ตอนที่แล้วบทที่ 27 : เจ้าเคยเห็นเคยเห็นผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรปราการสวรรค์ครอบครองเจตนาดาบขั้นที่สามหรือไม่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 : คู่ครองใหม่, ร่างกายเพื่อการฝึกตนแบบคู่

บทที่ 28 : การปฏิเสธข้อเรียกร้องของเซี่ยหวู่เฟิง


บทที่ 28 : การปฏิเสธข้อเรียกร้องของเซี่ยหวู่เฟิง

“ท่านลุง เป็นเช่นไรบ้าง?”

องค์ชายเซี่ยหวู่เฟิงถามอย่างกระตือรือร้น

เมื่อโดนถามเช่นนี้, เย่ว์ไห่ก็เผลอคิดถึงความรู้สึกหวาดกลัวที่มีต่อเย่หวู่ชางและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า

"พลังการของเขาน่ากลัวยิ่งกว่าที่กระหม่อมได้จินตนาการไว้, ต่อหน้าเขากระหม่อมไม่อาจต้านทานได้เลย”

“กระหม่อมเกรงว่าภายในราชวงศ์ต้าเซี่ยทั้งหมด…..หากมิใช่ผู้อยู่ในขั้นอาณาจักรพระราชวังสีม่วง คงไม่มีผู้ใดล้มเขาได้”

เมื่อได้ยินดังนั้น เซี่ยหวู่เฟิงก็ฉายแววประหลาดใจ…..เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดว่าท่านลุงของเขาจะประเมินเย่หวู่ชางไว้สูงถึงเพียงนั้น

“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ว์ไห่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

“กระหม่อมได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของข้ากับเย่ว์รู่ชวง กระหม่อมเกรงว่าเขาคงสังหารข้าภายในดาบเดียว”

“อะไรนะ!” ในที่สุดเซี่ยหวู่เฟิงก็ตกตะลึง

เขารู้ดีเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเย่ไห่

เเละเขารู้ด้วยว่า การที่เขาสามารถรักษาสถานการณ์ในการแข่งขันให้อยู่ในระดับสูสีได้ก็เพราะท่านลุงของเขาซึ่งอยู่ในระดับครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วง

และเพราะความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวนี้, จึงส่งผลให้เขายืนหยัดได้อย่างมั่นคง

ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกกำจัดโดยพี่น้องคนอื่นๆไปนานแล้ว

แต่ยามนี้ท่านลุงผู้อยู่ในขอบเขต​ครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วง กลับพูดว่าจะถูกคนที่อยู่ต่ำกว่าอาณาจักรพระราชวังสีม่วงสังหารเขาได้ทันที…..สิ่งนี้จะให้เขาจะยอมรับได้อย่างไร?

เเต่ในไม่ช้า เขาก็พูดด้วยความคาดหวัง

"แล้วเงื่อนไขที่ข้าเสนอให้เขาล่ะ?"

เย่ว์ไห่ส่ายหัวแล้วพูดว่า

“เขาปฏิเสธ”

“เขาบอกว่าเขาไม่สนใจที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อตำแหน่งรัชทายาท”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเซี่ยหวู่เฟิงก็รู้สึกกระดากน้อยๆ

“ข้าในฐานะเจ้าชาย, ข้าได้มอบเงื่อนไขที่จริงใจมากๆ….แล้วเหตุใดเขาถึงไม่ยอมรับกัน?”

ในยามนี้เขาอดไม่ที่จะรู้สึกเเย่ที่เย่หวู่ชางไม่สนใจความเมตตาที่เขาได้มอบให้

อย่างไรก็ตามเย่ว์ไห่ก็พยายามปลอบใจเขาโดยกล่าวว่า "ใจเย็นก่อนพะย่ะค่ะ อย่าทรงขุ่นเคืองใจในเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้เลย"

สุดท้ายเซี่ยหวู่เฟิงก็อดกลั้นการแสดงออกของเขา…..เพราะในยามนี้มันคงเป็นผลเสียต่อเขามากกว่าหากผลักเย่หวู่ชางไปหาศัตรู

"ท่านลุงโปรดวางใจ ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี……เเละเพื่อขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากของท่าน, ข้าได้เตรียมยาเม็ดเทียนหยวนระดับต่ำไว้หนึ่งขวด ขอท่านลุงโปรดรับไว้ด้วย!"

เมื่อได้ยินดังนั้นเย่ว์ไห่ก็แสดงท่าทียินดีเช่นกัน “ขอบคุณองค์ชาย!”

เซี่ยหวู่เฟิงยิ้มขณะที่เขามองตามร่างของเย่ว์ไห่จนอีกฝ่ายหายไปลับตา..…ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังตีน

เขากระแทกหมัดลงบนโต๊ะและสถบออกมทันที​

"ไร้ประโยชน์สิ้นดี, เรื่องแค่นี้ก็มิอาจจัดการได้!"

ยามนี้ใบหน้าของเซี่ยหวู่เฟิงมืดมนทั้งยังบิดเบี้ยวเล็กน้อย….ต่างจากเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว

“เป็นเพียงผู้นำตระกูลเล็กๆในสถานที่กระจ๊อยร่อย…..แต่บังอาจปฎิเสธความหวังดีของเปิ่นหวางงั้นรึ….ช่างหยิ่งผยองนัก!”

“ฮึ่ม​ หากเปิ่นหวางได้ขึ้นครองราชเมื่อไหร่…..ยามนั้นข้าจะชำระบัญชีแค้นกับพวกเจ้าทีละคน!”

เสียงของเซี่ยหวู่เฟิงเย็นชาเป็นพิเศษ….มันแตกต่างจากน้ำเสียงอันอ่อนโยนก่อนที่ท่านลุงจะจากไป

เห็นได้ชัดว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา

สำหรับเขา, ตราบใดที่เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ การจัดการกับเย่หวู่ชางก็จะง่ายเหมือนกับการพลิกฝ่ามือ

ไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกดาบในอาณาจักรปราการสวรรค์ เท่านั้น, เพราะแม้เเต่ผู้ฝึก​ตน​ในอาณาจักรพระราชวังสีม่วง…..พวกเขาก็ยังไม่รอดหากต้องเผชิญหน้า​กับราชวงศ์

…………….

อีกด้าน​หนึ่ง​

เย่หวู่ชางที่ควรจะกังวล​กับท่าทีของเซี่ยหวู่เฟิง…..แต่ในความจริงแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจเลย

พูดให้ถูกคือในใจของเขาไม่มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

สำหรับ​เขา, หากเขามีเวลาที่จะไปช่วยใครซักคนขึ้นครองบัลลังก์…..มันคงจะดีกว่าใหมถ้าเขาเอาเวลา​มามีลูกให้มากกว่านี้เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง!

เเละหลังจากนั้นไม่นาน ผู้อาวุโสลำดับที่สองของตระกูลเย่ก็มาขอเข้าพบเขา…..ซึ่งนั่นทำให้เย่หวู่ชางประหลาดใจเล็กน้อย​

ผู้อาวุโสเหล่านี้ต่างรู้ถึงพฤติกรรม​สันโดษ​ของเขาเป็นอย่างดี…..เพราะงั้นพวกเขาจะไม่มารบกวนโดยไร้เหตุผล

หากพวกเขามาที่นี่ในยามนี้….มันก็แสดงว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“คาระวะ ท่านผู้นำตระกูล!”

“ผู้อาวุโสลำดับที่สองเกรงใจเกินไปแล้ว…..ท่านต้องการสิ่งใดหรือถึงมาหาข้าที่นี่?” เย่หวู่ชางโบกมือและถามโดยตรง

เขาคุ้นเคยกับท่าทีความตรงไปตรงมาของเย่หวู่ชาง ผู้อาวุโสลำดับที่สอง จึงพูดเข้าวัตถุประสงค์ของเขาโดยตรง

ปรากฎว่าในมณฑลกวนเทียนที่อยู่ทางตะวันตกของมณฆลเมฆาอัศนี มีตระกูลขนาดกลางที่เรียกว่าตระกูลโม่

ตระกูลโม่นั้นโชคดี….ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกเขา​ได้ค้นพบเหมืองหินมิติ

หินมิตินั้นเป็นวัสดุล้ำค่าสำหรับทำที่เก็บของ….และแต่ละชิ้นก็ล้วนแต่มีมูลค่ามหาศาล​

เแต่ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของตระกูลลโม่….พวกเขาไม่สามารถปกป้องเหมืองนี้ไว้ได้อย่างเเน่นอน

ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะผูกสัมพันธ์กับกองกำลัง​อื่น

แต่หินมิตินั้นมีค่ามากเกินไป, กองกำลังธรรมดาๆนั้นไม่สามารถปกป้องมันได้

ดังนั้น, พวกเขาจึงนึกถึงตระกูลเย่

ด้วยสถานะปัจจุบันของตระกูลเย่ในราชวงศ์ต้าเซี่ย, ตระกูล​เย่เกือบจะเป็นการดำรงอยู่ของผู้ที่ไม่อาจล่วงเกินได้ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของราชวงศ์ต้าเซี่ย

ดังนั้น, ตราบใดที่ตระกูลเย่เต็มใจที่จะดำเนินการ….มันก็จะไม่มีใครกล้าแย่งชิงธุรกิจของตระกูลโม่

แต่หากจะบอกว่าร่วมมือกัน, พวกเขาก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันจริงๆ แต่ตระกูลเย่ก็คงจะสามารถกลืนตระกูลโม่ได้ตลอดเวลา….โดยไม่จำเป็นต้องให้ผลประโยชน์ใดๆแก่ตระกูล​โม่เลย

เพราะอย่างนั้น, พวกเขาจึงคิดถึงเรื่องการแต่งงาน

เดิมทีเย่หวู่ชางคิดว่าอีกฝ่ายต้องการแต่งงานกับสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลเย่เท่านั้น….แต่จู่ๆพวกเขากลับตั้งเป้ามาที่เขาแทน

คู่สมรสที่อีกฝ่ายหมายตากลับเป็นตัวเขาเอง

เมื่อได้ยินดังนั้นเย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มอย่างเฉยชา

"ไปบอกพวกเขา หากต้องการสร้างพันธมิตรด้วยการแต่งงาน พวกเขาควรหาลูกหลานของตระกูลเย่”

“หากเป็นไปไม่ได้ พวกเขาสามารถเลือกใครสักคนจากเหล่าผู้อาวุโส​….แต่หากจะดองกับผู้นำตระกูลอย่างข้า, นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้อาวุโสลำดับที่สองก็ไม่ได้​จากไปในทันที แต่พูดต่อว่า

"ข้าได้บอกพวกเขา​ไปแล้ว แต่อีกฝ่ายให้แผ่นหยกมาให้ข้าและขอให้ข้ามอบให้ท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า…..โดยบอกว่าให้ท่านโปรดอ่านก่อนตัดสินใจ"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้, เย่หวู่ชางก็เริ่มรู้สึก​อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบแผ่นหยกออกมาแล้วเปิดใช้งานมัน

ในไม่ช้า ข้อมูลข้างในก็ถูกส่งมายังเขา…..เเละมันก็ทำให้เขาประหลาดใจทันที​

“สตรีนางนั้นอยู่ที่ใด?” หลังจาก​เห็นข้อมูล​เขาก็ถามโดยตรง

“นางอยู่ที่ห้องโถงต้อนรับ, เเละนางมากับตระกูลโม่”

“ข้าเห็นแล้ว สตรีผู้นี้ก็ไม่เลวเลย….แม้ว่าออร่าของนางจะด้อยกว่าฮูหยินทั้งสองเเต่ก็เพียงเเค่เล็กน้อย อีกอย่าง รูปลักษณ์ของนางก็ถือว่ามิได้ด้อย!”

“ไปพบนางกัน!”

หลังจากที่เย่หวู่ชางพูดจบ เขาก็ก้าวก้าวออกไปด้านนอกโดยตรง

ไม่นานเขาก็มาถึงห้องโถงต้อนรับ

เมื่อมาถึง, สิ่งที่เข้ามาในสายตาของเขาคือคนกลุ่มหนึ่ง

เเละในหมู่พวกเขามีเด็กสาวในวัยยี่สิบที่ดึงดูดสายตาของเย่หวู่ชางทันที

[ติ๊ง!ตรวจพบคู่ครองที่เข้ากันได้ โฮสต์ต้องการเริ่มต้นการตรวจสอบหรือไม่?]

โดยไม่ต้องคิดมาก เย่หวู่ชางเปิดใช้งานดวงตาแห่งโชคชะตาของเขาและมุ่งความสนใจไปที่หญิงสาวคนนั้นโดยทันที

[โม่ซีจุน...]

……………………………….

5 2 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด