวียนจิงถอดเจ้าออกจากตำแหน่งซางซู เหลือแค่ให้เจ้าสอนรัชทายาทเท่านั้น】

【ปีที่ 23 ของจุดยึดเหนี่ยว จักรพรรดิเสวียนจิงไปล่าสัตว์ช่วงใบไม้ผลิ ทรงรู้สึกหวั่นใจขึ้นมา จึงตัดสินพระทัยเสด็จกลับไปเยี่ยมจวนเจ้าหลางเยี่ยที่เขตเจียงหนาน】

【ปีที่ 24 ของจุดยึดเหนี่ยว จักรพรรดิเสวียนจิงเสด็จลงเจียงหนาน มีรับสั่งให้เจ้าตามเสด็จ ขณะที่ท่องเที่ยวเล่นน้ำบนภูเขาที่เจียงหนาน จักรพรรดิยังแวะไปดูเหมืองหลายแห่งที่เจ้าเคยขุดเองแอบๆด้วย】

【ปีที่ 25 ของจุดยึดเหนี่ยว จักรพรรดิเสวียนจิงเสด็จลงเจียงหนานเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้ พระองค์ไม่ได้พาเจ้าไปด้วย สามเดือนต่อมา เจ้าได้รับข่าวลับว่ามีคนแจ้งความว่าเจ้าแอบไปเยี่ยมพระมเหสีในวังเย็น ปีเดียวกันนั้น จักรพรรดิเสวียนจิงถูกลอบสังหารระหว่างเสด็จกลับเมืองหลวง ข่าวส่งถึงเมืองหลวง ทำเอาทั้งเมืองสั่นสะเทือน บรรดาขุนนางต่างพากันไปเชิญพระมเหสีออกจากวังเย็น หลังจากนั้นรัชทายาทก็ขึ้นครองราชย์ เปลี่ยนนามรัชศกเป็น "คังหนิง"】

【ปีที่ 26 ของจุดยึดเหนี่ยว เจ้าได้รับแต่งตั้งเพิ่มเป็นไท่ซื่อ(อาจารย์ใหญ่) และหัวหน้าสภาขุนนาง มียศฐาบรรดาศักดิ์สูงสุดในหมู่ข้าราชบริพาร ฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์ ต้องพึ่งพิงเจ้าเป็นอย่างมาก เจ้าใช้โอกาสนี้สร้างพรรคพวกและกำจัดศัตรู วางรากฐานกลุ่มอำนาจของตัวเองในราชสำนัก】

【ปีที่ 27 ของจุดยึดเหนี่ยว อาของเจ้าเสียชีวิตลง เจ้าเกิดความคิดที่จะตามหาวิชาเป็นอมตะขึ้นมาอีกครั้ง จึงส่งคนออกไปตามหาร่องรอยการดำรงอยู่ของเหล่าเซียน】

【ปีที่ 28 ของจุดยึดเหนี่ยว ฮ่องเต้ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แล้ว แต่อำนาจของเจ้ากลับเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ในราชสำนักแทบจะกลายเป็นเวทีของเจ้าคนเดียว】

【ปีที่ 30 ของจุดยึดเหนี่ยว ชาวบ้านทั่วหล้าต่างรู้จักแต่ท่านอาจารย์ใหญ่ แต่ไม่รู้จักฮ่องเต้】

【ปีที่ 31 ของจุดยึดเหนี่ยว พระมารดาฮ่องเต้ามีครรภ์ เรียกเจ้าเข้าวังอย่างเร่งด่วนเพื่อปรึกษาหารือ เจ้าดีใจมากจึงแอบพาพระนางกลับไปดูแลอย่างดีที่จวนอาจารย์ใหญ่ ปีเดียวกันนั้น พระนางคลอดบุตรชายให้เจ้าคนหนึ่ง】

【ปีที่ 33 ของจุดยึดเหนี่ยว เมื่อเจ้าเข้าเฝ้าตามลำพัง กลับถูกองครักษ์ที่จักรพรรดิคังหนิงเลี้ยงดูไว้อย่างลับๆล้อมจับ โชคดีที่ได้รับของวิเศษคุ้มครอง จึงรอดชีวิตมาได้ เจ้าโกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง ตั้งใจจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้แล้วแย่งชิงบัลลังก์ แต่เพราะพระมารดาฮ่องเต้อ้อนวอนและเหล่าขุนนางข้างกายช่วยกันทัดทาน เจ้าจึงยังไม่ได้ลงมือ เจ้าเพียงประหารขุนนางใกล้ชิดฮ่องเต้ให้สิ้น หลังจากนั้น จักรพรรดิคังหนิงก็เหลือแต่พระนามโดยไร้พระราชอำนาจใดๆ】

【ปีที่ 38 ของจุดยึดเหนี่ยว จักรพรรดิคังหนิงสิ้นพระชนม์ด้วยความเศร้าโศก เจ้าอภิเษกพระราชโอรสขึ้นเป็นจักรพรรดิ เปลี่ยนนามรัชศกเป็น "หลงฉาง"】

【ปีที่ 40 ของจุดยึดเหนี่ยว พระมารดาฮ่องเต้เสด็จสวรรคตเพราะความเจ็บป่วย ความปรารถนาที่จะเสาะหาเซียนของเจ้ายิ่งแรงกล้าขึ้น】

【ปีที่ 45 ของจุดยึดเหนี่ยว ภรรยาของเจ้าสิ้นชีวิตแล้ว】

【ปีที่ 46 ของจุดยึดเหนี่ยว บุตรชายคนโตของเจ้าจากไปเพราะความเจ็บป่วย】

【ปีที่ 48 ของจุดยึดเหนี่ยว ตามหาเซียนมาหลายปีไร้ผล เจ้าจึงยอมละทิ้งความคิดที่จะหาเซียน】

【ปีที่ 50 ของจุดยึดเหนี่ยว เซียนสองตนมาจากทางตะวันออกของเขาวงกตลึกลับ ทำลายเมืองเสวียนจิงในพริบตา เจ้าโชคดีรอดชีวิตมาได้หวุดหวิด】

......

【การจำลองครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว】

【เจ้าสามารถเลือกรักษาสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากตัวเลือกต่อไปนี้ไว้:

1. สิ่งของชิ้นหนึ่งที่ตัวเจ้าครอบครองอยู่ในการจำลองครั้งนี้ 
2. ขั้นการฝึกฝนวิชายุทธ์ของตัวเจ้าเองในการจำลองครั้งนี้
3. ความทรงจำในการจำลองของบุคคลหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตัวเจ้าในการจำลองครั้งนี้ ความทรงจำนี้สามารถสืบทอดไปยังบุคคลผู้นั้นได้
4. ยอมสละทั้งหมดข้างต้น เพื่อเร่งความเร็วในการเติมพลังงาน】

หลี่ฟานได้สติกลับคืนมา พบว่าตัวเองหวนกลับมาอยู่ในห้องหนังสือเก่าคร่ำคร่าของตนเองอีกครั้ง

มองไปรอบๆ ทิวทัศน์ที่ดูคุ้นเคยแต่ก็แปลกใหม่ไปพร้อมกัน ย้อนรำลึกชีวิตหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้หลี่ฟานอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ "ความจริงกลายเป็นความว่างเปล่าหรือทุกอย่างล้วนเป็นเพียงการจำลองกันแน่ สิ่งที่ดูสมจริงเกินไปจนทำให้เกิดภาพหลอนงั้นหรือ หรือไม่ก็ เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้ว ระหว่างความจริงกับความเท็จก็ไม่มีเส้นแบ่งแล้วกระมัง"

อย่างไรก็ตาม หลี่ฟานไม่ใช่คนชอบเศร้าโศกเสียใจนัก เขาสงบจิตใจลงได้อย่างรวดเร็ว แล้วหันมาให้ความสนใจกับ 4 ตัวเลือกตรงหน้า

ตัวเลือกที่ 1 และที่ 2 ไม่มีอะไรต้องคิดมากนัก หากหลี่ฟานได้เริ่มต้นเดินบนเส้นทางการฝึกฝนวิชายุทธ์ สองอย่างนี้จะช่วยเขาได้มากทีเดียว แต่น่าเสียดาย ที่ชาติก่อน เขาเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีระดับขั้นการฝึกฝนวิชาใดๆเลย

ส่วนสิ่งของที่มีค่าที่สุดของเขาเอง คงหนีไม่พ้นตราประทับหยกส่งต่ออำนาจแผ่นดินนั่นล่ะมั้ง

แต่มันก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน มีแต่จะนำภัยพิบัติมาให้เท่านั้น

ส่วนตัวเลือกที่ 3 การให้คนอื่นได้รับความทรงจำจากการจำลองครั้งนี้เหมือนกัน…

นี่ทำเอาใจของหลี่ฟานเต้นรัวเลยทีเดียว

ชั่วขณะหนึ่ง มีร่างของหลายคนผ่านเข้ามาในความคิดของเขา

แต่สุดท้าย เขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธมันไป

สุดท้ายแล้วจิตใจมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดา ใครจะรู้ว่าการได้รับความทรงจำหลายสิบปีแล้ว คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร

ตอนนี้ 【หวนเจิน】ยังเติมพลังไม่เต็ม ตัวเขายังคงเป็นเพียงนักปราชญ์ผู้อ่อนแอที่ไร้เรี่ยวแรงพอจะจับไก่มัดเชือก ไม่มีทุนสำรองพอให้เริ่มต้นใหม่ได้

ดังนั้น ทุกอย่างจึงต้องเน้นความมั่นคงเป็นหลัก

เหลือก็แต่ตัวเลือกที่ 4 แล้วสินะ

เร่งความเร็วในการเติมพลังงาน

ความสามารถในการแปรความจริงเป็นความว่างเปล่าของ 【หวนเจิน】นั้น จำเป็นต้องมีพลังงานมาเติม

ตามประสบการณ์ที่หลี่ฟานได้ลองผิดลองถูกมาในชาติก่อน ความคืบหน้าในการเติมพลังงานนี้จะเพิ่มขึ้นเองตามธรรมชาติได้ก็แค่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปเท่านั้น โดยต้องใช้เวลาราว 20 ปีจึงจะเต็ม

หลังจากความคืบหน้าในการเติมพลังงานถึงขีดสูงสุดที่ 200% แล้วก็จะไม่เพิ่มขึ้นอีก

ขณะเดียวกัน เมื่อหลี่ฟานได้รับการโจมตีที่อันตรายถึงชีวิต 【หวนเจิน】ก็จะใช้พลังงานส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องร่างกายโดยอัตโนมัติ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้หลี่ฟานในชาติก่อนรอดชีวิตจากความตายหวุดหวิดได้หลายครั้ง

ดังนั้น จึงถือได้ว่าตัวเลือกที่ 4 เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว หลี่ฟานไม่รีรออีกต่อไป เขาร่ำร้องในใจ

ทันใดนั้น ตัวอักษรเล็กๆที่เรืองแสงหลายบรรทัดก็กระจัดกระจายเป็นแสงสว่างก่อนจะเรียงตัวใหม่เป็นตัวอักษรสองสามบรรทัดอย่างรวดเร็ว

ชื่อ: หลี่ฟาน

ขั้น: สามัญชน

อายุทางกายภาพ: 20/86

อายุทางจิตใจ: 166/1056↑

ความคืบหน้าในการเติมพลังหวนเจิน: 30%

"สามชาติที่เกิดเป็นมนุษย์ รวมหนึ่งร้อยหกสิบหกปี ที่แท้ข้าก็ใช้ชีวิตมานานขนาดนี้แล้วหรือ แต่เพดานอายุทางจิตใจข้างหลังนั่น ข้าจำได้ว่าชาติก่อนมีแค่เก้าร้อยกว่าปี แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็นพันกว่าปีแล้ว ดูท่าสิ่งนี้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ชีวิตของข้า เห็นทีจะช่วยบรรเทาความกังวลในใจข้าไปได้บ้างแล้วล่ะ"

เปรียบเสมือนร่างกายที่มีจำกัดอายุขัย ความสามารถในการรับมือทางจิตใจก็มีขีดจำกัดบางอย่างเช่นกัน

เมื่อต้องแบกรับความทรงจำมากเกินไป ก็จะก่อให้เกิดภาระหนักหน่วงทางจิตวิญญาณ หากภาระนี้หนักเกินไป ก็จะบดขยี้ทำลายวิญญาณของคนคนหนึ่งได้อย่างราบคาบ

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า "การกัดกร่อนของกาลเวลา"

อย่างไรก็ตาม เพดานของอายุทางจิตใจจะเพิ่มขึ้นตามความสามารถในการยอมรับทางจิตที่เข้มแข็งขึ้น

ดูจากตอนนี้แล้ว หลี่ฟานคงยังไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้

"ขอเพียงได้เริ่มต้นเดินบนเส้นทางเซียน ทุกอย่างก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ตอนนี้เริ่มต้นใหม่แล้ว ความรุ่งเรืองร่ำรวย รถสวยสาวงาม ไม่ใช่สิ่งที่ข้าปรารถนาอีกแล้ว"

"ข้าต้องการเพียงความเป็นอมตะเท่านั้น!" ความเจ็บปวดที่ต้องเห็นคนรักเพื่อนสนิทในชาติก่อนจากไปทีละคน ความอ่อนแอและความหวาดกลัวที่มาพร้อมกับร่างกายที่ชราภาพ ทำให้ความตั้งใจของหลี่ฟานในขณะนี้ยิ่งหนักแน่นมั่นคงขึ้น

"เป้าหมายของชาตินี้ ก็คือการได้รู้ความลับของการฝึกเซียนจากปากของผู้ฝึกเซียนทั้งสองคนนั้น 50 ปีต่อจากนี้ พวกเขาจะลงมาที่เมืองเสวียนจิง เกมนี้ฝ่ายที่มีใจเป็นผู้เดินเกมชนะเสมอ ต่อให้พวกเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสร้างฐานตามที่เขาบอก ข้าก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะไม่ได้"

"นอกจากปืนใหญ่ดินปืนแล้ว สิ่งที่ข้าอาจพึ่งพาได้ ก็อาจมีหมอกพิษระหว่างเซียนกับมนุษย์ที่พวกเขาพูดถึงด้วย..."

"อีกอย่าง 50 ปี ข้าก็ไม่อาจนั่งรอเฉยๆได้ พวกเขามาจากเขาวงกตทางทิศตะวันออก บางทีข้าอาจส่งคนไปที่ก้นเหวนั่นดูสักหน่อยก่อนก็ได้ เพื่อสืบหาความจริง"

......

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของชีวิตคือการไร้ซึ่งเป้าหมาย ในชาติก่อน หลายครั้งที่หลี่ฟานตื่นขึ้นกลางดึกบนเตียงของพระมารดาฮ่องเต้ ก็มักจะรู้สึกโหวงเหวงและหลงทิศหลงทางเสมอ

ชาตินี้ เขาก้าวไปถึงจุดสูงสุดของคนธรรมดาแล้ว

เขาคืออาจารย์ของจักรพรรดิ แม้กระทั่งทหารม้าทั่วแผ่นดินก็อยู่ในกำมือ ขุนนางในราชสำนัก 8-9 ส่วนลงใต้อำนาจเขา

เขาสามารถทั้งถอดทั้งตั้งฮ่องเต้ได้ตามใจชอบ แม้แต่พระมารดาฮ่องเต้ก็ยังพร้อมมอบทุกอย่างให้ตามที่ขอ

จะให้สูงไปกว่านี้คงไม่ได้อีกแล้ว

การจำลองในครั้งต่อไป ก็จะต้องทำแบบนี้อีกหรือ?

ถ้าเช่นนั้น ชาติแล้วชาติเล่าวนเวียนกลับไปกลับมา มันจะมีความหมายอะไร?

อำนาจ ความสำราญ พอทำซ้ำไปมามากๆเข้าก็จืดชืดไร้รสชาติไปหมด

บางที หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลังจากผ่านรอบเกิดดับไปสักรอบ หลี่ฟานอาจจะเลือกยอมแพ้ และจบชีวิตตัวเองเอง

แต่ว่า!

การปรากฏตัวของผู้ฝึกเซียนทั้งสองนั่น ทำให้หลี่ฟานเห็นความเป็นไปได้อันใหม่!

ทำให้หลี่ฟานเห็นว่ายังมีโลกที่แปลกใหม่ เต็มไปด้วยความหลงใหลเย้ายวนกำลังโบกมือเรียกเขาอยู่

สร้างความทะเยอทะยานใฝ่ฝันและเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ให้กับหลี่ฟาน

เขาจะต้องฝึกวิชาเซียน!

เขาจะต้องมีชีวิตอมตะ!

ไม่มีใครจะหยุดเขาได้!

หลี่ฟานผลักประตูบ้าน เงยหน้าเดินออกไปอย่างสง่างาม

ก้าวเดินอย่างมั่นคงหนักแน่น!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด