Chapter 22: ปะทะอีกครั้ง
เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงบรรเทาลง ฉินหรานก็ไม่รู้สึกถึงด้านซ้ายของลำตัวอีกเลย เขามองลงไปยังบริเวณที่ถูกยิง บาดแผลอยู่ใกล้กับหน้าท้อง กระสุนฝังอยู่ในเสื้อกันกระสุน เลือดซึมออกมา ถ้าไม่เพราะเสื้อกันกระสุน ท้องของเขาคงทะลุไปแล้ว ขนาดสวมเสื้อกันกระสุนไว้เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บได้
[ถูกยิง: ได้รับความเสียหาย 80 แต้ม มีอุปกรณ์ป้องกัน ลดความเสียหายได้ 40 แต้ม ก่อความเสียหายจริง 40 แต้ม บาดเจ็บปานกลาง...]
[สถานะบาดเจ็บปานกลาง: พลังโจมตี, ความคล่องแคล่ว และ ความฉลาด ลดลง 1 ระดับ]
[ความทนทานลดลง เสื้อเกราะกันกระสุน T1 เสียหาย]
กระสุนปืนไรเฟิลและปืนสั้นแตกต่างกัน วัดจากความทนทานของเสื้อเกราะที่ลดลงประมาณ 5 แต้ม และคุณภาพลดลงจาก ปกติ เป็นเสียหาย แต่หลัก ๆ เลยตอนนี้ ค่าพลังชีวิต ของฉินหรานลดลงจาก 95 เหลือ 55 เขาเสียพลังชีวิตไปราว ๆ ครึ่งหนึ่ง และยังเข้าสู่สถานะ [บาดเจ็บปานกลาง] ด้วย ค่าสถานะตัวละครลดลง 1 ระดับ พลังโจมตี และความคล่องแคล่วลดลงจาก F เป็น F- ในขณะที่ความฉลาดลดจาก F+ เป็น F เขาแทบจะอ้าปากค้างคางจรดพื้นตอนที่เห็น
เทียบกับบาดแผลฉีกขาดก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาเจ็บจริง ๆ แล้ว และเขาต้องรับมือกับผลที่ตามมา
ยังดีที่ร่างนี้เป็นแค่ร่างดิจิตอลเสมือนจริง และเขารู้ว่าเขายังสามารถลงมือตามแผนต่อได้แม้จะรู้สึกเจ็บปวดมากและค่าสถานะทั้งหมดลดลงก็ตาม เขากัดฟัน กดบาดแผลไว้แล้วเข้าสู่สถานะ [อำพราง] อีกครั้ง กระชับไรเฟิลดัดแปลงของตัวเองไว้แน่น
เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกโชคดีที่ตัวเองเลือกสภาพภูมิประเทศแบบนี้ที่ทำให้เขามีพื้นที่มากพอที่จะหลบหลีกกระสุนปืนและมีเวลามากพอที่จะออกจากจุดซ่อนตัวปัจจุบัน
ในเวลาเดียวกัน แฮงก์และคนอื่น ๆ ก็มาถึงจุดที่ฉินหรานซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้าและหลบออกมาก่อนแล้ว
"แม่งเอ๊ย! ถ้าพวกเรามีบาซูก้า เครื่องยิงลูกระเบิด หรือแค่ระเบิดเฮงซวยสักลูก ไอ้ขยะนี่ก็ตายไปนานแล้ว!" เฮนเดรลผู้ที่ทำหน้าที่เหยื่อล่อโมโหเมื่อไม่พบใครอยู่ตรงจุดนั้น
"นี่เป็นคำสั่งของซาหลูข่า!" แฮงก์บอกคนของตนด้วยน้ำเสียงแน่วแน่โดยไม่อธิบายอะไรเพิ่ม เขาเองก็มอบของพวกนั้นออกมาไม่ได้เหมือนกัน
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มที่ซาหลูข่าไว้วางใจ แฮงก์ก็ยังมีสถานะที่เหนือกว่าพวกเขาอยู่ แฮงก์เป็นคนเดียวที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วซาหลูข่าต้องการอะไร จุดประสงค์ของเขาคือเอาอัญมณีคืนมา ไม่ใช่ฆ่าฉินหราน แม้ว่าพวกเขาจะจัดการฉินหรานได้สำเร็จ แต่ถ้าหากระเป๋าอัญมณีนั่นไม่เจอ ภารกิจก็นับว่าล้มเหลวอยู่ดี แฮงก์รู้ดีเลยว่าซาหลูข่าจะมีท่าทีอย่างไหร่หากภารกิจล้มเหลว
เมื่อพิจารณาจากความว่องไวในการหลบหนีของฉินหรานแล้ว ดูเหมือนว่าเขาอาจจะไม่ได้เอากระเป๋านั่นมาด้วย แฮงก์ก็ไม่กล้าสั่งให้ลูกน้องใช้บาซูก้าหรือเครื่องยิงลูกระเบิด เขาไม่รู้ว่าอัญมณีที่ต้องหามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะว่าซาหลูข่าไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลมากถึงขนาดนั้นแม้กับมือขวาของเขา แฮงก์จึงได้แต่เป็นฝ่ายตั้งรับต่อไป
แล้วไอ้กระเป๋าที่ต้องหานี่ มันอยู่กับที่หรือเคลื่อนที่ได้? จากสถานการณ์แล้ว เขาไม่แน่ใจเลย ถ้ามันไม่ได้เคลื่อนที่ ทั้งหมดที่แฮงก์และลูกน้องต้องทำก็แค่หาจนกว่าจะเจอ แต่ถ้าฉินหรานเอากระเป๋าติดไปด้วย แล้วแฮงก์สั่งลูกน้องใช้ระเบิด เขาจะบอกซาหลูข่ายังไง? บอกว่าพวกตนบังเอิญระเบิดสิ่งที่ซาหลูข่าสั่งให้หาปลิวไปแล้ว? นอกเสียจากว่าเขาเองก็อยากให้หัวปลิวไปด้วยเหมือนกัน เขาเกือบจะแน่ใจเลยว่าซาหลูข่าจะเด็ดหัวเขาปลิวโดยไม่รอคำอธิบาย ดังนั้น แม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้ความกดดันแค่ไหน แฮงก์ก็ไม่กล้าเอาระเบิดมาใช้
"มันได้รับบาดเจ็บ!" หนึ่งในทหารชี้ไปที่หยดเลือดบนพื้น ดวงตาของทุกคน รวมถึงแฮงก์ด้วย เป็นประกายขึ้นมาทันที
"ตามรอยไป!" แฮงก์สั่ง
...
ฉินหรานกำลังซ่อนตัวอยู่ใต้ซากปรักหักพังที่เกิดจากผนังคอนกรีตและคานไม้ที่หล่นลงมา ถ้าไม่เพราะมีแสงอาทิตย์ลอดลงมาระหว่างช่องว่าง เขาก็จะตกอยู่ในความมืดสนิท เขารู้ว่าเขามีเวลาไม่มากนักจึงลุกขึ้น แม้ว่าจะเอาเสื้อมาพันแผลแล้ว แต่เลือดก็ยังคงไหลออกมาและหยดลงบนพื้น มันทิ้งรอยเป็นทางให้ทหารตามรอยมา พวกทหารคุ้นเคยกับรอยเลือดมาก ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าพวกมันจะตามฉินหรานทันเมื่อไหร่ ภายในเวลาสั้น ๆ นี้ ฉินหรานต้องรักษาแผลของตัวเองและกลับไปอยู่ในสภาพเดิมให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเอาสถานะ [บาดเจ็บปานกลาง] นี่ออกไป ถ้าทำไม่ได้ เขาจะสู้ไม่ไหวอีกต่อไป
แล้วค่าสถานะที่ลดลงล่ะ?
[พลังโจมตี] ที่ลดลงทำให้รู้สึกว่าปืนไรเฟิลและแมกกาซีนหนักขึ้น [ความคล่องแคล่ว] ที่ลดลงมีผลต่อการเคลื่อนไหวภายใต้สถานะ [อำพราง] เขาเกือบจะเดินเป็นเส้นตรงไม่ได้ แน่นอนว่า [หลบหลีก] ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน และ [ความฉลาด] ทำให้เขามองเห็นและได้ยินในรัศมีแคบลง แค่สถานะพวกนี้ลดลง 1 ระดับ เขาก็แทบจะเหมือนคนพิการเลย มันแย่กว่าพลังชีวิตที่ลดลงเสียอีก
"หวังว่านี่จะได้ผลนะ" ฉินหรานเอาอาหารกระป๋องที่ซ่อนไว้ออกมา
อย่าวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว นั่นคือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในทุกครั้งที่เขาเสียลูกอมและขนมให้แก่เด็กที่โตกว่า เพื่อที่จะไม่ให้กระทบต่อ [ความคล่องแคล่ว] ของเขา เขาซ่อนอาหารกระป๋องและน้ำไว้ตามซากปรักหักพัง เขาพบว่าตัวเองกำลังหวังให้กฎทั่วไปของเกมอย่าง อาหารสามารถเพิ่มพลังชีวิตและลบสถานะด้านลบได้ นั้นใช้ได้ในเกมใต้ดินนี้ด้วย
[อาหารกระป๋อง ฟื้นฟูพลังชีวิต 25% และฟื้นฟูกำลังกาย 50 แต้มภายใน 1 นาที]
ค่าพลังชีวิตสูงสุดของเขาคืออหนึ่งร้อยแต้ม อาหารกระป๋องสามารถฟื้นฟูค่าพลังชีวิตได้ยี่สิบห้าแต้ม แปลว่าสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตของเขาจาก 55 เป็น 80 เขาเปิดอาหารกระป๋องและกินมันลงไป รออย่างใจเย็น
[กินอาหารกระป๋อง...]
[ปลดสถานะหิว...]
[ฟื้นฟูพลังชีวิต 25 แต้มภายใน 1 นาที…]
มีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นเมื่อพลังชีวิตของเขาถึงหกสิบ
[พลังชีวิตมากกว่า 60% ลบสถานะบาดเจ็บปานกลาง...]
[พลังชีวิต 80 สถานะบาดเจ็บเล็กน้อย...]
[บาดเจ็บเล็กน้อย: มันไม่เจ็บหรอกนะ ถ้าไม่แตะโดนแผล!]
แม้ว่าบาดแผลจะไม่ได้ได้รับการรักษาจริงและเลือดจะยังคงไหล แต่มันไม่แย่เท่าก่อนหน้าแล้ว ความเจ็บปวดลดลง และที่สำคัญเขาสามารถกำจัดสถานะ [บาดเจ็บปานกลาง] ออกไปได้
ฉินหรานผ่อนลมหายใจยาว ถ้าเขาไม่สามารถกำจัดสถานะนั้นได้ก็เหมือนเป็นศพศพหนึ่ง ส่วนตอนนี้?
ฉินหรานหยิบไรเฟิลดัดแปลงขึ้นมา เขารู้สึกว่ามันถือได้สบายอีกครั้งเมื่อสถานะ [บาดเจ็บปานกลาง] หายไป
...
แฮงก์และลูกน้องอีกสามคนตามรอยเลือดของฉินหรานมาจนถึงจุดซ่อนตัว ชิ้นส่วนผนังคอนกรีตและคานไม้ที่หล่นลงมาบัง แฮงก์ยกคานไม้อันหนึ่งออก เฮนเดรลขยับไปด้านหน้าเอนตัวแนบผนังคอนกรีต
"ยกมือขึ้นแล้วเดินออกมา!" เขาพูดโดยไม่มองลงไป
"แกถูกล้อมแล้ว!"
"เราจะไว้ชีวิตแก ถ้าแกไม่ขัดขืน"
แม้ว่ามันจะเกลียดฉินหราน เฮนเดรลก็ยังระวังทักษะการใช้ปืนที่ดีมากของฉินหราน และไม่อยากเสี่ยงชะโงกหน้าเข้าไปมอง เสียงของเฮนเดรลดังพอจะได้ยินไปในระยะสองสามเมตร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ จากด้านในที่ซ่อน แฮงก์และพวกแน่ใจว่าฉินหรานอยู่ด้านในเพราะมีรอยเลือดหยดเป็นทางมาถึงที่นี่ ถ้าฉินหรานไม่ตอบแปลว่าเขาเลือกที่จะสู้จนถึงที่สุด
"มือปืนกล ย้ายก้นแกมาที่นี่ก่อนที่ฉันจะฆ่าแก!" แฮงก์ตะโกนใส่วิทยุ
ตามกฎของสงครามแล้ว ถ้ามือปืนกลคนแรกตายระหว่างการต่อสู้ ผู้ช่วยจะเข้ารับผิดชอบแทนโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ช่วยคนนี้มีความสามารถต่ำและหวาดกลัวจนหนีออกจากตำแหน่งตอนที่มือปืนคนแรกถูกฆ่ายังคงไม่หายจากอาการหวาดกลัว เขาอาจจะถูกระบุว่าหนีทหารได้เลย ถ้าเรื่องถึงศาลทหารเขาคงถูกประหาร แต่บางครั้ง ไม่จำเป็นต้องถึงศาล หัวหน้ากลุ่มก็สามารถตัดสินใจเองได้
ใช่ แฮงก์สามารถสังหารผู้ช่วยคนนั้นทิ้งได้ แต่เขาไม่ทำเพราะว่ายังคงต้องไล่ล่าฉินหราน แฮงก์จึงให้โอกาสผู้รับผิดชอบตำแหน่งปืนไถ่โทษครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ฆ่าคนผู้นี้แต่จะส่งตัวให้ศาลทหารแทน จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่เกี่ยวกับแฮงก์แล้ว
แฮงก์สัญญาว่าจะไม่ฆ่ามันตายตรงนี้
"คะ.. ครับ ท่าน!" เสียงอ่อนเยาว์ดังผ่านวิทยุมา เขากลัวมากจนเสียงสั่น
"ทำไมคนแบบนี้ถึงมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของซาหลูข่าได้? คนใหม่เหรอ?" แฮงก์คิดอย่างไม่พอใจ เขาขมวดคิ้ว เขาคิดหาคำอธิบายที่เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
พันตรีซาหลูข่าเป็นคนเหี้ยมโหดและไร้ปรานีแต่ก็เป็นทหารที่กล้าหาญ และเพราะความกล้าหาญทำให้เขาได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นพันตรีและได้รับหน้าที่บัญชาการกองกำลังที่ดีที่สุดของกลุ่มกบฏ
ฐานที่มั่นของซาหลูข่าเป็นกองกำลังหลักในการต่อต้านทหารของรัฐบาล เพราะว่ามีการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ฐานที่มั่นแห่งนี้จึงขาดกำลังพลตลอด ทหารหรือทีมจากฐานอื่นถูกส่งมาเพื่อเติมกำลังพล พวกเขายังรับสมัครผู้ชายเพิ่มด้วยเช่นกันแต่ไม่สามารถรับรองคุณภาพของทหารใหม่พวกนั้นได้ ดังนั้น คนผู้นี้อาจจะเพิ่งถูกส่งตัวมาเข้ากลุ่มของแฮงก์มาเป็นผู้ช่วยมือปืนกลก่อนที่จะออกปฏิบัติภารกิจนี้
แฮงก์สลัดความคิดพวกนี้ทิ้งไปก่อน เขาเป็นทหารและหน้าที่คือทำตามคำสั่ง ไม่ใช่ตั้งคำถาม
ครู่ถัดมา แฮงก์รู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างอธิบายไม่ได้ เขาทิ้งตัวต่ำและหลบเข้าที่กำบังโดยไม่คิดซ้ำสอง
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
.
.
.
.