บทที่ 47 เทียนกังโลหิต, ถานหลางสังหารปีศาจ
บทที่ 47 เทียนกังโลหิต, ถานหลางสังหารปีศาจ
เสิ่นอี้ไม่คาดคิดว่าแผนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
ในตอนแรก เขาตั้งใจจะใช้เวลาหนึ่งเดือนฝึกฝนจนถึงขอบเขตเริ่มต้นก่อนที่แผนกปราบปีศาจจะมาตรวจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ร่างเก่าได้ทิ้งไว้ จากนั้นก็ล้างชื่อเสียงที่ไม่ดีของเขาไปพร้อมกัน
แต่ตอนนี้ผ่านมาเพียงสิบกว่าวัน เขาไม่เพียงแต่บรรลุขอบเขตเริ่มต้นขั้นสมบูรณ์แบบ แต่ปีศาจที่เกี่ยวข้องก็ถูกฆ่าตายแล้วเกือบหมด
ส่วนเรื่องชื่อเสียง…
แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างกระเป๋าเงินหาย ชาวบ้านก็ยังกล้ามาขอความช่วยเหลือ
แสดงว่ามันคงไม่เลวร้ายแล้ว... ใช่ไหม?
หลังจากนี้ การเข้าร่วมแผนกปราบปีศาจน่าจะมีโอกาสสูง
เสินอี้มองไปที่แผงระบบ
[อายุขัยที่เหลือ: สี่สิบหกปี]
อายุขัยของเขาที่เพิ่มขึ้นมาสองครั้ง ครั้งแรกมาจากการบรรลุร่างกายมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ และครั้งที่สองมาจากการก้าวข้ามไปขอบเขตเริ่มต้น
หากเขาใช้ชีวิตจนตายตามอายุขัย เขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้จนอายุเจ็ดสิบสองปี
เมื่อเทียบกับวิถีชีวิตที่ยุ่งเหยิงในอดีต ทั้งสูบบุหรี่และดื่มเหล้า ที่เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงวัยนี้ เสินอี้ก็ต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่คุ้มครองแล้ว หรือไม่ก็ขอบคุณที่ยีนของเขานั้นแข็งแกร่ง!
แน่นอน เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักพอ
แต่การใช้ชีวิตจนตายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากข้ามมาโลกนี้ เขาต้องเผชิญกับเรื่องราวร้ายแรงมากมาย เขาแทบจะไม่เคยได้ออกจากเมืองไป๋อวิ๋นเลย ไกลที่สุดที่เขาเคยไปก็คือดินแดนรกร้างนอกหมู่บ้านสือหลิน
ถ้าไม่มีวิชาที่แข็งแกร่งติดตัว เขาคงตายจนเหลือแต่ซากกระดูกไปนานแล้ว
เสินอี้ก็เคยคิดที่จะถอดชุดเจ้าหน้าที่ออก ไปเป็นข้ารับใช้เศรษฐีที่ขี้ขลาด
ไปรับเงินหนักๆ แต่งงานกับสาวสวยอวบอึ๋มและอ่อนโยน ปิดประตูนอนคลุมโปง
และทำแต่เพียงช่วยเหลือผู้คนในเมืองนี้เท่านั้น
แต่ว่า... ใครจะกล้ารับประกันว่า เมื่อเขาหลับตาลง เขาจะไม่กลายเป็นปรมาจารย์ยุทธอย่างหลิวฉีคนต่อไป
จริงอยู่ที่ระดับของเขาสูงกว่าหลิวฉีมาก แต่คุณชายหยินฉี(ปีศาจพยัคฆ์)อะไรนั่น มันไม่ถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอะไรมากมายในบรรดาปีศาจทั้งหมด!
“…”
เสินอี้จ้องมองไปที่แผงระบบ เมื่อนึกถึงโอกาสที่จะออกจากเมืองไป๋อวิ๋น ความปรารถนาในอายุขัยของปีศาจก็ร้อนแรงขึ้น
[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: หกร้อยห้าสิบสองปี]
ทักษะดาบโลหิตสังหารขาดเพียงก้าวสุดท้าย คืนนี้เขาจะต้องก้าวผ่านมันให้ได้!
เมื่ออายุขัยหลั่งไหลเข้าสู่ดาบ
ตัวอักษรปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แถวแล้วแถวเล่า
[ปีแรก โฮสต์ลองใช้แนวคิดเดิม ใช้วิธีการเปลี่ยนพลังปราณโลหิตชั่วร้ายให้เป็นพลังปราณแก่นแท้ เพื่อชำระล้างปราณโลหิตสังหารที่เกาะอยู่บนดาบ]
[ปีที่เจ็ด โฮสต์มองดูหมอกสีแดงบนดาบดำค่อยๆ แข็งตัว ทำให้โฮสต์รู้สึกมั่นใจ คำกล่าวที่ว่า เข้าใจหลักการเดียว เข้าใจหลักการทั้งหมด มันคือคำพูดที่เป็นความจริง]
[ปีที่สิบสอง เนื่องจากรีบร้อนเกินไป พลังปราณโลหิตแตกสลาย เส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บ โฮสต์คิดว่าคำกล่าวที่ว่า เข้าใจหลักการเดียว เข้าใจหลักการทั้งหมด คือเรื่องไร้สาระ มันต้องเป็น ผิดพลาดเพียงนิด ผิดพลาดจนหมด! เอาง่ายๆ บนโลกนี้ไม่มีใบไม้สองใบที่เหมือนกัน]
...
เสินอี้รู้สึกถึงความเจ็บปวดทั่วร่างกาย เขารู้สึกพูดไม่ออก
ทำไมลองผิดลองถูกมาหลายปี ยังเหมือนคนห่ามๆ เหมือนเดิม ชอบเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงทุกครั้ง?
หรือสมองไม่ดี เลยเอาความกล้ามาชดเชย?
ฟู่! ตัวข้าเอ๋ย... ใจเย็นลงหน่อยได้ไหม?
จากนั้น เขาเร่งความเร็วในการถ่ายทอดอายุขัยขึ้นเล็กน้อย
[ปีที่สามสิบสาม โฮสต์รักษาบาดแผลเรื้อรังในร่างกาย พยายามควบคุมจิตใจ เพื่อให้ปราณโลหิตสังหารและปราณแก่นแท้ผสมผสานกัน และทำความคุ้นเคยกันและ]
[ปีที่ห้าสิบเก้า หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายปี ปราณแก่นแท้ของโฮสต์เกิดการเปลี่ยนแปลง โฮสต์รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองค่อยๆ ร้อนรน]
[เปลี่ยนแปลง: วารีหยก . วิชาผสานสี่เที่ยงแท้ (สมบูรณ์แบบ)]
[เข้าใจ: วารีหยก . เทียนกังโลหิตสังหาร (สมบูรณ์แบบ)]
(เทียนกัง ในความหมายคือเทพบนท้องฟ้าหรือไม่ก็กลุ่มดาวกระบวยใหญ่ ลัทธิเต๋าเชื่อว่ามีดาวเทียนกัง(เทพสวรรค์) 36 ดวง และดาวตี้ซา(เทพปีศาจ) 72 ดวงในกระจุกดาวกระบวยใหญ่ ซึ่งทั้งหมดมาใช้แทนฉายาในเรื่อง 108 ผู้กล้าเขาเหลียงซานนั่นเอง)
[ปีที่เก้าสิบเจ็ด โฮสต์ระงับความกระหายเลือดในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ โฮสต์รู้สึกถึงพลังของวิชานี้ที่กลายพันธุ์ ซึ่งเหนือกว่าพลังเดิมมาก โฮสต์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ความคิดแรกเริ่มของโฮสต์นั้นถูกต้องจริงๆ]
[ปีที่หนึ่งร้อยยี่สิบ หลังจากกดขี่สัญชาตญาณปีศาจมาหลายปี พลังการควบคุมของโฮสต์ในวิชานี้ก็ยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น ขจัดพลังชั่วร้าย เน้นความหมายในการสังหาร เพียงแค่ขยับความคิด ชั้นออร่าปราณที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมดาบอย่างรวดเร็ว]
[เข้าใจ: วารีหยก . ถานหลางสังหารปีศาจ]
(ถานหลาง แปลว่าดาวหมาป่าโลภะ เป็นตัวแทนของพลังอำนาจและความแข็งแกร่ง)
[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: สี่ร้อยสามสิบสองปี]
...
หากไม่ใช่เพราะข้อความสองสามบรรทัดสุดท้ายที่ปรากฏขึ้น
เสินอี้เกือบคิดว่าเขาฝึกฝนวิชาผิด
วิชาผสานสี่เที่ยงแท้ที่เขาเพิ่งเรียนรู้ กลายเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ต่างจากความยุติธรรม และเฉียบขาดในอดีตหลังจากถูกโลหิตสังหารกัดเซาะ เพียงแค่ดูจากชื่อ เขารู้สึกถึงความโหดร้าย
แต่กลายเป็นว่าวิชาดาบโลหิตสังหารที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เหมือนกลับคืนสู่ความเรียบง่าย มันกำจัดกลิ่นอายของปีศาจออกไปจนหมดสิ้น
ส่วนถานหลางสังหารปีศาจ
เสินอี้เอื้อมมือไปหยิบดาบทมิฬคู่ ใบดาบยาวสีดำสนิทหลุดออกจากฝักทันที
เมื่อออร่าปราณจากจุดต้าเฉียวหมุนเวียน ตัวดาบทั้งเล่มก็ดูมืดลงอย่างประหลาดในสายตาของเสินอี้... มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก ราวกับกลืนหายไปกับ เวลาค่ำคืน เหมือนมันไม่มีตัวตนอยู่
“…”
เสินอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาใช้ปลายนิ้วสัมผัส
ใบมีดฝังลงในเนื้อหนังโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ เลือดไม่ได้ไหลออกมา แต่กลับถูกดูดกลืนเข้าสู่ใบมีดอย่างน่าประหลาด กลายเป็นเส้นเลือดสีจางๆ ที่ค่อยๆ ไหลผ่านดาบยาว
เสินอี้จ้องมองปลายนิ้วของเขาอย่างเงียบๆ
หลังจากฝึกฝนวิชาร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บ
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวที่สุดคือ... จนกระทั่งเนื้อถูกเฉือน หากไม่จ้องมองอย่างตั้งใจ เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงมันเลยด้วยซ้ำ
ดาบสีดำสนิทราวกับถูกสร้างมาเพื่อการสังหารโดยเฉพาะ!
เสินอี้ค่อยๆ เก็บดาบกลับเข้าฝัก
ในขณะที่รู้สึกประหลาดใจ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดระแวง
ในขอบเขตวารีหยก ปรากฎว่ายังมีวิธีการใช้ดาบที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาคิดไม่ออกว่าจะรับมือกับมันอย่างไร?
ถ้ามีคนหนึ่งถือดาบเข้ามาโจมตี
ถ้าเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เขาต้องถอยเว้นระยะห่างก่อน จากนั้นทุ่มพลังปราณจากวิชาผสานสี่เที่ยงแท้ใส่ร้อยกว่าครั้ง แม้แต่ภูเขาก็ยังพังทลาย
แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่เล่นตามกฎ หรือเล่นสกปรก...
ลอบโจมตีโดยใช้มือโอบรอบคอ ทำทีคุยเล่นอย่างสนิทสนม แล้วชักดาบกะซวกเข้าใส่!
“…”
เสินอี้ส่ายหน้า จากนั้นใช้อายุขัยปีศาจไปยังวิชาร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ
ต้องบอกเลยว่า วิธีฝึกฝนของสำนักวัชระนั้นช้าเกินไป
แต่มันเหมาะกับเขาซึ่งมีเวลาไม่จำกัดมาก
แม้ว่าวิชาร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำจะบรรลุขั้นสมบูรณ์แล้ว แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายนั้นย่อมไม่มีขีดจำกัด
ก่อนที่จะฝึกฝนในส่วนครึ่งหลัง เขาควรจะเพิ่มพลังในส่วนแรกอย่างช้าๆ
ไม่ว่ายังไง ถึงยุงเนื้อมันจะน้อย แต่มันก็ยังเป็นเนื้อ
[ปีแรก ภายใต้การหล่อเลี้ยงของปราณแก่นแท้ในร่างกาย ร่างกายของโฮสต์แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย]
[ปีที่สอง]...
เมื่อแสงสว่างยามเช้าสาดส่อง...
เสินอี้เก็บอายุขัยปีศาจไว้สามร้อยปี เผื่อไว้ใช้ยามจำเป็น
เขาตื่นนอนขยับร่างกายเล็กน้อย พูดถึงความยืดหยุ่นของผิวหนังนั้นไม่แน่ใจ แต่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นประมาณสองส่วนจากสิบ
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปที่แผงอาหารหน้าประตูตามปกติ "เจียนปิ่งหนึ่ง ไข่สองฟอง"
"นายท่านเสิน ปกติท่านกินสองชุด วันนี้เป็นอะไรไปทำไมสั่งชุดเดียว หรือเบื่ออาหาร?"
พ่อค้ายิ้มถาม พลางทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว
"ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ แค่อยากกินอะไรรองท้องเท่านั้น"
เสินอี้ควักเงินวางบนโต๊ะ สายตาสงบ ไม่มีความรู้สึกเศร้าหมอง
ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ ไม่ควรมีความสัมพันธ์ใดๆ กับคุณหนูที่สวยงามและน่าดู ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นคนของแผนกปราบปีศาจอีกด้วย
"พวกเราไม่ใช่คนหูหนวก"
พ่อค้ามองไปรอบๆ แล้วพูดเบาๆ "เมื่อคืนนี้ มีคนถูกจับไปหลายคน ทุกคนล้วนเป็นท่านขุนนางในจวน... ท่านไม่ใช่ขุนนาง ท่านจะกังวลอะไร?"
เมื่อได้ยินดังนั้น เสินอี้รับเจียนปิ่ง มองไปที่ถนนยาวอย่างเหม่อลอย
อือ... ช่างรวดเร็วยิ่งนัก
จากความทรงจำที่เหลืออยู่ของร่างเก่า การกระทำนี้หมายความว่าแผนกปราบปีศาจจะเข้าควบคุมเมืองไป๋อวิ๋นอย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกัน...
มันถึงเวลาคัดเลือกคนแล้ว
เขาจะสามารถมีอนาคตที่ดีได้หรือไม่ มันขึ้นอยู่กับวันนี้!