บทที่ 78: การเตรียมการครั้งใหญ่ (ตอนฟรี)
บทที่ 78: การเตรียมการครั้งใหญ่ (ตอนฟรี)
“ท่านอาจารย์ ทุกครั้งที่ข้าต่อสู้กับใครสักคนในนั้น บทเพลงแปลกๆ ก็จะดังขึ้นด้วย”
“มันเป็นเพียงเสียงดนตรีธรรมดาๆ แต่ราวกับว่ามันมีพลังวิญญาณอยู่ภายใน มันทำให้คู่ต่อสู้ของข้าดูมั่นใจมากขึ้นในการต่อสู้” หวังเซียงชีพูดในขณะที่ความหงุดหงิดแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
ศัตรูในโลกวิญญาณลวงตาล้วนอ่อนแอกว่าเขา แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนของเขา ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่มีปัญหาในการเอาชนะพวกเขาด้วยการโจมตีเต็มกำลัง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะฆ่าคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ เสียงเพลงแปลกๆ และเร้าใจก็ดังขึ้นเพื่อจุดประกายจิตวิญญาณการต่อสู้ของศัตรูของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
ความท้าทายแต่ละครั้งทิ้งรอยแผลเป็นจางๆ ไว้บนจิตใจของเขา แต่เขาก็ค่อยๆ ชินกับมันในที่สุด และเมื่อใดก็ตามที่เสียงดนตรีบรรเลงขึ้น เขาก็จะพยายามรักษาระดับพลังเอาไว้ และหลังจากผ่านไปสามรอบ ศัตรูก็จะเหนื่อยล้าลงไปเองตามธรรมชาติ
“หากข้าเดาไม่ผิด บทเพลงนี้ก็สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับจิตใจได้ ดังนั้นเมื่อเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น ศัตรูของข้าซึ่งในตอนแรกอ่อนแอกว่าข้าเล็กน้อยจึงทรงพลังขึ้นจนแทบจะสามารถฆ่าข้าได้” หวังเซียงชีพูดอย่างประหม่า
“เจ้าเห็นแล้วสินะ นี่คือพลังของหัวใจที่ได้รับแรงบันดาลใจ”
ในขณะนี้ ซูฟ่านก็ได้นำสิ่งประดิษฐ์เป็นเครื่องเล่นเพลงทรงกลมออกมาแล้วมอบให้หวังเซียงชี
“เจ้าคิดว่าเสียงดนตรีนั้นดูเหมือนกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อศัตรูของเจ้าโดยเฉพาะใช่ไหม?” ซูฟ่านถาม
“ใช่แล้ว” หวังเซียงชีพยักหน้า
“อืม ในบ้านเกิดของข้า บทเพลงเหล่านี้ถูกเรียกว่าบทเพลงประกอบฉาก และเราก็มีคำพูดที่บอกว่า ไม่มีใครสามารถเอาชนะข้าได้ต่อหน้าบทเพลงของข้า”
“เจ้าต้องการเพลงประกอบฉากนี้ไหม?” ซูฟ่านยิ้มให้อีกฝ่าย
“ข้าต้องการ!” หวังเซียงชีพยักหน้า แม้ว่าเพลงที่เขาเคยได้ยินมาก่อนจะยิ่งใหญ่และสร้างแรงบันดาลใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่บทเพลงของเขา
“สิ่งประดิษฐ์ในมือเจ้านี้เป็นของขวัญจากอาจารย์ของเจ้า เมื่อเจ้าเปิดใช้งานมัน มันจะบรรเลงบทเพลงตามอารมณ์และสถานการณ์การต่อสู้ของเจ้า”
“สำหรับชื่อของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ บทเพลงสงครามไร้เทียมทาน!”
ซูฟ่านแตะสิ่งประดิษฐ์ในมือของหวังเซียงชีเบาๆ และทันใดนั้นเสียงกระบี่ปะทะกันชุดหนึ่งก็ดังก้องไปทั่วยอดเขา
ขณะที่ดนตรีเล่น เซียงชีก็ได้เข้าสู่สภาวะแห่งการรู้แจ้งโดยทันที
“ฮ่าฮ่า ดูเหมือนเจ้าจะชอบสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้มากเลยสิท่า” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม มองดูลูกศิษย์ผู้รู้แจ้งของเขา
ในอนาคต เมื่อใดก็ตามที่มีคนพูดถึงลูกศิษย์คนที่สามของเขา ผู้คนเหล่านั้นก็จะนึกถึงเสียงเพลงประกอบฉากอันเป็นเอกลักษณ์อย่างแน่นอน ฉากนั้นคงจะน่าสนใจไม่น้อย
ซูฟ่านเดาว่าในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า เมื่อลูกศิษย์ของเขาประสบความสำเร็จในการฝึกตน มันก็จะมีตำนานเช่นนี้ปรากฎขึ้นบนโลกแห่งการฝึกตนแน่ และวิธีเดียวที่จะเอาชนะเซียนกระบี่ผู้นี้ได้ก็คือการทำลายเครื่องเล่นเพลงของเขา
...
สามวันต่อมา ในห้องหลอมสมบัติ ซูฟ่านเริ่มสร้างสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าที่เขาเฝ้าจินตนาการมาอย่างยาวนาน นั่นคือสวนพกพา โดยใช้วัสดุที่ผางฟู่มอบให้เขา
“ด้วยรูนมิติและรูนแห่งความว่างเปล่า พื้นที่มิติของสวนระดับสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าจึงจะมีพื้นที่ประมาณ 20 เอเคอร์”
“น่าเสียดายที่มันไม่สามารถใช้เป็นสิ่งประดิษฐ์เก็บของได้ สิ่งเดียวที่ดีก็คือราคาที่สมเหตุสมผล และสะดวกในการพกพาและปลูกสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าบางอย่าง” ซูฟ่านพูดพร้อมกับลูบคางของเขา และสงสัยว่าจะมีตลาดสำหรับสิ่งนี้ในโลกแห่งการฝึกตนหรือไม่
“หากไม่มีคนซื้อ ข้าก็จะเก็บไว้ใช้เองเพื่อปลูกผักและปรับปรุงคุณภาพชีวิต”
ด้วยเหตุนี้เอง ซูฟ่านจึงสร้างสวนพกพาเพิ่มอีกสองชิ้นเพื่อที่จะขายให้ผางฟู่
...
ห้าวันต่อมา เมื่อผางฟู่นำสวนพกพาทั้งสองออกไปขาย เขาก็กลับมาที่เนินเขาเล็กๆ ของซูฟ่านภายในหนึ่งชั่วโมง
“ทั้งสองชิ้นถูกขายในราคา 200,000 หินวิญญาณ และยังมีคนที่ต้องการสั่งมันเพิ่มอีกสิบชิ้น”
“และข้าก็ได้นำทรัพยากรที่จำเป็นมาด้วยแล้ว” ผางฟู่กล่าวอย่างตื่นเต้น
ในตอนที่เขาได้รับสวนพกพาทั้งสองแห่งเป็นครั้งแรก เขาก็ได้เล่ามันให้ผู้ฝึกตนที่สนิทของเขาฟังโดยไม่ได้ตั้งใจ และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่ง อาจารย์ของผู้ฝึกตนคนนั้นก็ได้เข้ามาซื้อทั้งสองชิ้นและยังสั่งเพิ่มอีกสิบชิ้น
เงินดาวน์คือหนึ่งล้านหินวิญญาณ และมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ข้อตกลงที่น่าอัศจรรย์
“ขายดีขนาดนั้นเลยหรอ? ท่านคิดว่าเราควรขึ้นราคาอีกดีไหม?” ซูฟ่านถามผางฟู่ การขายทั้งสวนพกพาทั้งสองชิ้นออกไปได้นั้นไม่ได้พิสูจณ์ว่าของเขาขายได้ แต่การสั่งซื้อเพิ่มอีกสิบชิ้นต่างหากที่ยืนยันว่าของเขามีคนซื้อ
“การเพิ่มราคาไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เรามาประมูลมันกันเถอะ”
“มาทดสอบน่านน้ำภายในนิกายเทียนฉัวของเราก่อน จากนั้นจึงค่อยเลื่อนระดับไปทั่วทั้งเซียงโจว” ผางฟู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด เขารู้สึกว่าสวนพกพาอาจสร้างกระแสบางอย่างขึ้นมาได้
ซูฟ่านยกนิ้วให้ผางฟู่ โดยคิดว่าพ่อค้าคนนี้แตกต่างออกไปจริงๆ
“อย่างไรก็ตาม อาจารย์ซู คนอื่นจะเลียนแบบสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าชิ้นนี้ได้รึเปล่า?” ผางฟู่ถาม นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับพวกเขา
“ข้าว่าไม่ได้นะ แม้แต่ปรมาจารย์นักสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เชี่ยวชาญด้านรูนมิติก็ยังสร้างมันได้ยากเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ยังไม่ไปถึงขั้นปรมาจารย์และยังไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับรูนมิติเลย”
“นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใดก็ตามถูกนำเสนอออกไปสู่โลกภายนอก นักสร้างสิ่งประดิษฐ์คนอื่นๆ ก็มักจะไม่ทำมันซ้ำ เว้นซะแต่ว่าจะทำเพื่อตนเองหรือเพื่อเพื่อนของพวกเขา”
“พวกเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองและจะไม่ขโมยผลงานของกันและกัน” ซูฟ่านกล่าวอย่างสบายๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“แล้วกลับมารับของในอีกหนึ่งเดือนล่ะ” ซูฟานกล่าว
จิตวิญญาณของคนบ้างานถึงเวลาออกโรงแล้ว!
เมื่อใดก็ตามที่ทรัพย์สินของเขาลดลงต่ำกว่า 10 ล้านหินวิญญาณ ซูฟ่านก็จะรู้สึกไม่สบายใจ และเขาก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
หลังจากที่ผางฟู่จากไป ซูฟ่านก็เห็นศิษย์คนโตและคนรองบินเข้ามาพร้อมกันด้วยท่าทีจริงจัง
“ท่านอาจารย์ สมาชิกเผ่าปีศาจจำนวนมากได้ปรากฏตัวขึ้นที่เขตชายแดนของเซียงโจว และยังมีปีศาจขอบเขตมหายานเป็นผู้นำของพวกมันด้วย”
“ว่ากันว่าประชากรทั้งหมดในเมืองทองคำบูรพาได้ถูกสังหารลงไปแล้ว”
“ในตอนนี้ ทุกนิกายในเซียงโจวได้รวมตัวกันแล้ว และคงอีกไม่นานก่อนที่การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างมนุษย์กับปีศาจจะเริ่มต้นขึ้น” ซูกังรายงานต่อซูฟ่าน
“อืม การต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์” ซูฟ่านพึมพำ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเย่เสี่ยวเหยา
“หากมีสงคราม อาจารย์ของพวกเจ้าก็จะใช้ตัวตนของนักปรุงยาและนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเจ้าก็ยังอาจต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในสงคราม”
ซูฟ่านเริ่มครุ่นคิด พูดตามตรง เขาก็ไม่อยากเห็นศิษย์ของเขาต้องเข้าไปพัวพันในสนามรบ มันอาจเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่เขาก็คิดเช่นนั้นจริงๆ
สองพี่น้องติดตามเขามาตั้งแต่อายุหกถึงเจ็ดขวบ และหลังจากเลี้ยงดูมาหลายปี พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากลูกๆ ของเขาเอง
ซูกังและซูเยว่เซียนมองไปที่อาจารย์ของพวกเขาที่ดูเป็นกังวลและรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายปี พวกเขาก็ถือว่าอาจารย์ของพวกเขาเป็นคนที่พวกเขาสนิทสนมด้วยมากที่สุดแล้ว
“จากนี้ไป จงละทิ้งภารกิจทั้งหมดของพวกเจ้าและมาเก็บตัวอยู่ที่บ้าน ข้าจะถ่ายทอดวิชาลับทั้งหมดให้พวกเจ้าและให้พวกเจ้าเข้าไปฝึกในโลกวิญญาณลวงตา” ซูฟ่านกล่าว
ในนิกายเทียนฉัว เมื่อใดก็ตามที่มีการต่อสู้ขนาดใหญ่เกิดขึ้น ศิษย์ที่อยู่เหนือขอบเขตฝึกปราณก็จะถูกส่งออกไปรบ และนักปรุงยากับนักสร้างสิ่งประดิษฐ์ก็จะถูกซ่อนอยู่ในนิกาย
“นอกจากนี้ ข้าจะสอนวิชาลับสำหรับใช้หลบหนีให้แก่พวกเจ้าด้วย เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลเมื่อต้องอยู่ในสนามรบ” ซูฟ่านกล่าว
แผ่นหยกเปล่าปรากฏขึ้นในฝ่ามือของซูฟ่านและข้อมูลต่างๆ ก็ไหลเข้าไปข้างใน
“เยว่เซียน นี่คือรายการสมุนไพรวิญญาณที่เราต้องใช้ จงตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้าซื้อมันมาครบแล้ว”
“ส่วนซูกัง เจ้าจงไปรวบรวมวิญญาณของสัตว์อสูรเหนือขอบเขตก่อเกิดรากฐานมา ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น..”
*เก็บตัวฝึกตนของจริงละทีนี้
*เย่เสี่ยวเหยากับเฒ่าเจี้ยนแม่งสุดจัดของจริง ถึงตัวไม่อยู่ก็ยังสร้างเรื่องได้