ตอนที่ 85 ราคาสุดล้ำลึก
หม่าเซียง รู้จัก ลุงจิ่ว ดีเช่นกัน
ลุงจิ่ว ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม
เมื่อเขาโกรธแล้ว ตัวเขาจะยังมีจุดจบดีอยู่มั้ย?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาได้ไปยุ่งกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีสถานะสูงส่งกว่า ลุงจิ่ว
ดังนั้น ขณะนี้ หน้าตา และศักดิ์ศรี มันสำคัญอะไร
เขาโยนทิ้งมันไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม คนที่กลัวในตอนนี้มีแค่ หม่าเซียง คนเดียวหรือ?
เปล่าเลย.. กลุ่มลูกน้องในสังกัด หม่าเซียง ที่เห็น ลุงจิ่ว กำลังโกรธ
พวกเขาพากันหวาดกลัวทีละคนจนแทบจะฉี่ราดกางเกง และต่างคุกเข่าขอความเมตตา
บางสิ่งอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ย่อมยากจะหลีกเลี่ยง
ความทรงจำจะยาวนานได้อย่างไรหากไม่ยอมจ่ายราคาแพง?
ซูเหวิน ยิ้มเยาะพลางมองไปที่ จินจิ่ว แล้วพูดว่า : “จินจิ่ว ใช่ป่ะ ถ้าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาเป็นคนของคุณ งั้นจะจัดการอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคุณเถอะ!”
“แต่..พวกเขารบกวนผม และเพื่อนของผม”
“ผมจึงหวังว่าคุณจะให้คําตอบที่น่าพอใจแก่ผมได้”
ซูเหวิน กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย อีกทั้งมันยังดูเหมือนมีความหมายบางอย่างในคําพูดของเขา
คนอย่าง จินจิ่ว ที่ไหนจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของอีกฝ่าย?
“พี่ซู โปรดวางใจ คนที่อยู่ใต้ล่างฉันกล้ายั่วยุคุณ ไอ้พวกนี้มันมีตาเสียเปล่าแต่กลับไม่รู้จักแยกแยะสิ่งใดดีไม่ดี”
“ฉันจะให้พวกมันชดใช้ และฉันจะให้คําตอบที่น่าพอใจแก่ พี่ซู อย่างแน่นอน”
สีหน้าเขาเคร่งขรึมมาก และเขากล่าวรับรองอย่างมั่นใจให้กับ ซูเหวิน
เหตุการณ์ในโรงน้ำชาครั้งล่าสุด เป็นเพราะเขาไม่รู้ถึงตัวตนของ ซูเหวิน จนทำให้เขาเกือบจะมีเรื่องบาดหมางขุ่นเคืองกับบุคคลที่ไม่ควรแตะต้องยิ่งคนนี้เข้า
ตอนนี้คนของเขายั่วยุ ซูเหวิน อีกครั้ง
เรื่องนี้ถ้าเขาจัดการไม่ดี นี่ไม่ใช่จะสร้างความบาดหมางขึ้นอีกหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขามองไปที่ หม่าเซียง อดีตลูกน้องของเขา และหรี่ตาลงก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมว่า : “เซียงจึ และลูกน้องตัวน้อยของแกพวกนี้”
“พวกแกนี่มันไอ้พวกโง่ มีตาแต่ไม่รู้จักเขาไท่ซาน ไปทำให้ พี่ซู ขุ่นเคือง ดังนั้นอย่าได้มาหาว่าฉันโหดร้ายเลย”
ขณะที่เขาพูด เขาก็มองไปที่ลูกน้องกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขา
“ไปจัดการหักแขนขาพวกมันคนละข้างเอาให้พิการ เพื่อพวกมันจะได้รู้จักหลาบจำ”
จินจิ่ว พูดช้าๆ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา
ในฐานะบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองม่อ
แม้ว่าลูกน้องที่เขาพามาในครั้งนี้ มีไม่มากนัก แต่ทุกคนก็เป็นมือดีที่ผ่านประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย
เช่นนี้การจัดการกับ หม่าเซียง และคนอื่นๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขา จินจิ่ว อยู่ที่นี่
อีกฝ่ายมีหรือจะกล้าตอบโต้?
“ครับ”
ทันทีที่เขาพูด ลูกน้องหลายคนในชุดสูทที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็ก้าวขึ้นมา พลางตอบรับทันที
“ไม่ไม่.. ไม่เอาแบบนี้ ลุงจิ่ว คุณชายซู”
“เรารู้ว่าเราผิด เราไม่ควรยุ่งกับ คุณชายซู ได้โปรด…”
พอได้ยินว่า ลุงจิ่ว จะทำอะไรกับพวกเขา
หม่าเซียง และคนอื่นๆ หน้าซีดทันที
พวกเขาต่างเผยสีหน้าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
มันเรื่องตลกอะไรกัน
สูญเสียแขน ขา ไปข้างหนึ่ง
แล้วต่อไปพวกเขาทั้งหมดไม่ใช่ว่ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์เหรอ?
แม้ภายหลังจะรักษาสภาพ มือ และเท้า ได้ แต่ยังไงก็จำต้องพิการอย่างถาวรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
พวกเขาจะไม่กลัวจะไม่คิดขอความเมตตาได้อย่างไร?
แต่น่าเสียดายที่ พวกเขายังพูดไม่ทันจบ!
ลูกน้องของ จินจิ่ว ได้ลงมืออย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเพียงแต่เสียง ‘ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ’ ดังขึ้นชั่วครู่เท่านั้น
หม่าเซียง และคนอื่น ถูกทุบตีจนล้มลงไปนอนกับพื้นทีละคน
หมัด และเท้านับไม่ถ้วนกระหน่ำใส่พวกเขา
หลายคนเจ็บปวดสะบักสะบอมจนเกือบตาย
หมัด และเท้านี้ยิ่งมายิ่งมากขึ้น กระหน่ำลงมาราวกับห่าฝนบนแขนขาของใครหลายคน
พานจะได้ยินเสียง ‘คลิ๊ก’ ดังขึ้นเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
เห็นได้ชัดว่ากระดูกแขน และขาของพวกเขานั้นถูกทำร้ายจากภายนอก, ไปพร้อมกับเสียงแตกหัก
หลังจากทำเช่นนี้อยู่ 1-2 นาที หลายคนก็หยุด
หม่าเซียง และคนอื่นๆ มีสภาพปานจะตายจริงๆ
หลายร่างนิ่งไม่ไหวติง ..
โดยเฉพาะแขน และขาของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุด
กระดูก และกล้ามเนื้อสลายย่อมต้องใช้เวลานับร้อยวัน
ครั้งนี้หากพวกเขาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายเดือน เกรงว่าจะไม่สามารถคืนอิสรภาพได้แล้ว
“ฮ่าๆ!”
“พี่ซู ไม่รู้ว่าผลลัพธ์แบบนี้คุณพึงพอใจหรือไม่?”
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ได้รับบทเรียนไปในที่สุด
จินจิ่ว จึงยิ้มหัวเราะ มองที่ ซูเหวิน เพื่อเอาใจ
ซูเหวิน พยักหน้าน้อยๆ
“ก็โอเค เพียงแค่ได้รับบทเรียนที่ยาวหน่อยก็พอ”
“แต่ผมต้องบอกว่าวิธีการของคุณในวันนี้ ค่อนข้างฉลาด”
“เมื่อกี้ลูกน้องของคุณ หม่าเซียง พยายามที่จะหยาบคายกับเพื่อนของผม และซึ่งเธอเป็นลูกสาวของ เซี่ย เฉิงตง..”
“ถ้าวันนี้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับเธอ คุณลองคิดดูสิ คุณที่ซึ่งเป็นเจ้านาย หม่าเซียง จะหนีพ้นจากความสัมพันธ์นี้ ..ได้หรือ?”
ซูเหวิน กล่าวยิ้มเยาะอย่างจงใจ
จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนที่ปกติไม่เคยเกรงกลัวใครในสังคม ..เหล่านี้
และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้, ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา
ในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ผู้จัดการ หรือ จินจิ่ว และหม่าเซียง เองก็ตาม
ล้วนใจสั่นสะท้านระลอกแล้วระลองเล่า และต่างเผยให้เห็นสีหน้าตกใจ
“อะไร เธอ…เธอเป็นลูกสาวของ ประธานเซี่ย?”
จินจิ่ว มองไปที่ หญิงสาวหน้าตางดงามที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร ด้วยความไม่อยากจะเชื่อบนใบหน้าของเขา
ใครก็ตามที่อยู่ในเมืองม่อ ย่อมรู้แน่นอนว่าใครคือ เซี่ย เฉิงตง
ครั้งล่าสุดที่ โรงน้ำชา เซียนเฮ่อ
ก็เพราะว่าเขากลัว ประธานเซี่ย เขาถึงไม่กล้าทุบโรงน้ำชา
กลับกัน.. วันนี้ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นลูกสาวของเขา เขาจะไม่ตกใจไปได้อย่างไร?
และเมื่อนึกถึงคําพูดของ ซูเหวิน เมื่อกี้นี้
จินจิ่ว ที่ยิ่งคิด ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้ว!
หากมันเป็นไปตามที่ ซูเหวิน พูดจริง และหญิงสาวคนนี้เป็นลูกสาวของ ประธานเซี่ย
ถ้า หม่าเซียง ทำอะไรกับเธอ..
ผลที่ตามมานั้นร้ายแรงมาก และคาดว่าแม้แต่เขาก็ต้องซวยตามไปด้วย
ขณะเขาคิดไปคิดมาถึงเรื่องนี้ ความโกรธแค้นในใจ จินจิ่ว มันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เขามองไปที่ชายตัวก่อเหตุที่นอนอยู่บนพื้น แล้วอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปเหยียดเท้าถีบออกไปอีกครั้งอย่างแรง
หม่าเซียง ที่เจ็บปวดก็ตะโกนกรีดร้องออกมาโดยตรงอีกครั้ง
หลังจาก จินจิ่ว เตะ หม่าเซียง เสร็จ เขาก็หันมองไปที่ เซี่ย ซินเหยา ทันที แล้วรีบพูดว่า : “คุณหนูเซี่ย ฉันต้องขอโทษ ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ลูกน้องของฉันมันไม่ดูตาม้าตาเรือ และโง่เขลาเกินไป”
“คุณได้เห็นฉันสอนบทเรียนพวกเขาแล้ว ขอคุณอย่าได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลยนะ ไม่งั้นหาก ประธานเซี่ย รู้เรื่องนี้เข้า ผลที่ตามมาฉันรับผิดชอบไม่ไหวจริงๆ”
จินจิ่ว รีบประสานมือ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย มองไปที่ เซี่ย ซินเหยา พลางกล่าว
ไม่มีทาง ภูมิหลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่กล้ารุกรานจริงๆ!
ตั้งแต่ต้นจนจบ เซี่ย ซินเหยา เธอไม่ได้พูดอะไรเลย
ตอนนี้เมื่อเห็นคนขอโทษตัวเอง เธอก็พยักหน้า ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า : “พยายามควบคุมลูกน้องตัวเอง และหยุดทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นเถอะ”
จากนั้นเธอก็มองไปที่ ซูเหวิน อีกครั้ง ยิ้มแล้วพูดว่า : “ฉันกินเกือบจะหมดแล้ว เรากลับกันเถอะ!”
พูดจบเธอก็หยิบกระเป๋าขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป
อืมม.. มันก็ดูเป็นเรื่องปกติ
ท้ายที่สุดแล้วใครที่เจอเรื่องแบบนี้จะไปมีกะจิตกะใจกินต่อได้อีก?
นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้โกหก
อาหารทะเลบนโต๊ะนี้ เธอ.. กินเกือบจะหมดแล้วจริงๆ
แม้ว่า หม่าเซียง และคนอื่นๆ จะไม่มา พวกเขาคาดว่าคงจะกินไม่นานก็ออกไปแล้ว
“อืม งั้นไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย จะไป ซูเหวิน ย่อมไม่มีความคิดเห็นอื่นใดอยู่แล้ว
เขายิ้มเบาๆ แต่พอเห็นว่ามีคนมากมายที่นี่
ก็เตรียมพร้อมที่จะจับมือ เซี่ย ซินเหยา แล้วเดินจากไป
เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าขณะที่พวกเขาจะจากไป จินจิ่ว ก็ได้ร้องเรียกขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ประจบประแจง และต้องการอยากเพิ่ม VX เขา
เขาบอกว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือในอนาคต สามารถโทรหาเขาได้ทันที
และเขาจะช่วยเหลืออย่างเต็มทีแน่นอน
เดิมที ซูเหวิน ไม่อยากเพิ่มเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน!
แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานความกระตือรือร้นของอีกฝ่ายได้ไหว ทั้งยังจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้กับ ซูเหวิน
ซูเหวิน ก็บอกหมายเลข VX ให้เขา และให้อีกฝ่ายขอเพิ่มเพื่อนมา
หลังจากจากนั้น ซูเหวิน ก็ได้พา เซี่ย ซินเหยา ออกจากร้านอาหารแห่งนี้
“เฮ้ย!!”
“ขอโทษ..ขอโทษที เมื่อกี้เห็นว่าคนเยอะมาก”
“ผมเลยจับมือคุณ..”
หลังจากเดินออกจากร้านอาหารมาแล้ว ก็เดินต่อไปอีกประมาณสิบเมตร
ซูเหวิน ที่พบว่ามือของตัวเองสัมผัสกับอะไรนิ่มๆ ซึ่งมัน ..นุ่มลื่นดีจริงๆ
ดูเหมือนมันจะมีบางสิ่งที่พอได้สัมผัสแล้วมันให้ความรู้สึกสบายเป็นพิเศษ
จากนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่า..
เมื่อเขาออกมา เขาที่เห็นว่ามีคนเยอะมากก็เลยจับมือของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย …
เชร็ด!
ทันใดนั้นเขาตกใจมากจนรีบปล่อยมือ และกล่าวขอโทษ