บทที่ 15: ตกตะลึง
จินอันนึกถึงบางสิ่งที่ผู้เฒ่า ผู้แก่ เคยกล่าวไว้
เขาบอกว่า
คนที่ตายโดยเปล่าประโยชน์ ตายอย่างอนาถ หรือตายอย่างไม่ยุติธรรม
หลังความตายจะมีลมหายใจแห่งความโศกเศร้า ขุ่นเคือง อาฆาตรแค่น ติดอยู่ในลำคอ
หากลมหายใจนี้ไม่หายไป
ศพมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย
ต่อมา เนื่องจากมีผู้ไม่รู้หนังสือจำนวนมากในสมัยโบราณ ผู้คนในยุคนั้นจึงอาศัยการถ่ายทอดด้วยวาจาเพื่อบันทึกเรื่องเล่า คำว่าภัยพิบัติและความขุ่นเคืองค่อนข้างคล้ายกันในภาษาพูด
ดังนั้น มันจึงค่อยๆ แพร่กระจายในเวลาต่อมา หมายความว่ามีลมหายใจคับแค้นติดในลำคอหลังความตาย
จินอัน ไม่มีเวลาคิดอย่างถี่ถ้วน...
"แล้วพบกันใหม่เจ้าค่ะ"!
หลังลมหายใจออกจากลำคอจากร่างของ หยางซิงเอ๋อ
จริงๆ แล้วมีไอจางๆ ลอยออกจากร่างของ หยางซิงเอ๋อ
เงานั้นโค้งคำนับในอากาศ ดูเหมือนจะโค้งคำนับต่อจินอันจากระยะไกล จากนั้นก็หายลับไป
มีเพียงจินอันเท่านั้นที่สามารถเห็นเหตุการณ์นี้
ไม่มีใครมองเห็นมัน
แต่มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เขาได้คลี่คลาย "คดีฆาตกรรมของเซียนอัสนี" และได้เห็นเหตุการณ์เดียวกันกับศพของหลี่ไซ่เหลียงหลังจากที่เขาแก้ต่างให้กับการตายของหลี่ไซ่เหลียง
ด้วยไอจางๆ บนร่างของ หยางซิงเอ๋อ เธอโค้งคำนับ จินอัน
จินอันซึ่งเคยฝึกฝนเทคนิคลัทธิเต๋า จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงวิถีเต๋าโดยไม่คาดคิด
จู่ๆ เขาก็เข้าใจ!
นี่คือร่างอวตารของคุณธรรมหยินแห่งสวรรค์!
ความคิดแวบหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของจินอัน แล้วเขาก็ใช้เทคนิคสัมผัสปราณที่เขาเพิ่งเรียนรู้จาก "บันทึกแห่งกวงผิง" ที่ศึกษาเมื่อคืนอย่างรวดเร็ว
“ผู้ที่มีคุณธรรมหยิน(เชิงลบ) จะได้รับผลรางวัลหยาง(เชิงบวก) และผู้ที่มีคุณธรรมหยินจะมีชื่อเสียงที่ดี” - "ฮ่วยหนานจื่อ บทเรียนแห่งมนุษย์"
ความดีงาม!
ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนักพรตลัทธิเต๋าหรือพระสงฆ์ของศาสนาพุธ และพระจากศาสนา พวกเขาก็ล่วนให้ความสำคัญกับคุณธรรมหยินของตัวเองเป็นอย่างมาก
เพราะคุณธรรมหยินเกี่ยวข้องกับเหตุและผลกรรม
ทุกคนย่อมมีเหตุและผล
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงมีคุณธรรมหยิน
คุณธรรมหยินเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้และไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาของมนุษย์ทั่วๆ ไป มีเพียงผู้บำเพ็ญตนวิถีเต๋าและศาสนาพุทธเท่านั้นที่มองเห็นได้ ซึ่งมีวิธีการเฉพาะของตนเอง
เขาเห็นส่วนหนึ่งของปราณลึกลับสีเหลืองที่มีหมอกลึกลับของบุญและคุณธรรม ซึ่งเห็นได้โดยเทคนิคสัมผัสปราณของจินอัน
จินอันตระหนักรู้ถึงบางสิ่ง ธรรมหยิน: 258 แต้ม !
เขาแก้ต่างความเข้าใจผิดให้ของหลี่ไช่เหลียง และได้รับคุณธรรมหยิน 100 แต้ม
เขาคลายความคับข้องใจของ หยางซิงเอ๋อ และได้รับคุณธรรมหยิน 100 แต้ม
ส่วนที่เหลือคือคุณธรรมหยินที่สะสมมาก่อนหน้านี้ของจินอัน
ตอนที่จินอันเห็นคุณธรรมหยิน เส้นทางแห่งวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่และเสียงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ดังขึ้นในใจของจินอันราวกับสายฟ้า: "ผนึกจักรพรรดิ!"
ฉากลึกลับนี้ทำให้จินอันตกตะลึง
แต่ไม่มีใครได้ยินเลย
ในตอนนี้ ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่รอบๆ ต่างก็ตื่นเต้น ที่มีทั้ง "คดีฆาตกรรมของเซียนอัสนี" และ "คดีผีพราย" ชาวเทศมณฑลฉางต่างปรบมือให้กับจินอัน
นั่นคือสิ่งที่ผู้คนต้องการ
ทุกคนมองเขาด้วยความนับถือและความเคารพ
“แม่ แม่ ข้าอยากแต่งงานกับคนแบบคุณชายจินอัน!”
มีเด็กผู้หญิงที่เป็นคนแก่แดดอายุ 5 หรือ 6 ขวบ อยู่ในฝูงชน ตะโกนออกมา
คำพูดของเด็กคนนั้น ทำให้พวกผู้ใหญ่หัวเราะออกมา
ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ทางการทั้งสองซึ่งหลังจากคุมตัว จางมู่หรง ที่ดูซีดเซียวและพ่อแม่ของเขาแล้ว ก็เข้ามาหา จินอัน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและพวกเขาก็โค้งคำนับเพื่อกล่าวขอบคุณจินอัน
“คนรู้ว่าผีน่ากลัว ผีก็รู้ว่าจิตใจคนมีพิษสง โลกนี้ช่างโชคดีที่มีคุณชายจินอัน”
นี่เป็นการประเมินบุคคลที่สูงมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจินอันทำให้คนอื่นเชื่อใจได้จริงๆ ในครั้งนี้
"ขอรับ?"
“!”
คำเยินยอที่พูดออกมาของทั้งสองคนนี้ทำให้จินอันมึนงง
ขณะเดียวกัน จินอันเหลือบไปเห็นเรือนร่างอันคุ้นเคยของหญิงสาวผู้สง่างามที่เดินถือกระบี่ท่องรอบโลกท่ามกลางฝูงชนข้างนอกบ้านหมอ เธอก็คือลูกสาวของผู้พิพากษาเทศมณฑลจาง
จู่ๆ ในตอนนั้นลูกสาวของผู้พิพากษามณฑลจาง ก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้กับบ้านหมอและเห็นกระบวนการคลี่คลายคดีของจินอัน
อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยไปทางจินอัน
จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไป
จินอันกล่าวคำอำลาเจ้าหน้าที่ทางการทั้งสองคนและบอกว่ามีเรื่องด่วนอยู่ในขณะนี้ จากนั้นเขาก็กุมมือและกล่าวคำสุภาพเล็กน้อยกับชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ตัวเขา แล้วรีบตามเรือนร่างเพรียวสวยขาเหยียดตรงไปในทันที
“เอ่อ คือ...”
จินอันอยากจะทักทาย แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าเขายังไม่รู้ชื่อของอีกฝ่าย
เขาอ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่รู้ว่าจะเรียกเธอว่าอะไร
จางหลิงหยุน กำลังเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่านแล้วหยุดอยู่หน้าพ่อค้าขายเกี๊ยว เรือนรูปอันงดงามของเธอกำลังหยิบกระเป๋าเงินอันบอบบางออกมาเพื่อที่จะจ่ายเงิน
ในตอนนี้ ดวงอาทิตย์ถูกบดบัง และมีคนยืนอยู่ข้างๆ จางหลิงหยุน
จินอันเป็นฝ่ายริเริ่มประจบจางหลิงหยุนและจ่ายเงินให้เธอ
เกี๊ยวมีราคาไม่แพง ไม่ถึง 5 เหวิน พ่อค้ายื่นเกี๊ยวที่พันด้วยเชือกฟางและใบบัวไปที่มือของจินอันด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ในสมัยโบราณ ผู้คนจำเป็นต้องแพ็คของเมื่อไปจับจ่าย โดยมักจะเตรียมกล่องอาหาร ตะกร้าไม้ไผ่ ถุงผ้า ไห่ เชือกฟาง ฯลฯ ไว้ล่วงหน้า แน่นอนว่ายังมีใบบัวธรรมชาติบริสุทธิ์ไร้ต้นทุนจำหน่ายแทนการบรรจุห่อด้วย
ยกตัวอย่างในละคร พ่อค้าแต่งกายด้วยผ้าลินิน ขายซาลาเปาสองสามลูก แต่กลับฟุ่มเฟือยห่อด้วยกระดาษน้ำมันเพราะคนเขียนบทปัญญาอ่อนและไม่เข้มงวด
กระดาษมีราคาแพงในสมัยโบราณ
พ่อค้าที่ขายซาลาเปาเนื้อห่อด้วยกระดาษน้ำมัน ซึ่งมันก็เหมือนกับพ่อค้าที่ขายหม้อไฟรสเผ็ดแล้วบรรจุในถุง หลุยวิสตอง มันคงสะดุดจาเกินไป
“คุณชายจินอัน ท่านต้องอะไรจากข้างั้นหรือ?”
จางหลิงหยุน เป็นคนฉลาด เธอเหลือบมองไปที่ จินอัน ด้วยสายตาที่เป็นดั่งฤดูใบไม้ร่วงของเธอมันกำลังจะแทงทะลุหัวใจของชายคนนั้น ความคิดของ จินอัน ถูกเปิดเผยออกมา ทำให้เขาเขินอายทันที
“จริงๆ แล้ว ที่ข้ามีเรื่องจะขอ เอ่อ…แต่ข้ายังไม่รู้ว่าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรเลย?”
“จางหลิงหยุน” หญิงสาวที่ถือกระบี่ สายตาเย็นชาและพูดน้อย กล่าว
“ข้าได้ยินมาว่า แม่นางหลิงหยุน ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยมาตั้งแต่เด็ก และได้ฝึกฝนศิลปะยุทธภายใต้ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเจ้า แม่นางหลิงหยุน มีความรู้มากกว่าข้า ข้าสงสัยว่าแม่นางหลิงหยุนเคย ได้ยินมาบ้างหรือไม่ ว่าจะซื้อหายาอายุวัฒนะของลัทธิเต๋าได้ที่ใด? หรือวิธีการทำอายุวัฒนะของลัทธิเต๋าก็ได้?”
จางหลิงหยุนส่ายหัวเบาๆ : "ผู้คนจากลัทธิเต๋าไม่เคยอยู่ร่วมกับชาวยุทธ"
ดูเหมือนว่าคดีที่ไม่เป็นธรรมที่ จินอัน เพิ่งคลี่คลาย จะทำให้ จางหลิงหยุน มีความประทับใจที่ดีต่อ จินอัน เด็กสาวเย็นชาอายุ 16 หรือ 17 คนนี้ ไม่ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของ จินอัน
จินอันดูผิดหวัง
แต่เขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสในการติดต่อกับคนของยุทธตักร ดังนั้น จินอัน ที่มีอารมณ์คิดบวก ก็กลับคืนความตั้งใจมาอย่างรวดเร็วแล้วถามคำถามอีกครั้ง: "ข้าสงสัยว่าแม่นางหลิงหยุนรู้หรือไม่ ว่าจะหาซื้อตำรายุทธได้จากที่ไหนบ้าง?
“เช่นทักษะดาบ ทักษะกระบี่ หรือทักษะมนต์ถาคาอะไรก็ได้”
ความคิดของจินอันนั้นเรียบง่าย
พืนป่าอันกว้างใหญ่
ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
อย่าแขวนคอตัวเองไว้บนต้นไม้*
*( อย่าแขวนคอตัวเองไว้บนต้นไม้ หมายถึง อย่ายึดติดกับวิธีใดวิธีหนึ่ง จงมีความยืดหยุ่น แขวนบนต้นไม้ อุปมาความดื้อรั้น ทนทุกข์ ยึดติดเพียงคนๆ เดียวหรือหนทางเดียว ไม่ปล่อยวาง และไม่ใช้วิธีการอื่น หรือเลือกเส้นทางใหม่ๆ )
ตอนนี้ความเร็วในการฝึกฝน "คัมภีร์อู๋ซัง" นั้นช้าเกินไป และเขาได้ตามหายาอายุวัฒนะของลัทธิเต๋าโดยเปล่าประโยชน์ เขาสามารถเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือตัวเองเพิ่มเติมได้ก่อนก็เท่านั้น เพื่อไม่ให้ต้องตายในโลกอันแปลกประหลาดและน่ากลัวใบนี้โดยไม่มีพลังที่จะปกป้องตัวเองได้
…เงาที่โดดเดี่ยวบนผืนน้ำอันเย็นยะเยือก สหายเก่าแห่งแม่น้ำและทะเลสาบ เหตุใดเราถึงต้องพบพานกันมาก่อน?
"ในจิตใจของบุรุษทุกคนมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นจอมยุทธ ที่จะท่องทั่วโลกไปด้วยดาบ และมีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถสังหารผู้อื่นได้ แต่ไม่มีใครสามารถฆ่าข้าได้"! (เอาจากในหนัง)
จางหลิงหยุน: "ข้าขอถามคุณชายจินอันได้หรือไม่ ว่าทำไมจู่ๆ ท่านถึงคิดจะเรียนศิลปะยุทธ?"
“พูดตามตรงนะ คุณชายจินอันแก่เกินไป และก็พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ศิลปะยุทธไปแล้ว”
“คงเป็นเรื่องยากที่จะมีความสำเร็จในภายภาคหน้า”
“แม้จะผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเป็นสิบๆ ปี…”
“แต่มันก็แค่สามารถฆ่าโจรธรรมดาได้มากที่สุดห้าหรือหกคนในเวลาเดียวกัน”
จินอันนิ่งเงียบในตอนแรก จากนั้นสายตาของเขาก็ดูเหมือนจะทะลุผ่านท้องฟ้าอันห่างไกล และเขาก็พึมพำด้วยเสียงต่ำ: "...ฉันแค่อยากจะหาทางกลับบ้านเท่านั้นเอง"
ในตลาดที่คึกคักและมีชีวิตชีวา แผ่นหลังของจินอันโดดเดี่ยวมากจนดูเหมือนเขากำลังนอนหงายอยู่
…
ทันทีที่จินอันกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เขาเริ่มศึกษาเสียงแห่งวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ดังกึกก้องในใจของเขา ที่เกิดขึ้นที่บ้านหมอว่ามันคืออะไร?
“ผนึกจักรพรรดิ!”
จินอันรับรู้สัมผัสเสียงแห่งวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่และเริ่มพูดคุยกับตัวเองในใจ
แต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง กลับไม่มีอะไรปรากฏขึ้นมา
จินอันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง คราวนี้เขาเพ่งสายตาและมองดูวัตถุสมุนไพรบำรุงเลือดและเติมพลังที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ผนึกจักรพรรดิ!”
เขารับรู้สัมผัสเสียงแห่งวิถีเต๋าอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง กระแสน้ำแห่งเต๋าห่อหุ้มวัตถุดิบยาบนโต๊ะ และแล้วกลิ่นหอมอันเข้มข้นของวัตถุดิบยาก็ล้นออกมารุนแรง จนไม่สามารถปกปิดทั่วทั้งห้องได้
นี่คือผลของยาที่เสริมแล้วงั้นเหรอ?
จินอัน ตะลึง!
(จบบท)
หากอ่านแล้วชอบ สามารถคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้นะครับ หรือติติง เรื่องการคำที่ใช้เพราะผู้แปลก็เป็นมือใหม่ในวงการนิยายครับ ขอบคุณครับ