บทที่ 49 : [สำรวจอิสระ] หลังตรอกซ่อนเร้น
บทที่ 49 : [สำรวจอิสระ] หลังตรอกซ่อนเร้น
"ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะสั่งการพวกนายทุกคนเอง!”
ฉันมองไปโดยรอบ
"จูปิเตอร์ เดเมี่ยน!"
จูปิเตอร์กำลังร่ายเวทมนตร์อยู่ในฝ่ามือของเธอแล้ว ส่วนเดเมี่ยนก็ดูเหมือนจะตกตะลึงจนชะงักไป
จู่ๆ โกเลมตัวใหญ่สองตัวก็ปรากฏตัวขึ้น มันผลักไสอัศวินผู้แข็งแกร่งของเราไปสู่ขอบเหว สร้างความโกลาหลกับแนวตั้งรับของเราจากทุกทิศทุกทาง
การที่เขาตกใจย่อมเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่สถานการณ์ยามนี้เข้าขั้นคับขัน ดังนั้นเขาต้องมีสติ ฉันจับใบหน้าของเดเมี่ยนและเขย่าเขาไปมาอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย! มันแสบนะองค์ชาย!”
น้ำตาได้หลั่งรินออกมาภายในดวงตาสีน้ำตาลของเดเมี่ยน ดี เขาได้สติแล้ว
"ฟังให้ดี! เราจะเล็งโกเลมที่โจมตีลูคัสก่อน”
ลูคัสและเอวานเจลีนทั้งคู่ต่างเป็นอัศวินที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่พวกเขาทั้งสองมีบทบาทที่ไม่เหมือนกัน
ลูคัสเป็นอัศวินแบบผสมผสาน เป็นตัวละครที่สมดุล มีทักษะทั้งในการรุกและการป้องกัน
เขาเชี่ยวชาญในทั้งสองบทบาท แต่ก็ไม่ได้ชำนาญในด้านใดด้านหนึ่งนจนถึงขั้นสุดยอด
ในทางกลับกัน เอวานเจลีนเป็นแท๊งค์บริสุทธิ์ ซึ่งหมายความว่าเธอป้องกันการโจมตีได้ดีกว่า
“เอวาเจลีน! ป้องกันเต็มกำลัง ถ่วงเวลาสัตว์ประหลาดนั่นเอาไว้ ลูคัส! เรากำลังไปช่วยเหลือนายเดี๋ยวนี้แหละ!”
ในขณะที่เอวานเจลีนกำลังรับมือกับโกเลมตัวคนเดียว คนที่เหลือของทีมก็จะจดจ่อกับโกเลมอีกตัว นี่เป็นกลยุทธ์ที่ควรค่าแก่การลองในดันเจี้ยนมาก
ซึ่งตามที่คาดไว้ เอวานเจลีนสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างชำนาญด้วยโล่ที่แข็งแกร่งของเธอ
“จูปิเตอร์มุ่งเป้าไปที่การโจมตีบนแผ่นอกของโกเลม!”
"เข้าใจแล้ว!"
“เดเมี่ยน นายพร้อมหรือยัง?”
"ค-ครับ!"
“เมื่อจูปิเตอร์โจมตีแผ่นอกแตก ให้พุ่งเป้าไปที่แกนเวทย์ของมันที่โผล่ออกมาเลย นายทำได้ไหม?”
"ผมทำได้ครับ!”
เดเมี่ยนพยักหน้า เขาจับปืนเวทมนตร์ของตนแน่น ฉันก็พยักหน้ากลับไป
แคร๊ง! กึก!
ถึงตอนนี้ ลูคัสก็ได้ถูกผลักกลับมาจนเข้าใกล้กับตำแหน่งของฉันแล้ว
ฟู่มมม! ฟู่มมมม!
โกเลมได้กระชากกำปั้นยักษ์ของมันโจมตีใส่อย่างไม่หยุดยั้ง ลูคัสปัดป้องด้วยดาบของเขา แต่การโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งก็ทำให้เขาได้เพียงแค่ต้องถอยร่นไป
ศัตรูขนาดใหญ่อย่างโกเลมมีจำนวนไม่มาก แต่ว่าการโจมตีของมันหนักหน่วงยิ่ง
โดยเฉพาะกับพวกที่มีระดับหัวหน้า เป็นตัวตนที่ท้าทายและน่าสะพรึงนัก
“นั่นแหละเป็นเหตุผลที่เราต้องทำงานกับเป็นทีมไงล่ะ!”
ฉันตะโกนพร้อมกับยื่นแขนไปข้างหน้า
ฟึบ-!
สายฟ้าได้ปรากฏขึ้นบนร่างของมัน
ไฟฟ้าของจูปิเตอร์ได้พุ่งเป้าไปยังร่างกายส่วนบนของโกเลม ชุดเกราะของมันกลายเป็นสีดำคล้ำ บางส่วนได้สลายลงไปกลายเป็นเศษซาก
แต่ชุดเกราะของมันมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ แม้ว่าจูปิเตอร์จะโจมตีด้วยเวทมนตร์เต็มกำลัง ทว่ามันก็มีเพียงรอยแตกเล็กน้อยเท่านั้น
"เวรเอ๊ย มันยังไม่พอ!”
จูปิเตอร์บ่น แต่ฉันก็ไม่กังวลสักนิดเดียว
"ไม่หรอก! แค่นี้ก็พอแล้ว!”
กึก!
เดเมี่ยนได้วางตำแหน่งแล้วปืนเวทมนตร์ของเขา เตรียมเล็งยิง
สำหรับเดเมี่ยน มันไม่จำเป็นต้องมีช่องให้ยิงมากมายเลย ขอแค่มีรอยแตกเล็กๆ มันก็เพียงพอแล้ว
“ยิงได้~!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของฉัน เดเมี่ยนก็ลั่นไกปืนทันที และ...
ปัง-!
กระสุนเวทเมนตร์ได้ระเบิดออกมาจากรังเพลิง พ่นเปลวไฟสีเหลืองอ่อนออกมา
"โว้ว?!"
เดเมี่ยนไม่อาจรับมือกับแรงถีบของปืนได้ เดเมี่ยนจึงได้ก้าวถอยหลังไป
ก่อนที่เดเมี่ยนจะชนเข้ากับกำแพง ฉันพุ่งไปข้างหน้าและรับแรงกระแทกจากร่างกายเขาด้วยร่างกายของฉันเอง ตุ๊บ!
“องค์ชาย?!”
“อึก! นายเป็นอะไรหรือเปล่า?”
"ผ-ผมไม่เป็นไรครับ แล้วโกเลมล่ะครับ?!”
เดเมี่ยนที่ยังคงตกใจอยู่ ฉันจึงยิ้มตอบ
"ลองดูเองสิ”
ฉันชี้นิ้วออกไป สายตาของเดเมี่ยนมองไปตามนิ้วของข้า จากนั้นรอยยิ้มอันโล่งอกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ตู้ม ตุ้บ...
โกเลมกำลังทรุดตัวลงอย่างช้าๆ หัวเข่าของมันพับอยู่บนพื้นแล้ว ร่างกายส่วนบนของมันล้มลงมาทั้งหมด
เวทมนตร์ของจูปิเตอร์ได้สร้างรอยแยกระหว่างหน้าอกของโกเลม ส่วนเวทมนตร์ของเดเมี่ยนก็ได้เจาะทะลุแกนเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ภายในอกของมันอย่างสมบูรณ์แบบ
โกเลมขนาดมหึมาได้หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของมันลงไป
"ฟิ้ว"
ลูคัสถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก ดาบยาวของเขาปักลงที่พื้นด้านล่าง
“เกือบแล้วเชียว”
“สัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่ในระดับหัวหน้า มันจึงแข็งแกร่งกว่าพวกสัตว์ประหลาดทั่วไปมาก พอเอาไปเทียบกับความยากของพื้นที่ 1 แล้ว มันก็ทำให้เราลดความระวังลงไป”
ดูเหมือนว่าการจัดการสัตว์ประหลาดระดับหัวหน้าจะเป็นกุญแจสำคัญในการผ่านพื้นที่ส่วน 2
แต่คงจะดีหากในดันเจี้ยนแห่งนี้เราต่อสู้กับสัตว์ประหลาดทุกตัวเหมือนกับเราเจอบอส
ทันใดนั้นเอง-
"ทำไมพวกนายทุกคนคิดว่ามันจบแล้วเนี่ย?”
เสียงตะโกนเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นมา เราทุกคนต่างตกใจ ทันใดนั้นพวกเราก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเอวานเจลีนกำลังป้องกันการโจมตีจากโกเลมอยู่
“เรายังมีอีกตัวเหรอ?!”
"อุ๊ป โทษที ก็ทางนั้นเอาแต่สู้อยู่เงียบๆ เราก็เลยเผลอลืมตัวไป”
"เงียบบ้าบออะไรกัน! โล่ของฉันถูกทุบจนบุบหมดแล้วเนี่ย เสียงมันก็ดังจะตายไป!”
ปัง! ตู้มม!
โล่ของเอวานเจลีนได้ถูกโจมตีอย่างรุนแรง โล่ของเธอเริ่มเปล่งประกายเป็นแสงสีขาว
ทักษะแรกของเก็บความเสียหายอย่างเก็บความเสียหายได้เริ่มทำงานแล้ว การโจมตีของโกเลมทั้งหมดได้ถูกดูดซับโดยโล่ของเธอ
“ไอ้พวกเวรนี้ รับคืนไปซะ!”
แสงจากโล่ของเอวานเจลีนได้ส่องมายังหอกของเธอ เอวานเจลีนผลักหอกเรืองแสงไปข้างหน้าด้วยพลังทั้งหมดของเธอ
ทักษะที่สองของเอวานเจลีน สนองคืน!
ทะลวง-!
ความเสียหายที่ถูกดูดซับได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดในครั้งเดียว
พลังมหาศาลจากปลายหอกของเอวานเจลีนได้ทะลุถุงมือของโกเลมที่แข็งแกร่ง ทะลวงมันเข้าไปราวกับว่ามันเป็นเพียงเต้าหู้อ่อน
ตู้ม!
เกิดการระเบิดภายในตัวมัน
ครึ่งขวาของโกเลมคล้ายถูกระเบิดไปจนสิ้นซาก
"สุดยอด!"
ฉันรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก
นี่คือการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของเอวานเจลีน ครอส สุดยอดแท๊งค์ที่มีการประสานกันระหว่างการโจมตีและป้องกัน!
ครืนน ปัง…
โกเลมที่ถูกโจมตีได้เดินโซเซและเข่าชันลงพื้นไปข้างหนึ่ง
"เยี่ยมมาก! คราวนี้ก็จัดการมันเลย!”
เอวานเจลีนกำลังจะพุ่งเข้าใส่โกเลมต่อ
แต่ทันใดนั้นเอง...
ฟึบ!
"หา?"
เอวานเจลีนได้เหยียบเชื้อเพลิงที่รั่วไหลออกมาจากตัวของโกเลม ร่างของเธอหมุนเป็นวงกลมอยู่กลางอากาศ ลงจอดมายังพื้นด้วยท่าทางที่เรียกได้ว่าน่าทึ่งยิ่ง แป๊ะ!
“…”
“…”
ทุกคนต่างเงียบกันไป
ทั้งสมาชิกทีมและโกเลมไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
เอวานเจลีนนอนราบกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อน
เราสงสัยว่าเธอหมดสติไปหรือเปล่า แต่จากหูที่แดงก่ำของเธอ บ่งบอกว่าเธอคงอายเกินกว่าจะขยับ...
ฉันพยายามกลั้นหัวเราะ ก่อนจะโบกมือให้จูปิเตอร์
"จ-จูปิเตอร์! งานหยาบแล้ว! รีบจัดการมันเร็ว”
"เข้าใจแล้ว~!”
จูปิเตอร์ไม่อาจกลั้นหัวเราะได้อีก แต่เธอก็สะบัดนิ้วปล่อยเวทมนตร์ออกมาทันที
บู๊มม!
สายฟ้าได้ผ่าลงมายังโกเลมที่เหลือเพียงครึ่งเดียวจนมันไหม้เกรียม ตัวของมันถูกฝังลงบนพื้นทันที
"ฟิ้ว~"
สายลมแผ่วเบาได้ไหลออกมาจากปลายนิ้วของจูปิเตอร์ เธอยังคงไม่หยุดหัวเราะอยู่เลย
“ขอบคุณที่ให้โอกาสฉันได้ปิดฉากนะ องค์ชาย!”
รอก่อน อย่าเพิ่งฉลองกันสิ!
“…”
เอวานเจลีนยังนอนตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้นอยู่เลยเนี่ย ฉันถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับลูบจมูกของตนเอง
คุณลักษณะของเอวานเจลีนอย่าง [สาวน้อยจอมเซ่อซ่า] ดันมาส่งผลตอนนี้เสียได้
’จะว่าไปเอวานเจลีนสมัยเด็กนี้ก็เซ่อซ่าไม่ต่างจากคุณลักษณะที่เธอมีเลยแฮะ’
ทั้งลืมเรื่องที่ฉันต่อยเธอไปตอนที่เราพบกันครั้งแรกไป
เมาประตูมิติ และยังมาลื่นไถลน้ำมันอีก
’ตอนนี้ฉันอาจจะยังสามารถหัวเราะออกมาได้ แต่หากเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นในยามวิกฤตเข้าล่ะก็...’
ทันใดนั้นเอวานเจลีนที่ตัวสั่นเทาด้วยความอายก็หันมามองมาที่ฉัน
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ใบหน้าของเธอตอนนี้เหมือนคนที่ไม่ลังเลที่จะฆ่าเลยถ้าเกิดมีคนหัวเราะเธอ
“อะแฮ่ม! อะแฮ่ม!”
พวกเราทุกคนกระแอมไออย่างกระอักกระอ่วน พยายามหลีกเลี่ยงสายตาที่จับจ้องของเอวานเจลีน
แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและรีบมุ่งหน้าต่อไปดีกว่า
“คุณเอวานเจลีน เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ถ้าคุณบาดเจ็บ ให้ผมรักษาได้นะครับ...”
เดี๋ยวก่อน พ่อหนุ่มผู้รักษาที่ไร้เดียงสา?!
เดเมี่ยนได้รีบวิ่งไปหาเอวานเจลีนและเริ่มร่ายคาถารักษา
หน้าผากของเอวานเจลีนที่ซึ่งกระแทกเข้ากับพื้นมันบวมและแดงมาก เพราะเวทมนตร์การรักษาของเดเมี่ยน อาการบวมจึงได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
“…”
แต่โชคร้ายที่ความเสียหายทางจิตใจของเธอมันยากที่จะซ่อมแซมกลับมาเป็นดั่งเดิม
เอวานเจลีนตัวสั่น ใบหน้าของเธอแดงก่ำพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
"โอ้? ยังมีบาดแผลที่ใบหน้าเหลืออีกเหรอ?”
ฉันได้แต่รีบพุ่งเข้าหาเดเมี่ยนผู้กำลังสับสน แหม พ่อเด็กหนุ่มจิตใจงาม แต่นายมันบริสุทธิ์เกินไปแล้ว!
“อะแฮ่ม! รีบเก็บของจากโกเลมกันเถอะ พวกมันแข็งแกร่งมาก เราคงได้ของดีแน่”
"ขอรับองค์ชาย"
"ส่วนนี้แหละเป็นส่วนที่ฉันชอบที่สุด~"
ลูคัสและจูปิเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาพุ่งไปที่โกเลมทันที
ฉันดึงเดเมี่ยนกำลังสับสน ดูเหมือนเขาจะต้องการไปรักษาเอวานเจลีนต่อ
เอวานเจลีนยังคงนั่งอยู่ตรงจุดเดิม เธอพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดีว
“ไปปลอบใจคงรังแต่จะทำให้แย่ลงแหง…”
แต่ว่ามีร่างโกเลมตัวหนึ่งอยู่ข้างเธอ ซึ่งเราก็ต้องตรงเข้าไปหา
เอวานเจลีนยืนนิ่งขณะที่มองดูเราที่เว้นระยะห่าง ทันใดนั้นเธอก็ระเบิดเสียงตะโกนออกมาทันที
"เยาะเย้ยฉันเลยสิ! จะหัวเราะฉันก็หัวเราะมา! เฮ้! พวกนายจะไปไหนกันเนี่ย! อุว๊ากกก!”
***
จากนั้นเราก็ตรงไปเก็บหินเวทมนตร์จากโกเลมไอน้ำทั้งสองตัว
ฉันลองยกหินเวทมนตร์ดูว่ามันหนักเพียงใด ค่อนข้างหนักพอควร ~ น่าจะได้ราคาดีมาก
“อืม…พวกมันดูมีค่ามากเลยนะครับ”
ลูคัสจับส่วนเครื่องยนต์ของโกเลม แกนกลางของมันยังคงส่องประกายจากภายใน เขาเกาหัวของตนด้วยความรู้สึกสับสน
“คือว่าผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ …ให้ผมเก็บอะไรไปบ้างงั้นเหรอครับ?”
"ก็ทำแบบฉันสิ ถ้าอันไหนดูมีค่าก็เก็บมาเลยเถอะ”
ในขณะเดียวกัน จูปิเตอร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็กำลังรวบรวมชิ้นส่วนระยิบระยับหลายอย่างเข้าไปในกระเป๋าของเธอเอง
ดูเหมือนว่าเพราะคุณลักษณะคนตื่นทองของเธอ จึงทำให้เธอมีความสามารถพิเศษในการขุดค้นหาสิ่งของมีค่า
“อึก… ให้ตายเถอะ… ทำไมจู่ๆ ถึงมีน้ำมันอยู่ตรงนั่นได้กัน…”
เอวานเจลีนพึมพำ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปยังซากโกเลมและคุ้ยร่างของมัน ราวกับว่าที่เธอทำเช่นนี้ก็เพื่อฟื้นฟูจิตใจของเธอเอง
“อะแฮ่ม!”
เมื่อเข้ามาใกล้ ฉันก็ไอส่งเสียงออกมาเพื่อเรียกเธอจากด้านหลัง
“รุ่นน้อง อย่าอายไปกับอุบัติเหตุที่ไร้สาระเช่นนี้เลย ทุกคนต่างเคยผิดพลาดกันทั้งนั้น แค่ลื่นไถลเพราะน้ำมัน กลิ้งตลบสามรอบกลางอากาศและหน้ากระแทกกับพื้นดิน ไม่เห็นจะ…น่าตลกตรงไหนเลย”
“…”
ดวงตาที่แหลมคมของเอวานเจลีนจ้องเขม็งมาอย่างน่ากลัว ฟันของเธอคล้ายจะแทะผิวหนังฉันได้ทุกเมื่อ
อืม ดูเหมือนว่าความพยายามของฉันที่คิดจะไปปลอบใจเธอคงไม่ดีนัก งั้นเงียบไว้คงจะดีที่สุด
จากนั้นความสนใจของฉันก็ถูกดึงไปกับสิ่งที่เดเมี่ยนกำลังทำอยู่
“หึ้ม”
เขากำลังตรวจสอบกำแพงที่ถูกโกเลมทำลายลงไปอย่างตั้งใจ ฉันจึงตัดสินใจที่จะร่วมกับเขาด้วย
"มีอะไรงั้นเหรอเดเมี่ยน?”
"คือตรงนี้ครับ ตรงส่วนนี้"
เขากล่าวพร้อมชี้ไปยังกำแพง
"มีบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ที่นี่ครับองค์ชาย”
“อะไรบางอย่าง?”
เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ตาของฉันก็เบิกกว้างขึ้นในความประหลาดใจ
ท่ามกลางซากปรักหักพังของกำแพงหินที่พังทลายลงมามันมี… หีบสมบัติซ่อนอยู่! ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้!
"ทำได้ดีมากเดเมี่ยน!”
ฉันตั้งใจจะสำรวจพื้นที่นี้โอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเดเมี่ยนจะหาสมบัติให้ฉันได้ไวขนาดนาี้
ถ้าจูปิเตอร์เจอหีบสมบัติ สัญชาตญาณ ’คนบ้าทอง’ ของเธอคงจะพุ่งพล่านอย่างไม่ต้องสงสัย เธออาจจะตรงเข้าไปปลดล็อกมันก่อนใครแน่ ดังนั้นฉันต้องลงมือทันที
ฉันเดินไปยังกล่องสมบัติด้วยความตื่นเต้น
“…?”
กล่อง… มันดูแปลกเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ประกายที่มีอยู่ระหว่างฝาและกล่อง… มันดูเหมือนฟันแปลกๆ
'เหมือนมิมิคเลยแฮะ...'
มิมิคเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่ปลอมตัวเป็นกล่อง มันเจ้าเล่ห์มาก
แม้ว่ามันจะให้สมบัติถ้าเอาชนะมันได้ แต่หากลองพยายามเปิดมัน มันก็จะทำให้คนที่เปิดต้องเผชิญหน้ากับหายนะ
ฉันกำลังจะรีบเรียกคนที่เหลือของปาร์ตี้มาช่วยจัดการ แต่ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวฉัน
“…”
ฉันเหลือบมองไปข้างหลังฉัน เห็นเอวานเจลีนที่กำลังไหล่ตกเพราะความอับอาย
ตั้งแต่เธอมายังครอสโรด เธอก็ต้องประสบกับความลำบากหลายอย่าง
หมัด 777 ของฉันได้ทำให้เธอหมดสติไป ชุดเกราะของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ เธอต้องมารู้เรื่องการตายของพ่อเธอ แล้วจากนั้นเธอก็ถูกเราลากเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าจน แถมต้องมาอับอายเพราะลื่นน้ำมันอีก
ความผิดพลาดจากการลื่นล้มครั้งนี้ได้ทำให้ความภาคภูมิใจในตัวเธอลดน้อยลงไปอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจเลย
เพราะเธอเป็นนักเรียบจบใหม่จากสถาบัน เป็นอันดับหนึ่งที่ได้คะแนนสูงสุดในชั้นปีนี้ ทำให้ความภาคภูมิใจของเธอแทบจะสูงเฉียดขอบฟ้า การมาสะดุดลื่นล้มในการต่อสู้แรกของเธอจึงทำให้เธอแทบเสียสติไปแล้ว
’บางทีฉันคงต้องหาวิธีปลอบประโลมเธอแล้วสิ’
เมื่อคิดในใจได้เช่นนี้ ฉันจึงส่งสัญญาณให้เดเมี่ยน
"เดเมี่ยน มาตรงนี้หน่อย”
"ครับองค์ชาย”
เดเมี่ยนเดินเข้ามาหาฉันอย่างรวดเร็ว
"ฟังให้ดีนะเดเมี่ยน”
ฉันโอบไหล่ของเดเมี่ยนและชี้ไปที่ยังกล่องสมบัติ
“จากนี้ไป ฉันจะจงใจไปยั่วยุมิมิคที่ปลอมตัวเป็นหีบสมบัติ”
"หา? เอ่อ ครับ..."
เดเมี่ยนที่ไม่ค่อยเข้าใจก็รับฟังขณะที่ฉันอธิบายต่อ
“จากนั้นฉันจะให้มันจับตัวฉันไปและให้มันกลืนกินฉันลงทั้งตัว”
“…?”
"เป็นไง? นายเข้าใจใช่ไหม?"
เดเมี่ยนที่ดูจะไม่เข้าใจได้มองมาทางฉันด้วยสีหน้าสับสน จากนั้นก็...
“แป๊ะ แปีธ”
เขาใช้มือของเขาร่ายเวทมนตร์รักษาใส่หน้าผากของฉันอย่างต่อเนื่อง
ไม่โว้ย ฉันไม่ได้หัวกระแทกจนบ้าสักหน่อย! ฉันมีสติอยู่เนี่ย ฟังที่ฉันพูดหน่อยไม่ได้หรือไงกัน!