บทที่ 50: [สำรวจอิสระ] หลังตรอกซ่อนเร้น (2)
บทที่ 50: [สำรวจอิสระ] หลังตรอกซ่อนเร้น (2)
ฉันได้วางแผนสั้นๆ อย่างรวดเร็ว
แผนไม่ซับซ้อน ฉันจะจงใจไปทำให้มิมิคโกรธ เมื่อมันกลืนฉันลงไป เดเมี่ยนจะเอาชนะมันและช่วยฉันออกมา
เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น เอวานเจลีนคงจะรู้สึกตลกขบขันเป็นแน่
พอเห็นฉันที่เป็นถึงองค์ชายทำตัวโง่เขลากว่าเธอที่ลื่นน้ำมัน มันคงจะลดความอับอายของเธอลงไปพอสมควร
“อะฮ่า ผมเข้าใจแล้วครับ”
เดเมี่ยนพยักหน้าตกลงทันที
"แต่ เอ่อ..."
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เอียงศีรษะด้วยความสับสน
“ทำไมท่านถึงอยากทำแบบนี้งั้นเหรอครับ?”
"หา?"
ฉันหยุดชั่วคราวและชะงักนิ่งไป
“ผมเข้าใจเหตุผลนะครับ แต่มีความจำเป็นที่ท่านต้องทำให้ตัวเองต้องอับอายแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”
“…”
เขาพูดถูกมากๆ
ไม่มีใครสั่งให้ฉันทำแบบนี้สักหน่อย เอวานเจลีนเองก็คงไม่เข้าข้างฉันหรอกที่ทำตัวโง่เขลา
แต่หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ยักไหล่และตอบไปว่า
“อืม… ก็การทำให้ใครบางคนหัวเราะเป็นหน้าที่ของฉันนิ!”
ในอดีต การเป็นสตรีมเมอร์เป็นงานหลักของฉัน
ถ้าฉันสามารถสร้างเสียงหัวเราะด้วยการทำอะไรแปลกๆ ด้วยการถ่ายทอดสด มันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว นั่นแหละคือความคิดของฉัน
“…”
เดเมี่ยนเงยหน้าขึ้น ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันคิดเลย
ฉันยิ้มให้เขา เลียนแบบการกระทำของเขาด้วยการแตะที่หัวเขาคืน ไม่เป็นไรหรอกน่าเจ้าหนู
***
ซึ่งหลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าแผนของฉันจะประสบความสำเร็จมาก
ทันทีที่ฉันสัมผัสกับหีบสมบัติ แขนและขาของมันที่ผุดออกมาจากล่องก็จับตัวฉันไว้
ในขณะที่ตัวกล่องเปิดออก ฟันอันคมกริบเต็มปากก็เปล่งประกายจากภายใน
"ว๊ากก! เวรแล้ว!"
ลิ้นยาวเหยียดได้พุ่งออกมาจากกล่อง ปาดไปทั่วใบหน้าของฉัน เสียงกรีดร้องของฉันเป็นเสียงสยองขวัญจากใจจริงไม่ใช่แสร้งแสดง นี้มันไม่น่ายินดีสักนิดเดียว!
ลิ้นที่ยืดออกของมิมิคได้คลี่ออกราวกับกบ มันขดตัวอยู่รอบๆ ร่างกายของฉัน
มันดึงฉันขึ้นกลางอากาศ นำตัวฉันไปไว้ช่องว่างตรงกึ่งกลางของมิมิคอย่างรวดเร็ว...
กึกกัก! กึกกัก!
...ซึ่งก็ไม่ได้อยู่แบบนี้นานนัก
เดเมี่ยนลั่นไกปืนอย่างรวดเร็ว กระสุนนัดแรกกระทบลิ้นของมิมิค กระสุนนัดต่อมาฝังอยู่ในร่างของมัน
เคี๊ยกก!
มิมิคที่กำลังจะตายส่งเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายและเงียบลงไป
ร่างที่ตกลงมาของฉันถูกสรับไว้โดยเดเมี่ยน ตุ๊บ!
"เหวอ!"
"อึก!"
เห็นได้ชัดว่าเดเมี่ยนเป็นเพียงพลแม่นปืน หาได้มีกล้ามเนื้อมากมายนัก
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรองรับน้ำหนักของฉันที่ตกลงมาได้ จนพากันกลิ้งไปมาบนพื้น
“องค์ชาย?!”
“โอ้ องค์ชาย! ท่านเป็นอะไรไหม?”
ไม่ช้าไม่นานหลังจากที่ฉันล้มลงกับพื้น สมาชิกในกลุ่มก็มารวมตัวกันและมองฉันอย่างเงียบๆ
“โอ๊ย ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นมิมิคตอนที่พยายามเปิดหีบสมบัติ พอมันโจมตี … เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมพวกนายถึงหัวเราะกันเนี่ย?”
ฉันกัดฟันแน่นขู่ใส่เพื่อนร่วมทีมที่พยายามกลั้นหัวเราะกัน
แต่ไม่ใช่แค่จูปิเตอร์และเอวานเจลีน กระทั่งลูคัสก็ไม่อาจกลั้นหัวเราะได้
ลูคัสนี้หนักสุดเลย เขาแตกต่างจากอีกสองคนที่กำลังหัวเราะอย่างไม่หยุดหย่อน เขาเอากำปั้นเข้าปากของตนเองเพื่อพยายามหยุดหัวเราะอย่างสิ้นหวัง เออ ถ้าจะหัวเราะก็หัวเราะออกมาเถอะ...
อืม แต่มันก็ตลกมากจริงๆ แฮะ
พอถูกห่อหุ้มอยู่ในลิ้นของมิมิค ตัวฉันจึงเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยน้ำลายของมัน
มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยกับองค์ชายอย่างฉัน
เดเมี่ยนดึงผ้าขนหนูออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้ฉัน ขณะที่ฉันทำผมให้แห้งหมาดๆ ฉันก็พึมพำอย่างไม่พอใจ
"นี่ นี่! พวกเธอเองก็ระวังเอาไว้ล่ะ ดันเจี้ยนมันก็เป็นเช่นนี้แหละ! ตอนไหนเราไม่ระวังก็ต้องเจอกับความล้มเหลวหรืออันตรายอย่างใหญ่หลวง ดีที่เรายังอยู่แค่ชั้นแรกๆ นั่นแหละสิ่งที่ฉันจะบอก ดีแล้วที่เรายังปลอดภัยกัน แต่เวรเอ๊ย"
"ค่า ค่า ฉันจะจดไว้นะคะรุ่นพี่”
เอวานเจลีนผู้ซึ่งเคยหัวเราะมาตลอดก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“แต่จะว่าไปท่านก็ดูไม่เหมือนกับที่ฉันคิดเลยนะคะ”
เธอเองก็เหมือนกัน ยัยหนู เธอน่ะยังห่างไกลจากสุดยอดแท๊งค์เอวานเจลีนที่ฉันเคยพบเจอมาเหมือนกัน
’แต่ก็ดีที่ตอนนี้ฉันได้เห็นรอยยิ้มของเธอสักที’
ขณะที่ฉันใช้ผ้าขนหนูถูผมที่เปียกชื้น ฉันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ
ถ้าเอวานเจลีนยังคงอารมณ์ไม่ดี มันคงส่งผลต่อจิตใจของฉันมาก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปนะ เพื่อพ่อของเธอเองด้วย
หลังจากเหตุการณ์มิมิคโจมตีได้ผ่านพ้นไป เรกา็ได้แกนเวทมนตร์ (R) คุณภาพสูงมา
เราเลือกที่จะหยุดพักชั่วครู่เพื่อรวบรวมสิ่งของที่เหลือ และก็ฉันต้องพักจากความอับอายที่เกิดขึ้นด้วย
เอวานเจลีนตอนนี้อาจรู้สึกโล่งใจมากขึ้นแล้ว เธอจึงฮัมเพลงเบาๆ ขณะรวบรวมสิ่งของจากซากศพของโกเลม
“…”
หลังจากเช็ดตัวและหยิบขวดน้ำแล้ว ฉันก็รู้สึกถึงสายตาที่กำลังจับจ้องเขม็ง
เมื่อหันไป ฉันก็พบว่าเป็นสายตาของเดเมี่ยน ฉันยิ้มตอบไป
“มีอะไรเหรอเดเมี่ยน? ยังคงสับสนการกระทำของฉันอยู่เหรอ?”
"...ครับ ผมไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่องค์ชายคิดอยู่ในใจได้เลยครับ”
เดเมี่ยนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา
“แต่ผมรู้แล้วล่ะครับว่าองค์ชายก็แค่เป็นคนดีเอง”
“…”
ฉันชักมือออกจากขวดน้ำอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนแค่การทำให้ฉันกลายเป็นตัวตลกจะทำให้นายมองฉันเป็นคนดีเลยสินะเนี่ย
***
จากนั้นเราก็มุ่งหน้ากันไปต่อ
ตรอกซอกด้านหลังของเมืองที่เต็มไปด้วยเงานั้นดูน่าสับสนยิ่ง แต่เรามีทางเดียวที่จะต้องไป
ตรอกซอกที่พวกเราเดินไปมีเส้นทางแตกแขนงออกจากเส้นทางหลัก แต่ทางพวกนั้นล้วนนำไปสู่ทางตัน
ลูคัสถึงขั้นพยายามปีนกำแพงหินสูงตระหง่านที่ขวางตรอกซอกซอยเอาไว้
"บัดซบเอ้ย!"
แต่ ’ความมืด’ ไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
ความมืดอันหนาแน่นแม้นมันจะกลัวแสงไฟ แต่มันก็พยายามเข้ามาคลุมตัวเราเมื่อเราออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้
นอกเหนือจากกำแพงหินแล้ว ทุกอย่างที่นี่ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
“ดูเหมือนว่าเราจะเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางที่กำหนดไม่ได้สินะ เราคงได้แต่ต้องเดินตามทางไปเท่านั้นแหละครับ”
ลูคัสที่เพิ่งปีนกำแพงขึ้นไปฝ่าความมืดก็อธิบายให้ทุกคนฟัง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ฉันจึงถามไปว่า
"นายสัมผัสความมืดแล้วใช่ไหม? มันรู้สึกยังไงเหรอ?"
“ก็ ถ้าผมต้องอธิบาย…”
ลูคัสตอบกลับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“มันรู้สึกเหมือนตอนที่ผมเป็นเด็กรับใช้ ต้องถูกกลืนกินโดยสัตว์ประหลาดหนอนทรายยักษ์ ความรู้สึกของการติดอยู่ในท้องของสัตว์ประหลาดตัวนั้นค่อนข้างเหมือนกันมากเลยครับ”
เอวานเจลีนส่ายหัวอย่างไม่คิดจะเชื่อ
“มันดูไม่น่าเป็นแบบนั้นนะ…”
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งที่ลูคัสพูดมามาก อาจเป็นเพราะเมื่อครู่ฉันเพิ่งถูกมิมิคกลืนลงไปในท้อง
“มันเหนียว เหนอะและรู้สึกหนักใช่ไหม?”
"ใช่เลยครับองค์ชาย! แบบนั้นเลย!”
“เราน่าจะเดินไปกันต่อได้แล้วนะ…”
ผิวของเอวานเจลีนเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เธอเองก็คงต้องนึกภาพออกแล้วแน่ๆ
ตามเส้นทางหินกรวด มีอาคารที่ทรุดโทรมกระจัดกระจายอยู่ตามทาง
มันแตกต่างจากตัวเมืองที่อยู่ไกลๆ ตัวสิ่งก่อสร้างแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้ที่แทบพังทลายกันไปแล้ว
แต่มีอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเขาไม่สามารถเข้าไปในกระท่อมได้
"ประตูมัน..."
เดเมี่ยนพึมพำต่อหน้ากระท่อมหลังแรกที่เราเข้าไปใกล้
“ประตูพวกนี้…มันเหมือนถูกปิดผนึกเอาไว้”
ทั้งประตูและหน้าต่างถูกยึดอย่างแน่นหนาด้วยแผ่นเหล็กและแผ่นไม้
ลูคัสพยายามจะฉีกแผ่นเหล็กออก แต่มันก็ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
“ดูเหมือนว่ามันจะถูกฝังด้วยเวทมนตร์บางอย่าง ใช้เพียงแค่ความแข็งแกร่งคงจะไม่สามารถเปิดประตูนี้ได้”
จูปิเตอร์ตั้งข้อสังเกต เธอมองเข้าไปในหน้าต่างที่ปิดสนิท
เดเมี่ยนเอียงศีรษะของตนเองด้วยความสงสัย
“พวกเขาปิดมันไว้เพื่อป้องกันจากสิ่งที่อยู่ข้างนอกหรือเปล่าครับ? มันจะเป็นอะไรไปได้กันนะ?”
“ไม่หรอกเดเมี่ยน”
ฉันชี้ไปที่ตะปูที่ฝังแผ่นเหล็กและส่ายหัวไปมา
“ของพวกนี้ถูกล็อคจากข้างนอกต่างหาก”
“…!”
“พวกเขาคงพยายามไม่ให้บางอย่างที่อยู่ข้างในหลุดออกมา”
เดเมี่ยนกลืนน้ำลายอย่างแรง ถามฉันด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ถ้าอย่างนั้นอะไรที่อาจอยู่ในกระท่อมนี้ล่ะครับ…?”
“เอาล่ะ ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องไปสนใจเรื่องนี้หรอก”
ฉันหันหลังจากกระท่อมและเดินไปยังเส้นทางที่อยู่ข้างหน้า
"ไปกันต่อเถอะ"
สมาชิกในทีมเดินตามฉันไปทีละคน เดเมียนที่แอบมองเข้าไปในกระท่อมก็รีบตามพวกเขาไปในทันที
***
[พื้นที่ 2: ตรอกซ่อนเร้น]
– ความคืบหน้าในการกวาดล้าง: ห้องธรรมดา 3/4 ห้องบอส 0/1
– หีบสมบัติที่ได้รับมา: 4/5
กลยุทธ์ในการเคลียร์ทางของพวกเราค่อนข้างง่าย
แต่ละครั้งที่ตรอกแคบๆ ดูเหมือนจะขยายออกเล็กน้อย มันจะมีโกเลมพุ่งเข้ามาใส่
แต่เมื่อเข้าใจรูปแบบการโจมตีของพวกมันแล้ว พวกเขาก็สามารถรับมือมันได้อย่างง่ายดาย
เอวานเจลีนป้องกัน ลูคัสคอยยื้อ จูปิเตอร์ทำลายชุดเกราะและเดเมี่ยนก็ยิง
การทำงานเป็นทีมทำให้พวกเราเริ่มสามัคคีกันมาก ในการเผชิญหน้าครั้งที่สาม แม้ว่าจะมีโกเลมไอน้ำสี่ตัวพุ่งออกมา แต่สมาชิกทีมของเขาก็สามารถล้มพวกมันได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว
’มาดูของที่เราได้มากันเถอะ...’
ฉันเปิดกระเป๋าแล้วมองเข้าไปข้างใน
แกนเวทย์มนตร์ระดับ R สามชิ้น มีศิลาเวทมนตร์หลายก้อนเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีถุงมือโลหะที่ไม่อาจทราบแหล่งต้นกำเนิดได้หลายชิ้น
ความทนทานของถุงมือพวกนี้เหนือกว่าเหล็กธรรมดามาก ฉันได้รวบรวมมาบางส่วนเพื่อเอามันไปวิเคราะห์ที่โรงตีเหล็ก
’ไม่เลว แต่ก็เกือบไม่คุ้มแรงที่เสียไป’
แกนเวทย์ระดับ R นั้นดีพอควร แต่ฉันได้มันมาบ่อยแล้วจนอยากจะได้รางวัลที่ดีๆ มากกว่านี้
’บางทีรางวัลห้องบอสอาจเป็นสิ่งที่ฉันกำลังรอคอยก็ได้...’
ขณะที่ฉันพยายามปลอบใจตนเอง ที่โล่งขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเรา
"ห้องถัดไปสินะ”
ฉันเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่กำลังจะพุ่งเข้ามา
สมาชิกทีมที่เหลือก็เตรียมตัวก้าวเข้าไปในลานกว้างพร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ใจกลางลานกว้าง มีน้ำพุแห้งเหือด ตรงกลางมีรูปปั้นของบุคคลสามคน
รูปปั้นแต่ละรูปยืนเคียงข้างกัน
ด้วยเหตุผลแปลกๆ อันใดมิอาจทราบได้ ร่างทางซ้ายและขวาหายไป เหลือเพียงรูปปั้นของชายที่อยู่ตรงกลาง
ชายที่อยู่ตรงกลางสวมมงกุฎ ดูเหมือนเขาจะเป็นราชาแห่งอาณาจักรทะเลสาบแห่งนี้
“ทำไมรูปปั้นทั้งสองที่อยู่ด้านข้างจึงได้รับความเสียหายล่ะ…?”
ขณะใคร่ครวญปริศนาอันแสนสับสนนี้เอง
"เหวออ!"
เสียงร้องตกใจของเดเมี่ยนได้ดังขึ้น
ทุกคนหันไปมองเดเมี่ยนด้วยความตกใจเช่นกัน เขาทำท่าทางชี้ไปด้านหนึ่งของลานกว้าง
“ดูนั่นสิครับ!”
ตามนิ้วของเดเมี่ยน ตาของฉันก็เบิกกว้างไปด้วยคน
แหล่งกำเนิดแสงเพียงแห่งเดียวในสถานที่แห่งนี้มาจากคบเพลิงและโคมไฟของเราเท่านั้น
แต่จุดที่เดเมี่ยนชี้ไปที่ปลายสุดของลานกว้าง กลับมีแสงอ่อนๆ ริบหรี่อยู่ นั่นหมายความว่า…
"มีคนอยู่ที่นี่!”
ในขณะที่สมาชิกของทีมต่างกำลังประหลาดใจกัน ฉันก็รู้สึกระวังตัวมากยิ่งขึ้น
“ไปกันเถอะ เตรียมอาวุธให้พร้อมด้วย”
ในเมืองที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด มันย่อมมีบางสิ่งที่น่ากลัวยิ่งสิ่งมีชีวิตด้วยกันเสียอีก
นั่นคือผู้คนของที่นี่
การจะเจอคนธรรมดาที่นี่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
’เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็น NPC ศัตรู? หรือจะเป็น NPC ที่เป็นมิตรกัน? แบบไหนกันแน่นะ?’
ฉันคิดพลางนึกถึง NPC ที่เป็นศัตรูอย่าง ’ผู้เป่าขลุ่ย’ จากด่านก่อนหน้านี้
การแทรกแซงที่ไม่คาดคิดของ NPC ศัตรูเกือบทำลายทั้งด่านของฉันไปแล้ว
’ก้าวผิดครั้งเดียวก็จบ! ฉันจะลดความระวังลงไม่ได้เด็ดขาด’
เรามุ่งหน้าไปยังแสงริบหรี่ที่ปลายสุดของลานกว้างอย่างระมัดระวัง
ภาพตรงหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นเมื่อเราเข้ามาใกล้
“…!”
โกเลมไอน้ำประมาณครึ่งโหลได้รับความเสียหายอย่างหนัก บางส่วนลุกไหม้จากน้ำมันที่รั่วไหลออกจากร่างกายของพวกมันเอง
แสงที่เราสังเกตเห็นมาจากไฟเหล่านี้
ซึ่งตรงหน้ามีร่างหนึ่งกำลังหมอบอยู่
"หืม?"
เมื่อได้ยินเสียงของเรา หญิงสาวผู้นี้ก็หันมามองเรา เธอยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา
“อืม นี่มันคณะเจ้าเมืองครอสโรดกับพรรคพวกไม่ใช่หรือ?”
“…!”
หญิงสาวคลุมตัวด้วยเสื้อคลุมที่ดูเก่าแก่ หมวกของเธอถูกดึงต่ำลงมา ผิวกายขาวราวกับหิมะและมีดาบโบราณติดอยู่ด้านหลัง
เมื่อเห็นชื่อของคนตรงหน้า ฉันก็ได้แต่พึมพำอย่างไม่รู้ตัว
"ไร้นามงั้นเหรอ?" .
ไร้นามเป็น NPC ที่ชี้ทางให้เราไปยังอาณาจักรทะเลสาบในระหว่างการเดินทางครั้งก่อนของเรา
ไร้นามมองมาที่เรา น้ำเสียงของเธอดูประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกนายกำลังจริงจังกับการสำรวจครั้งนี้มากเลยใช่ไหม? ถึงขั้นได้เสียงมาลึกเพียงนี้”
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ไร้นาม?”
แม้ว่าเราจะรู้จักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้ลดความระวังตัวลงไปเลย
คนๆ นี้เป็น NPC ที่ฉันไม่เคยพบมาก่อนในความพยายามทั้ง 742 รอบก่อนหน้านี้ เราจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเธออยู่ฝ่ายไหนกันแน่
เพียงเพราะเธอนำทางเราให้ ใช่ว่าเธอจะไม่ได้เป็นศัตรู แต่มันก็ยังไม่มีอะไรรับประกันว่าเธอจะเป็นพันธมิตรเหมือนกัน
“เพียงแค่พักผ่อนชั่วครู่เท่านั้น เพราะการใช้ชีวิตในอาณาจักรทะเลสาบแห่งนี้ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยเลยทีเดียว”
ไร้นามบ่นพึมพำพลางส่งสายตากลับมาหาเรา
“แต่ในเมื่อพวกนายเดินทางมาไกลขนาดนี้ …ฉันย่อมตระหนักดีถึงความพยายามของพวกนายจึงคิดนำเสนอ ’สิ่งนี้' มาให้”
ไร้นามผายมือของเธอเข้าไปในเสื้อคลุมที่เก่าของเธอ
พวกเราทุกคนที่อยู่ในทีมต่างรู้สึกเคร่งเครียดกันถ้วนหน้า เราต่างกำลังเตรียมรับมือหากอีกฝ่ายคิดใช้คาถาเวทมนตร์อะไร
ทว่าสิ่งที่ไร้นามดึงออกมาจากเสื้อคลุมของเธอและวางลงมันบนพื้นก็คือ...
ตุ๊บ!
…ผ้าที่เอาไว้ใช้วางของแลกเปลี่ยน
ต่อมา ไร้นามก็เริ่มจัดเรียงสิ่งของต่างๆ บนผ้าทีละชิ้น
ฉันกับสมาชิกทีมต่างมองดูด้วยความเงียบงัน พวกเราตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นจนไม่อาจประมวลผลความคิดได้
เมื่อแสดงสินค้าของเธอหมดแล้ว ไร้นามก็กางแขนออกอย่างสบายๆ และกล่าวว่า
“ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากการมาเยี่ยมชมของพวกนายมาซื้อขายของกันหน่อยล่ะ?”
“…”
"ฉันจะมอบของสุดแสนพิเศษของฉันให้ในราคาที่ยุติธรรมเอง”
ฉันจ้องมองไปยังไร้นามอย่างว่างเปล่าก่อนที่จะโพล่งออกมาด้วยความตะลึง
“อย่าบอกนะว่าเธอเป็น NPC แม่ค้าเนี่ย!”
"NPC? ไม่แน่ใจหรอกว่ามันคืออะไร แต่ใช่แล้ว ฉันเป็นแม่ค้า”
ไร้นามตอบกลับทันที ก่อนจะกล่าวเสริมว่า
“ตอนนี้ฉันกำลังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งอยู่”
“…”
“แถมพวกนายจะยังได้รับส่วนลด 3 ใน 10 ส่วนสำหรับการซื้อครั้งแรกด้วยนะ”
“…”
“ว่าไงล่ะ? พวกนายจะปล่อยให้ข้อเสนอที่น่าทึ่งนี้ผ่านไปเหรอ? บริการสุดยอดเช่นนี้ไม่ได้มาทุกวันหรอกนะ”
ฉันนั่งลงที่หน้าผ้าห่มของไร้นาม ก่อนจะหัวเราะเบาๆ และถามด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่งไปว่า
“งั้นเธอขายอะไรบ้างล่ะ?”