ตอนที่แล้วบทที่ 51 กระท่อมหลังน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 วิชาตัดชีพจรจับมังกร

บทที่ 52 โอหัง?


บทที่ 52 โอหัง?

ชุดสีดำลายเมฆ คาดด้วยเข็มขัดหยกขาว ยิ่งทำให้ดูสง่างาม...

เสินอี้เดินออกจากห้องอย่างช้าๆ

หญิงชรายิ้มอย่างอบอุ่น "โอ้โห...  หล่อกว่าเหิงเอ๋อมาก มาเร็วเข้า เจ้ามานั่งเร็ว"

ฟางเหิงยกโต๊ะมาวางไว้กลางลาน วางอาหารจานเล็กๆ ที่ดูเรียบง่าย สุดท้ายสายตาก็มาหยุดที่ลายเมฆบนแขนเสื้อของเสินอี้

เขาไม่พูดอะไร หยิบช้อนตักโจ๊กข้นๆ มาสามถ้วย

เขาประคองหญิงชราให้นั่งลง "ที่นี่มีแค่ข้ากับท่านยาย มีแต่อาหารง่ายๆ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจก็ทานให้หมดนะ"

"ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ"

เสินอี้กินอาหารแห้งมาสองวัน เขาไม่ได้ถือตัว นั่งลงที่โต๊ะ ตักกับข้าวและโจ๊กกินอย่างเอร็ดอร่อย

เมื่อเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย หญิงชราก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น "เจ้ามาจากเมืองไป๋อวิ๋นงั้นเหรอ? ไป๋เว่ยเขียนจดหมายมาบอกข้าแล้ว เจ้าเป็นเด็กดี แต่งงานหรือยัง? ถ้ายัง ยายจะหาคู่ให้เจ้าสักคนดีไหม?"

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสินอี้ถึงกับสำลักโจ๊ก "..."

ฟางเหิงดูเหมือนจะคุ้นเคย เขากินข้าวอย่างเงียบๆ

จนกระทั่งเกลี้ยงชาม เขาจึงวางตะเกียบลง "กว่าท่านอาจารย์จะกลับมา อย่างน้อยอีกสองเดือน เจ้าสามารถพักที่นี่ก่อนได้"

ฟางเหิงพูดจบ กลับไปหยิบตำราหนาสองนิ้วมาวางไว้บนโต๊ะ

"ตอนท่านอาจารย์ยังหนุ่ม ท่านโด่งดังมากในชิงโจว โดยการอาศัยวิชาสุดยอดทั้งห้า"

"เพียงเรียนรู้แค่หนึ่งในนั้น ก็สามารถปราบปีศาจในระดับเดียวกันได้ ซึ่งท่านได้ถ่ายทอดให้พวกเรา และวิชานี้ไม่ใช่ของแผนกปราบปีศาจ ข้าสามารถถ่ายทอดให้เจ้า มันไม่ผิดกฏ"

"แต่เจ้าไม่ใช่คนในสำนักข้า ดังนั้นเจ้าเรียนรู้ได้ แต่ถ่ายทอดต่อไม่ได้ เจ้าเข้าใจใช่ไหม?"

เสินอี้เคยคุยกับจางถูหูมานานพอสมควร เขาไม่ได้เป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้อะไรอีกต่อไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นแผนกปราบปีศาจหรือสำนักต่างๆ  การแอบถ่ายทอดวิชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เพียงแต่ผู้ถ่ายทอดจะถูกลงโทษอย่างหนัก ผู้ฝึกฝนเองก็เช่นกัน โทษสถานเบาคือการตัดมือตัดเท้า หรือทำลายเส้นลมปราณเพื่อยึดวิชาคืน โทษหนักๆ ก็คือตาย!

ไม่แปลกใจเลยที่ตอนแรกแม้จะบาดเจ็บสาหัส หลินไป๋เว่ยก็ยังแต่งวิชาขึ้นมาลวกๆ หวังจะเอาตัวรอด

แต่สุดท้ายนางก็คัดลอกวิชาผสานสี่เที่ยงแท้ออกมา ซึ่งมันเป็นสิ่งเดียวที่นางสามารถสอนให้ได้

"วิชาที่ข้าได้รับคือ 'ตัดชีพจรจับมังกร' มันคือวิชาชั้นสูงในขอบเขตวารีหยก เน้นการใช้หมัดและเท้า"

"ข้ามีเวลาพักร้อนหนึ่งเดือน ข้าจะสาธิตให้ดูวันละสามครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ถ้าเจ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามข้าได้"

ฟางเหิงลุกขึ้นยืนช้าๆ  พูดเสียงเรียบๆ ว่า "ก่อนที่จะเรียนสำเร็จ ห้ามออกจากลานแห่งนี้ ห้ามไปปะปนกับพวกขี้เกียจสันหลังยาวอย่างหลี่ซินฮั่น ข้าขอบอกเลยว่า ลวดลายเมฆบนแขนเสื้อ ไม่ได้มาจากการพึ่งพาเส้นสาย"

เมื่อได้ยินดังนั้น เสินอี้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าไม่แสดงอารมณ์

เขาเคยรู้สึกว่าหลินไป๋เว่ยคิดมาก อยู่ด้วยกันยาก

ไม่คาดคิดว่าเมื่อมาถึงชิงโจว ไม่ว่าจะเป็นหลี่ซินฮั่นหรือฟางเหิงตรงหน้า ถึงจะไม่ได้พูดจาโอหัง แต่แฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธ ทั้งคู่เหมือนถอดแบบมาจากพิมพ์เดียวกัน

ท่าทีไม่ยี่หระที่ซ่อนอยู่ใต้ใบหน้าอันสงบนิ่ง ดูแล้วช่างน่ารำคาญ

"…"

สีหน้าของหญิงชรากลายเป็นตึงเครียด ทันใดนั้นก็หยิบกิ่งไม้จากพื้นดิน ฟาดไปที่น่องของฟางเหิงเบาๆ "เจ้ายังจะขู่อีก อยากกินข้าวสบายๆ ก็ไม่สงบ รอให้กินเสร็จก่อนไม่ได้เหรอไง? เด็กที่ไป๋เว่ยชื่นชม มันจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดได้อย่างไร?"

ฟางเsbงก้มหน้ายืนนิ่ง อดทนต่อการตีสองสามครั้ง "ข้าพูดผิดเอง"

เมื่อหญิงชราคลายความโกรธ

เขาเดินไปที่ต้นไม้ต้นไม่ใหญ่นัก ขนาดเท่าปากชาม กล้ามเนื้อทั้งตัวสั่นสะเทือน หมัดและฝ่ามือของเขาว่องไวเหมือนลูกศร โจมตีลำต้นอย่างรวดเร็ว

ลำต้นของต้นไม้ที่เสินอี้สามารถหักโค่นได้ง่าย มันกลับไม่มีสัญญาณของการสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย หลังจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของฟางเหิง

"ทุกสิ่งมีเส้นชีพจร ค้นหามัน แล้วตัดมันทิ้ง"

ฟางเหิงเก็บฝ่ามือช้าๆ หันกลับมามอง "ใช่แล้ว เจ้าได้รับโอสถเปิดชีพจรไหม?"

เสินอี้หยิบขวดยาออกมา "อันนี้ใช่ไหม?"

"นอกเหนือจากการแช่น้ำยาแล้ว ทหารของแผนกปราบปีศาจทุกคนสามารถรับได้สามเม็ดเมื่อเข้ามา"

"เคี้ยวและกลืน จากนั้นกลั่นกรองพลังของยา ขยายเส้นลมปราณและจุดเฉียว ให้เจ้ากินทุกๆ สามเดือน หลังจากกลั่นกรองทั้งหมด จุดเฉียวทั้งสิบสองในร่างกายสามารถขยายได้ถึงเก้าส่วน(90%) หลังจากนั้น การดูดกลืนปราณแก่นแท้ หรือกักเก็บปราณแก่นแท้ จะเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่า"

ฟางเหิงอธิบายอย่างง่ายๆ

เสินอี้ก้มมองขวดยาในมือ หลังจากเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขายังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

ประสิทธิภาพของการดูดกลืนปราณแก่นแท้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า สำหรับปรมาจารย์ยุทธขอบเขตเริ่มต้น การฝึกฝนอย่างหนักหนึ่งวันสามารถเทียบเท่ากับสองวันก่อนหน้านี้ มันเท่ากับพรสวรรค์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ส่วนประสิทธิภาพอีกประการหนึ่งนั้นลึกลับยิ่งกว่า

ปราณแก่นแท้ที่เก็บไว้ในจุดเฉียวนั้นคงที่ นี่คือข้อสรุปที่เสินอี้ได้มาหลังจากใช้อายุขัยของปีศาจจำนวนมหาศาล แม้จะผ่านไปนับร้อยปี  ปราณแก่นแท้ก็สามารถควบแน่นเป็นวารีได้ช้าๆ เท่านั้น

แต่หากขยายจุดเฉียวให้กว้างขึ้นเก้าส่วน ย่อมเทียบเท่ากับว่ามีพลังมากกว่าคนอื่นเกือบหนึ่งเท่าเมื่อเวลาต่อสู้

และยาอัศจรรย์เช่นนี้ ทุกคนสามารถรับได้ง่ายๆ?

"โอสถชนิดนี้หายากไหม?"

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฟางเหิงก็ละสายตา "มันเคยเป็นยาล้ำค่าเฉพาะของสำนัก ซ่งเหอ(สำนักกระเรียนสน)ในชิงโจว ก่อนหน้านี้มันมีชื่อว่า 'โอสถเปลี่ยนเส้นลมปราณ' มันมีไว้ให้เฉพาะศิษย์ในสำนักเท่านั้น  ต่อมาสำนักซ่งเหอสมรู้ร่วมคิดกับปีศาจ ถูกแผนกปราบปีศาจกวาดล้าง พวกเขาจึงนำสูตรยากลับมา แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ ส่วนสำนักอื่นๆ ก็มีโอสถที่มีผลคล้ายคลึงกัน แต่ประสิทธิภาพสูงสุดก็อยู่ที่ห้าส่วนเท่านั้น"

ฟางเฮงพูดต่อ "เงินเดือนของแผนกปราบปีศาจไม่สูงนัก แต่สวัสดิการดีมาก...  แต่นั่นต้องขึ้นกับเงื่อนไขที่ว่า เจ้าต้องรอดชีวิต!"

เมื่อพูดจบ ฟางเหิงก็หันหลังกลับเข้าบ้าน เผยให้เห็นต้นไม้น้อยที่นิ่งสนิท

เสินอี้มองดูอย่างเงียบๆ ต้นไม้นั้นยังคงเป็นต้นเดิม แต่ไม่ว่าจะเป็นใบไม้สีเขียวขจี หรือลำต้นที่ตั้งตรง ตอนนี้มันไร้ซึ่งชีวิตชีวา เผยให้เห็น "ความตาย" ที่ดูแปลกประหลาด

แม้จะไม่เข้าใจความลึกลับทั้งหมด แต่ทักษะที่สามารถเทียบได้กับวิชาผสานสี่เที่ยงแท้นั้น มันคงจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้

เขาเอื้อมมือออกไป พลิกดูตำราบนโต๊ะอย่างเฉื่อยชา

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อความก็ปรากฏขึ้นบนแผงระบบ

【วารีหยก.  วิชาตัดชีพจรจับมังกร (ยังไม่เริ่มฝึก)】

"เด็กน้อย เจ้าพลิกตำราลวกๆ แบบนี้ได้อย่างไร?  เจ้าอิ่มแล้วหรือยัง อร่อยไหม?  ถ้าอิ่มแล้วรีบเอาไปอ่านในห้องเถอะ"

หญิงชราผลักเขาขึ้น  แล้วบอกให้เขารีบเข้าบ้าน

"ไม่เป็นไร ข้ามีเวลาอีกเยอะ"

เสินอี้มองหญิงชราตัวน้อยด้วยความรู้สึกที่อึดอัดเล็กน้อย แววตาของเขาอ่อนโยนขึ้น

เขาเก็บตำรา ก้มลงช่วยเก็บจาน

แม้จะใช้ชีวิตกับเฉินจี้และหลินไป๋เว่ยได้อย่างสบายๆ แต่การให้คนแก่ที่ไม่ใช่ญาติมาทำงานให้เขา  เขายังคงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น ในชีวิตชาติก่อน เสิ่นอี้กลัวมากที่สุดคือญาติผู้หญิงที่จู้จี้จุกจิก ตอนนี้เขากลับพบว่า... เขารู้สึกสบายใจ

แม้จะถูกถามเรื่องแฟนหรือเงินเดือน มันก็ยังดีกว่าที่อยู่คนเดียวไม่มีผู้ใดถามไถ่!

"..."

ฟางเหิงยืนอยู่ในบ้าน มองดูท่านยายที่ยิ้มแย้มแจ่มใส   แล้วมองไปที่เสินอี้ สีหน้าเย็นชาลง

ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่หญิงหลินตกยาก เขาถึงกลับขู่เอาตำราวิชาขอบเขตวารีหยกถึงสองเล่ม แถมตอนนี้เขาได้ทั้งวิชาผสานสี่เที่ยงแท้และวิชาตัดชีพจรจับมังกรที่ล้ำค่า

แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่หญิงที่มีพรสวรรค์ พวกเขาก็ยังเลือกฝึกฝนเพียงหนึ่งในนั้น

ด้วยสถานะและความสามารถของอีกฝ่าย เขากล้าที่จะใฝ่ฝันถึงสองวิชา?

ที่สำคัญ เขาเพิ่งเข้าแผนกปราบปีศาจ เขาก็ดูสนิทสนมกับลูกน้องของหลี่ซินฮั่น มาวันแรกก็ได้เสื้อคลุมลายเมฆ?

แม้แต่ท่านยายที่ไม่มีภูมิหลัง เพียงแค่ต้องมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเขา แถมยังต้องเอาใจใส่อีกฝ่าย... เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษมาจากไหน!

โลภและโง่ เจ้ามันช่างน่ารังเกียจ!

การอยากใช้โอกาสนี้เพื่ออยู่ที่นี่ และทะยานขึ้นสวรรค์ มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์

แต่แม้กระทั่งการปิดบังความต้องการ เจ้าก็ยังขี้เกียจกระทำ...

ถ้านี่ไม่เรียกว่าโอหัง แล้วจะเรียกว่าอะไร?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด