ตอนที่แล้วบทที่ 172 เผ็ด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 174 ท้องระยะที่สาม

บทที่ 173 เล่นหมากรุก


“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เหลียงอี้เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ ไม่สามารถมองออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

ฉินชิงเห็นท่าทางของเหลียงอี้เป็นเช่นนี้ ก็ลังเลว่าต้องบอกเรื่องที่ผู้อยู่เบื้องหลังคือสนมโหลวดีหรือไม่

“เรื่องของฮองเฮา เจ้าช่างใส่ใจมาก ลำบากเจ้าแล้ว” เหลียงอี้มองฉินชิงแล้วกล่าว

“เรื่องของฮองเฮา ในเมื่อหม่อมฉันสามารถช่วยได้ หม่อมฉันก็ต้องช่วยเพคะ ไม่ลำบากเลย”

จากนั้นเหลียงอี้ก็เริ่มเสวยอาหาร และไม่ได้กล่าวถึงฮองเฮาอีก ฉินชิงเห็นเหลียงอี้ราวกับไม่สนใจเรื่องของฮองเฮามากนัก ดังนั้นนางจึงคิดว่าควรบอกเรื่องนี้กับเขาเมื่อหลักฐานทุกอย่างพร้อมแล้ว

ถึงอย่างไรตนก็ยังไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย ถ้าไม่ใช่สนมโหลว ก็อาจจะเสียหน้า เรื่องนี้คงต้องให้ฮองเฮาและสนมเยว่เป็นคนบอกเหลียงอี้เอง เพราะว่าอย่างไรพวกนางก็คือคนที่ถูกทำร้าย

หลังจากนั่งกินข้าวกับเหลียงอี้ที่โต๊ะอาหารเสร็จ ฉินชิงก็ดึงเหลียงอี้ไปที่ห้องโถงด้านใน พร้อมกับสั่งให้หยินผิงออกไปยกกระดานหมากรุกมา

เมื่อเห็นหยินผิงยกกระดานหมากรุกมาวางไว้แล้ว ฉินชิงจึงถามเหลียงอี้ด้วยรอยยิ้ม

"ฝ่าบาทอยากจะมาดวลกันสักตาไหมเพคะ"

ฉินชิงเห็นสีหน้าของเหลียงอี้ประหลาดใจเล็กน้อย ราวกับนึกไม่ถึงว่าฉินชิงจะเอากระดานหมากรุกออกมา ดังนั้นนางจึงอธิบายต่อว่า

"ช่วงนี้หม่อมฉันไม่มีหนังสือให้อ่านแล้ว และคงอ่านหนังสือข้างๆ ฝ่าบาทไม่ได้ หม่อมฉันก็เลยอยากจะทำสิ่งนี้เพคะ ฝ่าบาทไม่ได้เล่นหมากรุกกับหม่อมฉันมานานแล้ว อยากจะเล่นสักตาไหมเพคะ?"

เมื่อได้ยินฉินชิงกล่าวเช่นนี้ เหลียงอี้จึงยิ้มบางกล่าว

"หนังสือมากมายในห้องหนังสือเจ้าอ่านจบแล้วหรือ แน่ใจนะ? ให้เจิ้นส่งมาให้อีกหรือไม่? ที่นั่นเจิ้นมีพวกวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ปรัชญาอีกมากมายเลย"

"ฮ่องเต้อย่าได้ทรมานหม่อมฉันเลย หม่อมฉันอ่านแค่บันทึกการเดินทางก็พอแล้ว ดังนั้นเลยอยากจะเล่นอย่างอื่นบ้าง หนังสือของฝ่าบาทก็วางไว้ในห้องทรงอักษรของท่านจะดูมีคุณค่ามากกว่า ถ้าท่านเอามาให้หม่อมฉันที่นี่คงจะให้ฝุ่นเกาะเปล่าๆ"

ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าฉินชิงไม่อยากอ่านหนังสือเหล่านี้ ชาติก่อนในฐานะนักศึกษาสาขาวิทยศาสตร์ โดยเฉพาะหลังจากขึ้นมหาวิทยาลัย เซลล์ด้านวรรณกรรมที่เหลือล้วนตายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะอย่างไรทั้งหมดนางก็เอาแต่ศึกษาแผงวงจร

ถ้าชาตินี้ไม่ใช่เพราะการเลี้ยงดูและชาติกำเนิดดี เกรงว่านางก็คงไม่แม้แต่จะแตะต้องหนังสือเหล่านี้ แม้ว่าฉินชิงต้องเรียนนางก็สามารถเรียนได้ แต่ถ้าในยามว่างฉินชิงไม่อยากจะอ่านหนังสือเหล่านี้จริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอักษรในยุคสมัยนี้ต่างจากยุคในชาติก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะฉินชิงเรียนมาตั้งแต่เด็กก็อาจจะไม่สามารถอ่านตัวอักษรเหล่านี้เข้าใจ ดังนั้นถ้าต้องให้อ่านภาษาจีนโบราณในภาษาจีนโบราณอีกที คงต้องตายแน่ๆ

คิดถึงตอนนั้นคะแนนด้านภาษาของฉินชิงที่น้อยที่สุดก็คือภาษาจีนโบราณ ทุกครั้งที่มีสอบภาษาจีนโบราณนางจะเอาไว้ทำสุดท้ายวิชาอื่น ถ้าหากหมดเวลาก็ช่างมัน เว้นว่างไว้เช่นนั้น

ตอนนั้นทำให้อาจารย์สอนวิชาภาษาจีนโบราณโกรธไม่น้อย ทุกครั้งที่สอบเสร็จต้องเรียกฉินชิงไปคุยที่ห้องพักอาจารย์ตลอดว่าทำไมถึงไม่เขียนคำตอบวิชาภาษาจีนโบราณ และคำตอบของฉินชิงก็เป็นเช่นเดิมเสมอ 'อาจารย์คะ หนูอ่านไม่เข้าใจ หนูทำไม่ได้ค่ะ'

ด้วยเหตุนี้เมื่อฉินชิงมาถึงโลกนี้ในตอนแรก นางรู้สึกว่าแววตาสองข้างมืดมน งุนงงไปหมด เรียนเหมือนวิชาภาษาที่สอง เพราะได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินอยู่เป็นประจำ จึงทำให้คุ้นเคยและจับทางได้ในภาษาที่สองนี้

แม้ว่าจะเรียนรู้ค่อนข้างเร็วเพราะอายุในใจของนางเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งยังถูกท่านอาจารย์ชมว่าฉลาด แต่ฉินชิงรู้ว่าจริงๆ แล้วตนมิได้เรียนเร็วเลยสักนิด

ตอนนี้ยิ่งไม่อยากจะอ่านหนังสือด้านวรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ปรัชญาเหล่านั้นเลย ในห้องหนังสือเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าฝุ่นเขลอะไปนานเท่าไหร่แล้ว ฉินชิงรู้สึกว่าตนไม่อยากจะทำร้ายหนังสือใหม่อีก หนังสือยุคนี้ยังคุ้มค่าเงินอยู่

หลังจากเหลียงอี้ได้ยินเช่นนั้นกลับยกมือขึ้นดีดหน้าผากฉินชิงเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

"เจ้านี่นะ ก็เพราะไม่ชอบอ่านหนังสือพวกนี้ เจิ้นถึงได้อาวรณ์หนังสือเหล่านั้นของเจิ้น"

"ฝ่าบาทโกหกหม่อมฉันหรือเพคะ"

ฉินชิงคิดไม่ถึงว่าเหลียงอี้จะโกหกนาง ไหนว่าเป็นคนมีคุณธรรม เหตุใดถึงได้กลายเป็นคนถ่อยต่อหน้านางเช่นนี้เล่า?

"เจิ้นจะส่งหนังสือมาให้ชิงเอ๋อร์อีกแล้วกัน ศึกไม่หน่ายเล่ห์ เจ้าอ่านๆ ไปเดี๋ยวมันก็น้อยลงเอง"

หลังจากฉินชิงได้ยินเหลียงอี้กล่าวเช่นนั้น '???'

เหตุใดถึงได้กลายเป็นตนผิดล่ะ นี่คือสาเหตุที่ต้องอ่านหนังสือมากๆ ฝึกการพูดให้คล่องแคล่ว จะได้โต้เถียงเหลียงอี้สักครั้ง

"ฝ่าบาทมาเล่นหมากรุกกันเถอะเพคะ หยินผิงวางกระดานหมากรุกเสร็จแล้ว"

เมื่อไม่สามารถเอาชนะเหลียงอี้ได้ ฉินชิงจึงต้องเอาชนะหมากรุกเหลียงอี้ให้ได้ ดังนั้นวันนี้จึงไม่ออมมือ ไม่เหลือพื้นที่ว่างบนกระดานหมากรุก เจาะกลยุทธ์ของเหลียงอี้

ดังนั้น ตาแรกฉินชิงจึงชนะไป

"ในเมื่อชิงเอ๋อร์จริงจังแล้ว เช่นนั้นเจิ้นก็จะจริงจังบ้าง" เหลียงอี้รู้สึกว่าที่ตาเมื่อครู่นี้แพ้เพราะตนประมาทเกินไป ดังนั้นตาต่อไป เหลียงอี้คิดว่าตราบใดที่ตนตั้งใจต่อไป ก็ต้องเอาชนะฉินชิงได้อย่างแน่นอน

เหมือนกับการเล่นหมากรุกก่อนหน้านี้ คนที่ชนะ ก็ยังเป็นเหลียงอี้

แต่วันนี้สิ่งที่เหลียงอี้คิดไม่ถึงเลยก็คือ เมื่อมองไปที่หมากบนกระดาน ตนไม่สามารถไขปริศนาได้ ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปต้องเดินอย่างไรถึงจะสามารถทำลายหมากของฉินชิงได้

แม้ว่าจะต่อสู้อย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็ยังพ่ายแพ้ เหลียงอี้มองฉินชิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามตน ในใจของเขามีแต่คิดว่า

"ชิงเอ๋อร์เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?"

และเมื่อฉินชิงมองตนในที่สุดก็ลงหมากตัวสุดท้าย ตอนที่ชนะเหลียงอี้มันช่างสุขใจมากจริงๆ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ตนก็แพ้ ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้ลืมตาอ้าปากเสียที

ขณะมองเหลียงอี้ ฉินชิงก็รู้สึกว่าเขาประเมินศัตรูต่ำไป วันนี้ไม่เหมือนในอดีต ราวกับว่าไม่เจอกันเพียงไม่นานกลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว

"ชิงเอ๋อร์เก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?" เหลียงอี้มองไปที่ฉินชิงแล้วถาม

"หม่อมฉันเพิ่งจะบอกฝ่าบาทไปเองไม่ใช่หรือ? หนังสือในห้องนี้ หม่อมฉันอ่านเกือบจะหมดแล้ว แน่นอนว่าในนั้นก็รวมตำราหมากรุกด้วย"

"เจิ้นดูถูกชิงเอ๋อร์แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะศึกษามานานขนาดนี้"

"หม่อมฉันว่าง พอไม่มีอะไรทำก็พลิกอ่านดูไปเรื่อยเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่าบาทมีราชกิจรัดตัว เกรงว่าหม่อมฉันก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะฝ่าบาทได้" (ถึงอย่างไรก็ชนะแล้ว ในใจของฉินชิงยังโห่ร้องดีใจ และกดถูกใจให้ตัวเองด้วย)

"ฝ่าบาทอยากจะเล่นอีกสักตาไหมเพคะ?" ฉินชิงมองไปที่เหลียงอี้

"ไม่ล่ะ ตอนบ่ายเจิ้นยังมีธุระ นัดพวกขุนนางใหญ่ไว้ ไม่เล่นต่อแล้วล่ะ"

จะให้แพ้อยู่ที่นี่อีกตาหรืออย่างไร? ครั้งแรกครั้งสองยังพอได้แต่จะไม่มีครั้งที่สาม กลับตำหนักเซวียนเจิ้งไปศึกษาตำราหมากรุกแล้วค่อยกลับมาเล่นกับชิงเอ๋อร์อีกแล้วกัน

"น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท"

ฉินชิงมองกระดานหมากรุก และไม่คิดที่จะเก็บมัน ไปหยิบตำราหมากรุกที่ห้องหนังสือ แล้วเล่นกับตัวเอง แม้จะไม่มีใครต่อสู้ด้วยก็สามารถให้ความสนุกกับตัวเองได้

ตอนที่เล่นหมากรุกสนุกกว่าในบันทึกการเดินทาง ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะสามารถเอาชนะต่อไปได้หรือไม่

ฉินชิงรู้ว่าหลังจากเหลียงอี้กลับไปแล้วเขาต้องฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อจะเอาชนะตนให้ได้ในครั้งหน้า ความอยากเอาชนะของเหลียงอี้ ฉินชิงเคยเจอมาไม่น้อย ถึงอย่างไรตนก็เป็นคนที่มีใจอยากจะเอาชนะมากคนหนึ่งเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด