บทที่ 172 เผ็ด
ไก่กรอบผัดพริก เนื้อไก่สดใหม่และหอม เพราะเนื้อไก่ค่อนข้างเล็ก ดังนั้นเคี้ยวไม่นานก็ละเอียด เมื่อกินคู่กับพริก ก็ยิ่งทำให้ความอร่อยเผ็ดเด่นชัดขึ้น ฉินชิงยิ่งกินก็ยิ่งอยากกินมากขึ้น ยิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้
หลังจากกินหมดแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตา เบ้าตายังแดงก่ำ น้ำมูกก็ไหลออกมาไม่หยุด
หลังจากฉินชิงกินอาหารจานนี้หมดแล้ว สายตาก็มองไปที่กุ้งผัดเซียงล่า
ฉินชิงชอบกินกุ้งมาก แต่ที่นางไม่ค่อยกินเพราะต้องไปจับมันมา แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็เตรียมมาเรียบร้อยแล้ว ฉินชิงจึงต้องกิน
นี่คือสวัสดิการที่เหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ ไม่สิ สวรรค์ก็อาจจะไม่มีใครแกะกุ้งให้เจ้ากินก็ได้
เปลือกกุ้งของจานนี้คงจะถูกแกะออกแต่แรกแล้ว ความเผ็ดก็ได้ซึมเข้าไปในเนื้อกุ้งทั้งหมด เป็นรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก
น้ำซุปกุ้งรสเผ็ดทั้งจานเข้มข้น รสเผ็ดจัดจ้าน และเนื้อกุ้งก็แน่นกรอบ เวลาเคี้ยวฉินชิงก็รู้สึกถึงความเด้งอยู่ในฟัน ยอดเยี่ยมจริงๆ
สีสันมันวาวและสวยงาม ทำให้คนน้ำลายสอ เป็นอีกจานหนึ่งที่ทำให้คนอยากกินมาก
ผ้าเช็ดหน้าข้างๆ ฉินชิงกองเป็นภูเขาเล็กๆ และเริ่มหยิบชานมขึ้นมาดื่ม นี่ไม่ใช่ระดับความเผ็ดที่ตนจะสามารถต้านทานได้
ฉินชิงคิดว่าตนยังต้องพึ่งพาของกินอื่น และชานมก็ช่วยให้นางกินได้ตลอด
จานที่สาม ปลาต้มผักกาดดองตรงหน้าฉินชิงจานนี้ สามารถทำเผ็ดมากได้ และสามารถทำให้มันไม่เผ็ดมากได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณพริกที่ใส่
ถ้าแค่ใส่ประดับ อาหารจานนี้ก็อยู่ในระดับธรรมดา แต่ถ้าใส่พริกเต็มถ้วย ก็จะกลายเป็นเจ้านายใหญ่จริงๆ
และอาหารตรงหน้าฉินชิงก็คือเจ้านายใหญ่จริงๆ ทั่วทั้งชามเต็มไปด้วยพริก และพริกข้างในก็ไม่ใช่พริกชนิดเดียว แต่มีทั้งพริกหยวก พริกดอง พริกหอม พริกแห้งคลุกเคล้าอยู่ด้วยกัน
นี่คือสัตว์ประหลาดที่มีพลังโจมตีหลายระดับ แต่ฉินชิงจะต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดปลาต้มผักกาดดองในวันนี้ นางไม่เชื่อว่านางจะเอาชนะพริกสักจานไม่ได้
สภาพของฉินชิงที่ยิ่งกินก็ยิ่งสดชื่นในตอนนี้เริ่มจะผิดปกติแล้ว ต่อมรับรสต่อความเผ็ดของฉินชิงเริ่มช้าลง
น้ำมูกน้ำตาไหลตลอดเวลา หยินผิงก็โบกมือให้นางกำนัลนำกล่องผ้าเช็ดหน้าที่ฉินชิงใช้หมดแล้วออกไป
ฉินชิงเพิ่งจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาที่หางตา เหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากหน้าผากเพราะความเผ็ดเกือบจะไหลเข้าตา แต่โชคดีที่ขนตาของฉินชิงบังไว้
ในเวลานี้ เหลียงอี้ก็เข้ามาพอดี เห็นฉินชิงมีน้ำมูกน้ำตา ก็คิดว่ามีใครรังแกนาง จึงรีบไปหาฉินชิงแล้วถามว่า
“เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น? ร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเจ้า? เจิ้นจะไปรังแกกลับแทนเจ้าเอง”
เหลียงอี้เช็ดน้ำตาจากมุมตาของฉินชิงด้วยผ้าเช็ดหน้าที่เขาถืออยู่
ฉินชิงมองเหลียงอี้ที่รีบก้าวเข้ามา นางพูดพลางร้องไห้
“มันเพคะ” จากนั้นฉินชิงก็ชี้ไปที่ปลาต้มผักกาดดองตรงหน้า
เหลียงอี้สังเกตเห็นว่าอาหารบนโต๊ะไม่ใช่อาหารธรรมดา แต่เป็นอาหารที่เผ็ดมาก แบบที่เขาเองก็ไม่เคยลองมาก่อน
“เอาล่ะๆ วางตะเกียบลงก่อน ดื่มชานมสักคำ”
เหลียงอี้หยิบชานมข้างๆ มาให้ฉินชิง ฉินชิงเริ่มมึนงงเพราะความเผ็ดนี้ หลังจากดื่มชานมไปหนึ่งจิบก็ได้สติกลับมา
“ฝ่าบาทมาที่นี่ได้อย่างไรเพคะ? ท่านไม่ได้บอกว่าจะเสด็จมาที่ตำหนักของหม่อมฉันในวันนี้นี่นา”
“เจิ้นจะมาตำหนักจงชุ่ยไม่ได้หรือ? ดูเหมือนชิงเอ๋อร์ไม่อยากต้อนรับเจิ้นเลยนะ” เหลียงอี้พูดหยอกล้อฉินชิง
“ไม่ๆๆ ใต้หล้านี้เป็นของฮ่องเต้ ฮ่องเต้อยากไปไหนย่อมไปได้ทั้งนั้น แต่ถ้าฝ่าบาทต้องการจะมาเสวยอาหาร ก็ควรแจ้งให้หม่อมฉันทราบล่วงหน้า หม่อมฉันจะได้เตรียมอาหารไว้แต่เนิ่นๆ เตรียมอาหารโปรดของฝ่าบาท และจะได้รอฝ่าบาทด้วย”
“วันนี้เจิ้นจัดการงานในตำหนักเซวียนเจิ้งเสร็จช้า จนลืมมาบอกชิงเอ๋อร์ เจิ้นคิดว่าเวลาก็น่าจะเหมาะเจาะ เลยมาที่นี่ทันที ไม่นึกว่าจะเห็นชิงเอ๋อร์ร้องไห้แบบนี้ นึกว่าชิงเอ๋อร์ถูกใครรังแก แต่ไม่คิดว่าเป็นเพราะอาหารพวกนี้”
เหลียงอี้นั่งตรงข้ามฉินชิงแล้วพูดหยอกล้อ
“ฝ่าบาท ลองชิมดูสิ หม่อมฉันร้องไห้เพราะมันเผ็ดมาก อาหารจานนี้เผ็ดเกินไป”
ฉินชิงพูดไป น้ำตาก็ยังไหลลงมาไม่หยุด เผ็ดจนร้องไห้จริงๆ
“เจิ้นไม่ชิม เจิ้นไม่ชอบอาหารประเภทนี้ ไม่ชอบอาหารรสจัด ชิงเอ๋อร์กินอาหารพวกนี้ไปเถอะ เจิ้นนั่งดูเจ้าเฉยๆ ก็ได้”
เหลียงอี้นั่งอยู่ข้างๆ ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตน มองฉินชิงกินอาหารที่ในนามมีคำว่าเปรี้ยว แต่ชื่อจริงๆ ควรจะเป็นปลาเผ็ดมากกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่เหลียงอี้ได้เห็นฉินชิงกินจนมีสภาพเช่นนี้ โดยปกติแล้ว แม้ว่าฉินชิงจะกินมูมมามอย่างไร ก็ไม่เคยจะเกินขอบเขตการควบคุม
ก็คือประเภทที่ไม่ได้เป็นตามมารยาทขั้นพื้นฐาน แต่ไม่มีใครบอกว่าการกินเช่นนี้มันผิด
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางกินจนน้ำมูกน้ำตาไหล เหลียงอี้รู้ว่าที่ผ่านมาฉินชิงแสดงตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าเขามาตลอด
แต่คิดไม่ถึงว่า ฉินชิงที่แสดงตัวตนที่แท้จริงๆ ให้ตนดูตอนนี้จะมาถึงขั้นนี้ และทำให้เหลียงอี้รู้สึกประหลาดใจมาก
ในที่สุดฉินชิงก็กินปลาต้มผักกาดดองเกือบหมด ในที่สุดนางก็สามารถเอาชนะเจ้านายใหญ่นี้ได้
จากนั้นก็ไปจัดระเบียบตัวเองที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ฉินชิงเห็นคิ้วของนางจางไปเพราะเหงื่อออก ริมฝีปากของนางก็แดงเพราะพริก และแก้มของนางก็แดงก่ำเพราะความเผ็ด
ไม่เคยคิดเลยว่าฉินชิงจะได้เผชิญหน้ากับเหลียงอี้ด้วยสภาพเช่นนี้ แม้แต่คนผิวหนาเช่นฉินชิงก็ยังอับอายอยู่บ้าง
ฝีมือของหยินซิ่งนับวันก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แค่จัดระเบียบครู่หนึ่งก็เรียบร้อย ขนคิ้วของฉินชิงถูกเติมแล้ว และแต่งหน้าเล็กน้อยเพื่อปกปิดแก้มที่แดงเพราะกินเผ็ดมากไป
ฉินชิงรู้สึกว่าเท่านี้ตนก็พร้อมที่จะออกไปเจอคนอื่นแล้ว ดังนั้นจึงออกไปรอกินอาหารกับเหลียงอี้
“ท่าทางเมื่อครู่นี้ช่างน่าอายจริงๆ หม่อมฉันกินอาหารรสเผ็ดก็มีสภาพเช่นนี้ ทุกครั้งที่กินก็มีสภาพเช่นนี้ หยินผิงชินแล้วจึงเตรียมของกินอื่นไว้ด้วย”
“ไม่เป็นไร ท่าทางการกินของชิงเอ๋อร์ดูมีความสุข เจิ้นไม่ได้ถือสาหรอก”
เมื่อฉินชิงได้ยินคำตอบนี้ ก็เหมือนยกหินออกจากอก รู้สึกสบายใจมาก
“แต่ทำไมวันนี้ชิงเอ๋อร์ถึงตื่นมากินข้าวเร็วจังล่ะ?”
“วันนี้หม่อมฉันไปที่ตำหนักของฮองเฮามาเพคะ ไปตรวจชีพจรให้ฮองเอา ฮองเฮาเข้านอนแต่หัวค่ำและตื่นเช้าทุกวัน ดังนั้นจึงต้องไปเร็วหน่อยเพคะ”
“ตอนนี้ฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?” เหลียงอี้ถามเสียงทุ้ม
“นางยังไออยู่เพคะ แต่ว่าพิษในร่างของนางก็กำจัดไปไม่น้อยแล้ว”