ตอนที่แล้วบทที่ 45 สังหารปีศาจจิ้งจอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47 เทียนกังโลหิต, ถานหลางสังหารปีศาจ

บทที่ 46 คนจากแผบกปรามปีศาจ


บทที่ 46 คนจากแผบกปรามปีศาจ

หลี่ซินฮั่นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง

เขาอยู่ที่นี่เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เขาก็สังเกตเห็นความจริงที่ว่า เมืองไป๋อวิ๋นเน่าเฟะเหมือนหลุมอุจจาระ

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นร่วมมือกับปีศาจสร้างความวุ่นวายให้กับประชาชน และยังไม่สามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้อีกมากมาย

ดังนั้นเขาจึงมีภาพลักษณ์ที่ตายตัวเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของที่นี่

"เงียบกันหน่อย พวกเราไปจับตัวเขาก่อน แล้วพาตัวกลับไปสอบสวนอย่างละเอียด เราจำเป็นต้องหาเบาะแสของใต้เท้าหลินให้เจอ"

"เข้าใจแล้ว"

คนกว่าสิบคนแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ปิดกั้นทางหนีตายทั้งหมดบนถนนสายยาวอย่างแนบเนียน

เฒ่าหลิวผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธลับที่สุด โยนกระดานน้ำตาลปั้นทิ้ง ค่อยๆ เข้าใกล้กระท่อมหลังคามุงจาก

ขอทานที่ตามมาข้างหลัง ซ่อนฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยด้านไว้ในแขนเสื้อ ทักษะการจับกุมเขานั้นไร้ที่ติ

ทั้งคู่เป็นเพื่อนเก่าที่ร่วมมือกันมานาน ใช้ลูกดอกพิษลอบโจมตีก่อน แล้วลงมือจับกุม ปรมาจารย์ยุทธธรรมดาในระดับเดียวกันมักจะต้านทานได้ไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ

ทันใดนั้น  ขอทานก็พบว่าเฒ่าหลิวหยุดยืนนิ่ง

"เป็นอะไรไป?"

เขาขมวดคิ้วมอง สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ประตูเปิดออกกว้าง

ชายหนุ่มรูปงามไม่มีท่าทีตกใจ ใช้มือข้างเดียวจับฝักดาบที่เอว ยืนอยู่หน้าประตู  มองออกไปอย่างเงียบๆ  เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมพร้อมไว้แล้ว

"เสียงดังเพียงเล็กน้อย แต่เขาได้ยินหมดเลยงั้นเหรอ?"

ขอทานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ใส่ใจ พวกเขาผ่านสถานการณ์มามากมาย พวกเขาไม่เคยเห็นปรมาจารย์ยุทธคนไหนได้เรื่องสักคน

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ซินฮั่นที่ยืนอยู่ไกลๆ เขาคือผู้แข็งแกร่งในขอบเขตวารีหยกตัวจริง!

แต่สิ่งที่ขอทานไม่คาดคิดคือ เฒ่าหลิวเก็บลูกดอกเป่าลมอย่างช้าๆ เขายิ้มให้ชายหนุ่มคนนั้นและพูดว่า "คุณชาย เราพบกันอีกแล้ว"

เช้าวันนั้นบนถนน พวกเขาเคยพบกัน อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่ารู้สึกผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

แค่เหลือบมองก็รู้ว่าพ่อค้าขายน้ำตาลปั้นบนถนนเปลี่ยนคนแล้ว ความไวของจมูกขนาดนี้ ถ้าเขาแสร้งทำเป็นนอบน้อมถ่อมตน ฉวยโอกาสโจมตี มันก็ดูตลกดี

"ท่านทั้งสองมีธุระอะไร?"

เสินอี้พยักหน้าเบา ๆ  สายตาจับจ้องไปบนร่างของทั้งสองคน

เขาจำไม่ได้ว่าเคยติดต่อกับคนในยุทธภพมาก่อน วันนั้นที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ไม่ได้หมายความว่าเขากลัว

"มีเรื่องสำคัญจะถาม  เชิญคุณชายเสินไปกับพวกเราสักหน่อย"

เฒ่าหลิวถอยหลังอย่างสุภาพครึ่งก้าว ขอทานเข้าใจทันที ร่างกายเขาพุ่งออกไปอย่างฉับพลัน ฝ่ามือทั้งสองข้างเหมือนมังกรทะยาน นิ้วเหมือนตะขอทอง พุ่งเข้าหาไหล่ของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง!

ในพริบตา เขาจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้ สิบนิ้วฝังลงไปอย่างสุดแรงเกิด แขนทั้งสองข้างออกแรงกด หวังจะจับคู่ต่อสู้ล้มลงกับพื้น

"ฮึบ!"

ขอทานตะโกนเสียงดัง แต่ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นทันที

อีกฝ่ายยืนนิ่ง เท้าเหมือนติดกับพื้น แรงที่แขนทั้งสองข้างของเขาพุ่งออกมาเหมือนวัวโคลนจมลงทะเล ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ

ในชั่วพริบตา เสินอี้ก็เตะเข้าที่ท้องน้อยของเขา

ขอทานกรีดร้องลอยไปด้านหลัง ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็ว เขาพยายามม้วนตัวสองสามรอบกลางอากาศ แต่ก็ยังไม่สามารถคลายแรงกระแทกนั้นได้ จนชนเข้ากับเสาร้านอาหารฝั่งตรงข้าม

ได้ยินเสียงดังสนั่น ทั้งร้านอาหารสั่นสะเทือน!

เขาหายใจไม่สะดวก นั่งพิงอยู่กับเสา เส้นเลือดสีเขียวโป่งขึ้นบนหน้าผาก ลุกขึ้นยืนไม่ได้ครึ่งค่อนวัน

เมื่อเห็นฉากนี้ ไม่เพียงแต่เฒ่าหลิว แม้แต่คนอื่นๆ บนถนนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด

ในแง่ของการต่อสู้ระยะประชิด ไม่รวมถึงหลี่ซินฮั่น ขอทานเป็นคนเก่งที่สุดในพวกเขา แต่เขากลับกระเด็นออกไปในชั่วพริบตา?

“…”

เฒ่าหลิวหัวเราะแห้งๆ  ถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว

ยื่นมือไปล้วงป้ายจากเอว

เรื่องนี้ช่างเสียหน้า แผนกปราบปีศาจมาที่เมืองชายแดนเล็กๆ แห่งนี้เพื่อจับคน แต่ไม่เพียงจับไม่ได้ ยังต้องแสดงตัวตนอีกด้วย  ช่างน่าอับอายยิ่งนัก

ในตอนนั้นเอง มีมือมาจับท่าทางของเขาไว้

เฒ่าหลิวหันขวับไปมอง พบว่าหลี่ซินฮั่นมาอยู่ข้างๆ เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คิ้วของเขาขมวด จมูกของเขาขยับเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง

"เมื่อกี้... เจ้าเพิ่งนองเลือดมาเหรอ?"

หลี่ซินฮั่นหายใจเข้าลึกๆ  มองไปที่เสินอี้  สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าที่เคร่งเครียดของคนอื่นๆ กลายเป็นความตึงเครียด

พวกเขารีบมาที่เมืองไป๋อวิ๋นอย่างเร่งรีบ ไม่ได้มาตรวจตราเหมือนปกติ ตอนนี้เบาะแสทั้งหมดเกี่ยวกับใต้เท้าหลินชี้ไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า

ตอนนี้พวกเขาได้กลิ่นเลือดจากร่างของอีกฝ่าย... สิ่งที่ทำให้หลี่ซินฮั่นระวังตัวอย่างนี้ มันย่อมไม่ใช่เลือดหมูหรือเลือดไก่แน่นอน

ในชั่วพริบตา  ทุกคนก็เข้ามาล้อมรอบ

“…”  เสินอี้มองดูฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ตรงหน้า สายตาของเขามองไปที่ชุดดำอันโดดเด่นของหลี่ซินฮั่น

เขาคิดว่าเป็นหนูมาเกาะกลุ่ม  แต่กลับกลายเป็นแมวแก่มาเยือน

พวกนี้ทำงานได้รวดเร็วมากจริงๆ

แม้ว่าร่างก่อนจะโชคดีรอดชีวิตจากไม้เท้าของลุงหลิวมาได้ เขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงแค่วันนี้

(ลุงหลิวคือพ่อลูกตอนแรกที่ใช้ไม้ฟาดร่างเก่าพระเอกตายนะครับ เผื่อลืม)

ไม่ทำผิด ไม่กลัวผีมาเคาะประตู

เสินอี้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เขาวางมือลง ตอบอย่างใจเย็นว่า "เรียนใต้เท้า มันคือเลือดของปีศาจ"

เมื่อเห็นเขาปล่อยด้ามดาบ คนอื่นๆ กลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ทั้งหมดหันมามองหน้ากัน

สำหรับเมืองต่างๆ ภายใต้ชิงโจว แผนกปราบปีศาจนั้นถึงปากไม่พูด แต่ในใจนั้นหยิ่งยโส

วันนี้เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ธรรมดา   กลับรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญกับศัตรูร้าย พูดออกไปพวกเขาคงโดนหัวเราะเยาะ

"ทำไมบ้านของเจ้าถึงมีปีศาจ?"

หลี่ซินฮั่นพูดเสียงแข็ง สายตาแหลมคม เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการสอบปากคำ

 

เสิ่นอี้ไม่คุ้นเคยกับวิธีการถามแบบนี้ แต่เขาเข้าใจว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต่อสู้กับปีศาจทุกวัน เอาชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้าย จะให้พวกเขาใจดีมันคงจะยาก

เขาหันตัวเล็กน้อย หลีกทางให้พวกเขาเข้ามา

หลี่ซินฮั่นขมวดคิ้วอีกครั้ง กำลังจะตะโกนบางอย่างออกมา แต่เขาถูกเฒ่าหลิวสะกิดไหล่

“เงียบก่อน ดูนั่น!”

เขาหันไปมองข้างในบ้าน ทันใดนั้นก็เหมือนโดนฟ้าผ่า ตะลึงงันอยู่กับที่เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ภายในห้องที่คับแคบ

หลินไป๋เว่ยกำลังถืออ่างไม้สำหรับล้างผัก เดินออกมาจากสวนหลังบ้าน นางขยับตาปริบๆ มองมาที่ประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ชุดยาวตัวโคร่งที่นางใส่ ไม่ได้เป็นของนาง แต่เป็นของผู้ชาย!

มันช่างดูสะดุดตามาก

หลิวไป๋เว่ยรู้สึกประหลาดใจ และหัวเราะออกมา "พวกเจ้ามาทำไมกัน?"

หลี่ซินฮั่นอ้าปากค้าง คิดจะถามแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่กุมหมัดแน่น โค้งตัวคำนับ “ข้าน้อยหลี่ซินฮั่น คารวะใต้เท้าหลิน!”

คนอื่นๆ ก็ทำตามอย่าง เฒ่าหลิวทำปากจู๋ มองไปที่เสินอี้ด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะอธิบายว่า “ชิงโจวไม่ได้รับจดหมายจากท่านเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ทางนั้นจึงส่งพวกข้ามาดูข่าวคราว”

“รบกวนพวกเจ้าแล้ว ข้าไม่เป็นไร” หลินไป๋เว่ยส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด

“พวกข้าน้อยจะส่งท่านกลับชิงโจวทันที” หลี่ซินฮั่นสังเกตเห็นว่าลมหายใจของนางดูไม่ค่อยปกติ

“ข้าอยากกลับบ้านตระกูลหลินก่อน แล้วก็... รอให้ข้ากินมื้อเย็นก่อนแล้วกัน น้ำซุปแกะเพิ่งจะต้มเสร็จ” หลินไป๋เว่ยกัดริมฝีปากด้วยความอาย

“ขึ้นอยู่กับใต้เท้า”

เมื่อเห็นเช่นนั้น เหล่าสมาชิกแผนกปราบปีศาจก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

นักล่าปีศาจผู้โด่งดังคนนี้ เรียบง่ายและสุภาพเหมือนกับที่ลือกันจริงๆ

แต่แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆ จางหายไป เมื่อพวกเขาเห็นหลินไป่เว่ยยุ่งวุ่นวาย และชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่โดยไม่พูดอะไร

“…”

จนกระทั่งน้ำซุปซี่โครงแกะร้อนๆ ถูกยกขึ้นมาบนโต๊ะ

เสินอี๋ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การกินข้าวจะยากลำบากมากขนาดนี้จริงๆ

ดูสิ... ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนยืนอยู่หน้าประตู สายตาเย็นชาจ้องมาที่เขา ราวกับยมทูต

“ขอโทษ”

หลินไป่เว่ยรู้สึกถึงความผิดปกติ ทั้งสองมองหน้ากัน เคี้ยวเนื้อแกะที่นุ่มนวลแต่ไร้รสชาติ

นางถอนหายใจ วางตะเกียบลง “ดูแลตัวเองด้วย”

“เจ้าเองก็เช่นกัน”

เสินอี้กุมมือลา มองดูนางเดินเข้าหาฝูงชน จนชายสิบกว่าคนหายไปในความมืด

เขาละสายตา มองไปที่ห้องที่ว่างเปล่า

เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหน้าและหัวเราะออกมา

เพิ่งข้ามเวลามาได้นานแค่ไหนกัน? ทำไมข้าถึงมีนิสัยเสียเช่นนี้ได้!

เขารีบจัดการกับอาหารบนโต๊ะ เสินอี้เก็บชามช้อนและซักเสื้อนอก

จากนั้นเขานอนลงบนเตียง และเปิดแผงระบบอย่างช้าๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด