บทที่ 27 : เจ้าเคยเห็นเคยเห็นผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรปราการสวรรค์ครอบครองเจตนาดาบขั้นที่สามหรือไม่?
บทที่ 27 : เจ้าเคยเห็นเคยเห็นผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรปราการสวรรค์ครอบครองเจตนาดาบขั้นที่สามหรือไม่?
“ท่านลุง เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์รู่ชวงยืนขึ้นและพูดเมื่อเธอเห็นเย่หวู่ชางและเย่ว์ไห่เดินมาถึง
เพราะเพียงครู่เดียวเธอก็สังเกตเห็นอาการบาดเจ็บของเย่ว์ไห่
เมื่อได้ยินคำถามของเย่ว์รู่ชวง เย่ว์ไห่ก็พูดอย่างเชื่องช้าว่า
"ไม่มีอะไรหรอก, เป็นเพราะข้าฝึกฝนไม่ถูกต้อง จึงส่งผลให้มีอาการบาดเจ็บภายใน…..ต้องขอบคุณสามีของเจ้าที่ช่วยเหลือ, ข้าถึงสามารถฟื้นตัวได้!"
เเน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา ….แต่เย่ว์รู่ชวงก็ไม่ได้ถามต่อ
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจากนั้นเย่ว์ไห่ก็ขอตัวกลับไป
เขามากับมู่ซีเหยา, แต่ตอนนี้เขากลับจากไปเพียงลำพัง….สถานการณ์จึงดูขัดเขินเล็กน้อย
เย่ว์รู่ชวงก็มองดูแผ่นหลังของเย่ว์ไห่ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เเละเงียบงันอยู่ครู่ใหญ่
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ก่อนหน้านี้เป็นช่วงวิกฤติของตระกูลเย่…..หากแต่ไม่มีผู้ใดจากตระกูลเย่ว์ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ดังนั้น, มันจึงไม่เเปลกที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลจึงไม่อาจกลับไปสู่เมื่อวันวานได้
เย่หวู่ชางเข้ามาใกล้และจับมือเนียนราวกับหยกของเธอเบาๆ เมื่อเห็นสิ่งนี้เย่ว์รู่ชวงก็หันกลับมาและยิ้มเบาๆ พร้อมพูดว่า
"ข้าไม่เป็นไร!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เย่หวู่ชางก็พยักหน้าด้วยความโล่งใจ
"ถ้าข้าจำไม่ผิด มารดาของน้องหญิงยังคงพักอยู่ตามลำพังที่ตระกูลเย่ว์ใช่หรือไม่?"
เย่ว์รู่ชวงพยักหน้า, ดวงตาของเธอแสดงความเศร้าสร้อยยามเธอคิดถึงมารดาของเธอ
เธอเป็นลูกคนเดียว, บิดาของเธอก็เสียชีวิตหลังจากที่เธอเกิดได้ไม่นาน
มารดาของเธอพยายามเลี้ยงดูเธอมาเพียงลำพัง แม้ว่าจะมีท่านลุงผู้เป็นผู้นำตระกูลก็ตาม…..หากแต่พวกเธอซึ่งไม่มีบุรุษให้พึ่งพา ชีวิตจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
โชคดีที่พรสวรรค์ของเธอได้ระเบิดออกมาในภายหลัง, ตระกูลจึงเริ่มให้ความสำคัญกับพวกเธอ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเปลี่ยนจากอัจฉริยะกลายเป็นขยะ…..มุมมองของทุกคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้งในทันที
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะหาทางพามารดาของเจ้ามาอยู่ที่นี่ให้ได้…..ให้นางใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสบายใจ!”
"ท่านพี่" เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เย่ว์รู่ชวงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ
“จะว่าไปแล้ว ลูกทั้งสองของเราก็โตขึ้นมาก….เเต่พวกเขายังไม่ได้เจอท่านย่าเลย!” เย่หวู่ชางยิ้มเบาๆ เเละตอนนี้เขามีความคิดอยู่ในใจแล้ว
ด้านข้างพวกเขา, มู่ซีเหยาไม่สามารถทนต่อการแสดงความรักอันหวานชื่นระหว่างคนทั้งสองได้อีกต่อไป
เธอจึงพูดด้วยความรำคาญว่า
“พวกเจ้าสองคนแสดงความรักกันพอหรือยัง…..ข้าใกล้จะต้องกลับแล้วนะ!”
ยามนี้มู่ซีเหยา, ไม่เหมือนเมื่อกาลก่อน…. เธอได้เปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของเธอต่อหน้าเย่ว์รู่ชวง
เมื่อได้ยินดังนั้นเย่ว์รัชวงก็ปล่อยแขนของเย่วู่ชางอย่างเขินอายก่อน จากนั้นก็หันกลับมา
“พี่หญิง ท่านพึ่งมาถึงไม่นาน…..ข้ายังไม่ทันได้รับรองท่านให้ดีเลย, ใยท่านจะรีบจากไปเสียแล้วล่ะ?”
เเต่มู่ซีเหยาก็อธิบายว่า
"การชุมนุมมังกรเร้นลับที่จัดขึ้นทุกๆ 30 ปีกำลังจะเริ่มต้นขึ้น, การชุมนุมนี้จะรวบรวมเหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุด….และข้ามาเป็นตัวแทนของนิกายที่ต้องเข้าร่วมงานนี้, ดังนั้นข้าต้องเก็บตัวฝึกอีกมาก"
“ท่านอาจารย์ได้หล่าวว่าว่ายุคอันยิ่งใหญ่กำลังมาถึง, เหล่าอัจฉริยะในยามนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจำนวนมากมายราวกับสายฝน…..การชุมนุมมังกรเร้นลับก็เหมือนกับการต่อสู้ของเทพเจ้า แม้จะอยู่ในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงก็ไม่ปลอดภัยเเละมีแนวโน้มว่าจะมีที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์จะปรากฏขึ้นในช่วงเวลานี้!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่ว์รู่ชวงก็ตกใจอย่างมากเช่นกัน
เมื่อคิดว่าการชุมนุมมังกรเร้นลับอาจมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ปรากฏตัวขึ้น…..นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
ยามนี้มู่ซีเหยายังกล่าวต่อ
"คราวนี้ที่ข้ามาพบเจ้าก็เพื่อเชิญชวนเจ้ากลับมาเข้าร่วมนิกายและยังมาเพื่ออำลาเจ้าด้วย……เพราะคราวนี้การเก็บตัวฝึกตนของข้าจะทำให้เราจะไม่เจอกันอีกหลายปี! "
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่ว์รู่ชวงก็รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
ในท้ายที่สุดภายใต้การจ้องมองอย่างไม่เต็มใจของเย่ว์รู่ชวง มู่ซีเหยาและชายวัยกลางคนก็ลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมออกจากตระกูลเย่ไป
หลังจากบินไปได้สักพัก มู่ซีเหยาก็หันกลับมาไปมองที่ตระกูลเย่….เธอบังเอิญเห็นพวกเขาสองคนพิงกันเฝ้าดูเธอกำลังจะจากไป
รอบตัวพวกเขาทั้งสองมีเด็กน้อยสองคนคือเย่จือหลานและเย่จื้อซิน กำลังเล่นกันอย่างไร้กังวล
ฉากนี้ทำให้มู่ซีเหยา ตกตะลึงอย่างมาก….เพราะมันแตกต่างจากที่เธอเคยจินตนาการไว้
เเละเธออดไม่ได้ที่จะถามว่า
"อาจารย์ลุง ท่านคิดว่าคนๆหนึ่งจะสามารถสละอนาคตอันสดใสเพื่อคนอื่นได้จริงๆหรือ?"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า
"ความรักเป็นปริศนาที่ไร้ทางแก้มาโดยตลอด….ยิ่งกว่านั้น ทางเลือกของทุกคนยังแตกต่างกัน, ทางเลือกของรู่ชวงที่จะแต่งงานกับเย่หวู่ชางก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ผิดเสมอไป!"
“เย่หวู่ชางงั้นหรือ?”
“เขาอายุน้อยกว่าข้าสองปี แต่การฝึกตนกลับยังอยู่ในระดับอาณาจักรปราการสวรรค์เท่านั้น”
“การติดตามคนเเบบเขาจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะบรรลุขอบเขตอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ในอนาคตนั่นจะยังเป็นขีดจำกัด….ฐานการฝึกตนดังกล่าว เป็นที่น่าพอใจเฉพาะในราชวงศ์เล็กๆอย่างราชวงศ์ต้าเซี่ยเท่านั้น”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขามีเย่ว์รู่ชวงเป็นภรรยาแล้ว…..แต่เขาก็ยังรับภรรยารองอีก, ท่านว่าข้าควรจะสั่งสอนบทเรียนให้เขา ก่อนที่ข้าจะจากไปดีหรือไม่!”
เมื่อเห็นมู่ซีเหยาพูดถึงเย่หวู่ชาง…..ความเฉยเมยก่อนหน้านี้ของชายวัยกลางคนก็หายไป, จากนั้นเขาก็ปล่อยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
“สาวน้อย เย่หวู่ชางผู้นี้ไม่ธรรมดา…..เจ้าเคยเห็นใครบางในอาณาจักรปราการสวรรค์ที่มาถึงจุดสูงสุดของเจตนาดาบขั้นที่สามหรือไม่?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ มู่ซีเหยาก็สั่นไปทั้งตัวและเธอไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจในดวงตาของเธอได้
“เจตนาดาบขั้นที่สาม….เรื่องจริงหรือ?” เธอถามด้วยความไม่เชื่อ
ชายวัยกลางคนตอบด้วยรอยยิ้มเบาๆ
“เจ้าคิดว่าข้ามองผิดงั้นเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น เจตนาดาบที่รวบรวมอยู่รอบตัวเขานั้นแม้จะมองเห็นได้จางๆหากแต่ไม่มีข้อบกพร่องเลย….นี่แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จของเขาในเจตนาดาบขั้นสามนั้นไม่ได้ต่ำเลย”
“ภายในสองปีมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะทะลุทะลวงไปสู่เจตนาดาบขั้นที่สี่!”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ซีเหยาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ……ดวงตาที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะตัดสินเขาผิดไปอย่างสิ้นเชิง
เย่หวู่ชางผู้นี้เป็นหนึ่งในมังกรซ่อนชัดๆ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายวัยกลางคนก็พูดว่า
"นั่นคือเหตุผลที่เจ้าไม่ควรประมาทผู้ฝึกตนในโลก….ในยุคแห่งการแข่งขันนี้ อัจฉริยะมากมายได้ปรากฏตัวขึ้น….เเละตอนนี้ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าอนาคตจะมีตัวแปรใดเกิดขึ้นมาอีก!"
มู่ซีเหยาพยักหน้ารับ "อาจารย์ลุง ท่านพูดถูก ความคิดของข้ายังตื้นเขินเกินไป!"
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายวัยกลางคนก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นเขาก็โบกมือเล็กน้อย
ทันใดนั้น รอยแยกขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนทั้งสอง
ทั้งสองได้เดินเข้าไปในนั้นราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ…..จากนั้นรอยแยกก็ปิดตัวลงโดยธรรมชาติ
ในขณะนั้นภายในตระกูลเย่ หลังจากยืนยันว่ามู่ซีเหยาจากไปแล้ว ทั้งสองก็ถอนสายตาออกมา
“การจากลาครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไร!” เย่ว์รู่ชวงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
มู่ซีเหยาจะก้าวไปข้างหน้าต่อไป และกลายเป็นบุคคลสำคัญในโลก
ในขณะที่เย่ว์รู่ชวง, บางทีเธออาจเป็นเพียงภรรยาของผู้นำตระกูลและอยู่ในตระกูลเย่เพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ
เมื่อสังเกตเห็นท่าทางของภรรยา เย่หวู่ชางที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงหรอก อีกไม่นานหรอกพวกเจ้าทั้งสองต้องได้พบกัน….เชื่อข้าสิ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ความรู้สึกลึกลับที่อธิบายไม่ได้ก็ทำให้เธอรู้สึกมีความมั่นใจ
“ข้าจะไปฝึกตนต่อแล้ว…..ก่อนที่เด็กๆจะถือกำหนดคลอด ข้าจะทะลวงไปสู่ขั้นที่เจ็ดของอาณาจักรปราการสวรรค์ให้ได้!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ไม่สนใจเย่หวู่ชางและจากไปทันที
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นเย่หวู่ชางก็ทำได้เพียงสัมผัสจมูกของเขาอย่างช่วยไม่ได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ยามเมื่อเย่ว์ไห่กลับมาที่เมืองหลวง เขาก็ขอเข้าเฝ้าองค์ชายสิบสี่ในทันที
……………………………….