ตอนที่ 45 : แรนช์ผู้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี
แถวหลังของห้องเรียนอันกว้างขวางสำหรับนักศึกษาชั้นปีหนึ่งของสถาบันนักปราชญ์ หลังจากที่คำพูดของแรนช์จบลง การเผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างกะทันหันก็ดูเหมือนจะทำให้เสียงทั้งหมดในอากาศหยุดชะงักลงชั่วคราว เหลือเพียงความเงียบที่กดดัน แผ่ซ่านไปทั่วและไม่อาจทำลายได้
แม้แต่แสงยามบ่ายที่ส่องผ่านหน้าต่างด้านนอกห้องเรียนก็ดูมืดมนไปเล็กน้อย
ในเวลานี้นักศึกษาคนอื่นๆ ราวกับกลายเป็นรูปปั้นที่มีท่าทางแตกต่างกันไป บางคนจ้องมองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างพลางเงี่ยหูฟัง บางคนมองลงไปที่หนังสือและแกล้งทำเป็นไม่สนใจสิ่งใด ในขณะที่บางคนนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับจ้องมองกลับไปยังด้านหลัง
ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาทั้งหมดต่างก็นั่งกินแตงพลางชมฉากแถวหลังอย่างเงียบๆ
ในที่สุดนักศึกษาที่กำลังนั่งกินแตงโมก็รู้แล้วว่าแรนช์เป็นพวกร้ายกาจขนาดไหน!
ประโยคแรกที่เขาพูดนั้นจริงๆ แล้วเป็นคำถามหลุมพราง!
หลังจากที่พิจารณาอย่างแน่นอนแล้วว่ามอร์ตันเป็นพวกมีนิสัยชอบพูดจาหยามเหยียดคนอื่น จึงมีการกล่าวคำเตือนทางกฎหมายเพื่อติดตามผล
ในเวลานี้ ใบหน้าของมอร์ตันมืดมนราวกับก้นหม้อ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกแรนช์จูงจมูก
อันที่จริงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้เป็นเวลาแค่ไม่กี่วินาที แต่มันให้ความรู้สึกว่าเวลาผ่านมานานมาก
“ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่?”
ในที่สุดแรนช์ก็ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อทำลายความเงียบ
มอร์ตันไม่เข้าใจว่าแรนช์หมายถึงอะไรในการถามเกี่ยวกับอายุของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรกับแรนช์
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มอร์ตันไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามของแรนช์แบบไม่คิดให้ถี่ถ้วนอีกต่อไป
“เขาอายุสิบเก้าปี”
ไฮพีเรียนบอกกับแรนช์จากทางด้านข้าง
เธอเริ่มเข้าใจความตั้งใจของแรนช์แล้วนิดหน่อย หลังจากอยู่ร่วมกับเขาหลายครั้งเธอก็พบว่าวงจรสมองของแรนช์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ทั้งหมด และมันเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะคิดตาม
แรนช์นับนิ้วของเขาแล้วมองไปที่มอร์ตัน:
“ถ้างั้นคุณคงสามารถออกมาได้ตอนอายุยี่สิบเจ็ดปี”
“?”
มอร์ตันตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าแรนช์หมายถึงอะไร
แรนช์ไม่ได้ข่มขู่เขาด้วยคำพูดที่หยาบคายเลยแม้แต่นิด แต่อีกฝ่ายกำลังพิจารณาอย่างจริงจังในฐานะทนายความของโจทก์ว่าเขาอาจได้รับโทษจำคุกอย่างน้อยแปดปีในฐานะจำเลย
“ฮ้าว…”
แรนช์หาวและนอนหมอบลงบนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็ยิ้มให้มอร์ตันพร้อมกับกระพริบตาซ้ายหนึ่งที
ดูเหมือนกับเขาเพิ่งเล่นหยอกล้อกับมอร์ตันเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม.
พฤติกรรมที่เป็นมิตรและไม่ก้าวร้าวเช่นนี้กลับทำให้มอร์ตันรู้สึกว่าความดันโลหิตของเขาพุ่งสูงขึ้น!
รูม่านตาของมอร์ตันสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขาราวกับแท่งระเบิดที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ แม้ว่ากล้ามเนื้อใบหน้าของเขาจะไม่เคลื่อนไหว แต่ลำคอของเขากลับปิดแน่นสนิท ราวกับป้องกันไม่ให้ความโกรธหุนหันพลันแล่นกลายเป็นคำสบถหยาบคาย
“นายควรดูให้ชัดเจนก่อนว่าจะรอจนกว่าท่านหญิงไฮพีเรียนจะสืบทอดตำแหน่งดยุกแห่งอารันซาได้หรือเปล่า ไม่เช่นนั้นทุกอย่างที่พูดมามันจะกลายเป็นเพียงลมปากที่ว่างเปล่า”
ในที่สุดมอร์ตันก็ระงับความโกรธและแรงกระตุ้นที่ดูเหมือนจะถูกจุดประกายโดยปีศาจได้
“แรนช์ วิลฟอร์ด ถ้านายไม่อยากให้หอการวิลฟอร์ดของนายเข้ามามีส่วนร่วม นายควรเลิกยุ่งกับเธอดีกว่า”
เขาจ้องมองไปยังแรนช์ผู้ซึ่งอยู่ในสภาพผ่อนคลายด้วยสีหน้าเย็นชาและขู่ด้วยเสียงทุ้มต่ำ
แรนช์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้
“พูดอีกอย่างก็คือ…หากผมยังคงช่วยไฮพีเรียนต่อไป คุณจะหาทางโค่นหอการค้าวิลฟอร์ดลงงั้นเหรอ”
“ใช่แล้ว พวกเรามาร์ควิสแห่งการ์ซิกอสมีหลายวิธีที่จะใช้กลืนกิจการของพวกนายโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดผ่านวิธีการทางธุรกิจที่ถูกกฎหมาย”
ในเวลานี้มอร์ตันเริ่มระมัดระวังอย่างมากทั้งคำพูดและการกระทำของเขา
เขารู้ล่วงหน้าว่าคำถามต่อไปของแรนช์ก็คือการชักจูงให้เขาเปิดเผย “หลักฐานทางอาญา” อีกครั้ง
แต่การใช้เทคนิคเดิมๆ ซ้ำๆ ก็น่าเบื่ออย่างเห็นได้ชัด
มอร์ตันยิ้มอย่างเย็นชาในใจ เขามั่นใจว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขามีวิธีมากมายที่จะควบคุมชายหนุ่มผู้แสนฉลาดจากเมืองชายแดนคนนี้
ตัวอย่างเช่น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สนใจหอการค้าวิลฟอร์ดของตัวเอง!
แต่วินาทีถัดมา
มอร์ตันไม่เคยคาดคิดเลยว่า
แรนช์จะมองตรงมาที่เขา ราวกับว่าอีกฝ่ายเห็นผู้ช่วยชีวิต
ความคาดหวังอันจริงใจนี้ถึงกับทำให้มอร์ตันต้องรู้สึกหนาวสั่น
“?”
คนปกติที่ไหนจะรู้สึกยินดีอย่างอธิบายไม่ได้หลังจากได้ยินว่ากิจการของตระกูลกำลังจะถูกเขาคุกคาม?
พ่อของนายปฏิบัติไม่ดีกับนายมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม? ถึงได้ทำให้นายเกลียดตระกูลวิลฟอร์ดมากขนาดนี้!
“ในสงครามธุรกิจ ผู้ชนะคือราชาและผู้แพ้คือโจร คุณกลืนมันลงไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ผมทราบ”
แรนช์ยักไหล่พลางพูดพร้อมกับหลับตาลงอย่างไม่ใส่ใจ
มอร์ตันสูดลมหายใจเข้าลึก สุดท้ายเขาก็รู้สึกทนไม่ไหว
“แรนช์ วิลฟอร์ด แค่คำพูดมันไม่มีประโยชน์ ในอีกไม่ช้าความสามารถที่แท้จริงของนายจะถูกเปิดเผยในโลกแห่งภาพฉาย ฉันหวังว่านายจะไม่ทำให้ตัวเองต้องอับอายภายใต้เมืองหลวงแห่งนี้ มีหลายคนกำลังจับตาดูนายอยู่”
ในที่สุดมอร์ตันก็ค้นพบว่าแรนช์ดูเหมือนจะเป็นพวกปีศาจที่ไม่สนใจใยดีญาติมิตรของตัวเอง!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเข้ากันได้ดีกับไฮพีเรียน
“ไฮพีเรียน เรือดินเผาลำนี้จะพาความฝันในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของเธอจมลงสู่ก้นทะเล”
หลังจากพูดจบ มอร์ตันก็หันหลังกลับด้วยสีหน้ามืดมน
คำพูดของมอร์ตันเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
เพราะเขารู้ว่าถ้าไฮพีเรียนต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นและได้รับโอกาสในการตามหาพ่อของเธอมากขึ้น เธอก็ทำได้เพียงขอร้องและยอมจำนนต่อเขาเท่านั้น
สักวันเธอจะรู้และค้นพบมันด้วยตัวเอง
...
หลังจากที่มอร์ตันจากไปแล้ว ในห้องเรียนก็เกิดเสียงกระซิบดังขึ้นเล็กน้อย
นักศึกษาที่กระตือรือร้นบางคนตระหนักว่าข้อกล่าวหาที่แรนช์มอบให้มอร์ตันอาจเป็นการสร้างยุคสมัยใหม่
เพราะสถาบันและมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่งในทวีปทางใต้ไม่เคยประสบความสำเร็จในการดำเนินคดีกับนักเรียนจากโรงเรียนเดียวกันและส่งพวกเขาเข้าคุกเลยนับตั้งแต่ตอนก่อตั้งโรงเรียนขึ้น
ด้วยแรนช์ผู้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ไฮพีเรียนก็สามารถจ้างเขาเป็นทนายความเพื่อใช้ข่มขู่มอร์ตันได้
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น หลักการของมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์แห่งนี้ก็น่าจะถูกแรนช์ชักนำให้หลงทาง
ในอดีต หากมีความขัดแย้งที่แก้ไขไม่ได้ระหว่างนักศึกษา พวกเขาส่วนใหญ่จะไปที่สนามประลองหรือไม่ก็โลกแห่งภาพฉายแบบจำลองที่มีเครื่องป้องกันชีวิตเพื่อต่อสู้กัน
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็แค่เจ็บหนัก เดิมพันอะไรบางอย่าง และดวลกันอย่างมีศักดิ์ศรี
อย่างไรก็ตาม ด้วยการสาธิตของแรนช์ เหล่านักศึกษาค่อยๆ ค้นพบว่า —
สำหรับความขัดแย้งหรือข้อพิพาทในมหาวิทยาลัย การหาวิธีส่งคู่ต่อสู้เข้าคุกโดยตรงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด!
แถวหลังสุดของห้องเรียน
“เฮ้อ..”
สุดท้ายไฮพีเรียนทำได้เพียงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอพบกับแรนช์ เธอรู้สึกว่าชายคนนี้ทั้งจริงจังและเต็มไปด้วยความไร้สาระ
ถ้าเขาเป็นคู่ต่อสู้ของเธอ เขาคงจะเป็นจอมวายร้ายขนานแท้
แต่ถ้าเป็นเพื่อนร่วมทีมก็ต้องเป็นคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจ
“แรนช์ ขอบคุณนะ”
“เรื่องเล็กน้อย ฉันเกลียดการต่อสู้มาโดยตลอด ฉันแค่ชอบที่จะสร้างสันติภาพ ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันอย่างไร้ความหมาย”
เมื่อเห็นว่ามอร์ตันจากไป แรนช์ก็นั่งพึมพำอยู่บนโต๊ะ
เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะเข้าฌานตรัสรู้อีกครั้ง
มองดูนาฬิกาด้วยสายตาที่ง่วงซึม ทุกนาทีที่ผ่านไปเขารู้สึกถึงความทรมาน
ไม่อยากมาเรียนเลย
ตอนนี้แม้แต่หนังสือกฎหมายที่เขาชอบอ่าน เขาก็ไม่มีแม้แต่แรงที่จะมองมัน
เช่นเดียวกับตอนที่เขาอยู่มัธยมปลาย เมื่อเจอวิชาที่เขาเกลียด เขาจะคว่ำโต๊ะทันทีที่อาจารย์เปิดปาก
แรนช์กำลังคิดว่าวันนี้จะเข้าไปในโลกแห่งภาพฉายดีไหม
ตามกฎและข้อบังคับของมหาวิทยาลัย หากคุณขาดเรียนเนื่องจากการท้าทายโลกแห่งภาพฉายจะไม่นับว่าเป็นการโดดชั้นเรียน และคุณจะได้รับเวลาลาพักหนึ่งเพื่อปรับตัวหลังจากผ่านการท้าทาย
แม้ว่านักศึกษาจะเข้าร่วมการท้าทายโลกแห่งภาพฉาย ทางมหาวิทยาลัยก็จะมอบหน่วยกิตจริงให้กับนักศึกษาจำนวนเล็กน้อยตามความยากและความสำเร็จของพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่จะสามารถใช้เป็นหน่วยกิตสำหรับวิชาทางเลือกในภาคการศึกษาใดก็ได้เท่านั้น แต่หากมีเพียงพอ ก็สามารถใช้เป็นหน่วยกิตสำหรับชดเชยหลักสูตรภาคบังคับได้!
ดังนั้นจึงมีพวกบ้าการต่อสู้มากมายจากสถาบันอัศวินที่กำลังตั้งใจอย่างหนักเพื่อพิชิตโลกแห่งภาพฉายและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยหลักสูตรที่จำเป็นด้วยทางลัด!
ตอนนี้แรนช์รู้สึกว่าเขาต้องเดินตามเส้นทางนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังไฮพีเรียน
ดูเหมือนวันนี้เธอจะเข้าใจบทเรียนได้ง่ายมาก ดูไม่มีท่าทางเจ็บปวดเท่ากับเขาเลย
และไฮพีเรียนน่าจะเป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างรอบคอบและมั่นคง
เขาไม่รู้ว่าเธอจะยอมไปผจญภัยกับเขาในโลกแห่งภาพฉายหรือเปล่า
(จบตอน)