บทที่ 40 ปีศาจวานรถวายสมบัติ
บทที่ 40 ปีศาจวานรถวายสมบัติ
เสินอี้เก็บดาบสีดำสนิทที่เปล่งประกายวาววับขึ้นมา
เมื่อเทียบกับดาบเล่มเก่า ดาบเล่มนี้มีขนาดใบดาบที่แคบกว่าและตรงกว่า ใบมีดบางเฉียบดั่งปีกแมลงปอ แต่หนักกว่าดาบเล่มเก่าหลายเท่า
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ดาบธรรมดา
แต่ถึงอย่างนั้น ดาบวิเศษเล่มนี้กลับไม่สามารถทำลายผิวหนังของเขาได้
ประสิทธิภาพของ "คัมภีร์ร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ" นั้นเกินความคาดหมายของเสินอี้ไปมากจริงๆ
จากคำบอกเล่าของจางถููหู วิชานี้เป็นเพียงวิชาพื้นฐานของ "วิชาร่างสมบัติวัชระ" ที่เขาคลำหาเองโดยไม่ได้ฝึกฝนอย่างจริงจัง
งั้นวิชาขอบเขตวารีหยกของสำนักนี้ คงจะยิ่งร้ายกาจกว่านี้มาก
เสินอี้ส่ายหน้า ใช้คมดาบควักแก่นแท้ปีศาจของหยวนตงเทียนออกมา
จากนั้นเขาเดินไปที่ปีศาจวานรยักษ์ที่กองอยู่ตรงหน้า ทำซ้ำแบบเดิม สุดท้ายก็เก็บฝักดาบขึ้นมา เสียบดาบสีดำกลับเข้าไป
น่าเสียดายที่ดาบวิเศษเล่มนี้ไม่มีชื่อ
เสินอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ดาบมีสีดำสนิท ฝักดาบมีสีดำเหมือนหมึก
เรียกว่า "เอ้อเฮย(ทมิฬคู่)" ก็แล้วกัน
เขาเงยหน้าขึ้นเรียกแผงระบบออกมา
[สังหารปีศาจวานรขอบเขตเริ่มต้นขั้นสมบูรณ์แบบ อายุขัยรวม 774 ปี เหลือ 197 ปี ดูดซับเสร็จสิ้น]
[สังหารปีศาจวานรขอบเขตเริ่มต้นขั้นปลาย อายุขัยรวม 631 ปี เหลือ 270 ปี ดูดซับเสร็จสิ้น]
[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: 651 ปี]
“…”
ทำไมรู้สึกเหมือนกับปีศาจวานรนำดาบวิเศษมาให้ แถมยังได้รับอายุขัยที่มากมายอีกด้วย
อือ... รู้สึกดีใจแปลกๆ แฮะ!
แต่พอเสินอี้มองไปที่กะโหลกศีรษะบนโต๊ะ เขารู้สึกอารมณ์ที่กำลังดีๆ อยู่ มันกลับหายไปอย่างน่าประหลาด
เขาหันหลังเดินไปหาฝูงชน
เฉินจี้ลุกขึ้นยืนเงียบๆ เดินตามหลังเขา สองพี่น้องตระกูลหนิวและจางต้าหูเห็นท่าทางนั้น พวกเขารีบลุกขึ้นจากพื้นเช่นกัน แต่ท่าทางของพวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อก่อนใต้เท้าเสินก็ไม่ใช่คนดีอะไร
แต่เมื่อเทียบกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ถือว่าใจดีมีเมตตามากแล้ว
การทุบตีปีศาจจนกลายเป็นก้อนเนื้อต่อหน้าต่อตา สร้างแรงกระแทกทางสายตาให้กับพวกทหารและมือปราบธรรมดาเหล่านี้มากเกินไป คงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะรู้สึกดีขึ้น
"พวกเจ้าจะยืนงงทำซากอะไร? ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!"
จางถููหูเห็นเสินอี้เดินจากไป เขาเตะทหารและมือปราบที่นอนอยู่บนพื้น
เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับไอ้เฒ่าบัดซบแซ่หลิวที่สมควรตายแล้ว คนกลุ่มนี้เป็นเพียงดาบในมือของเจ้าเมืองเท่านั้น พวกเขาเพียงปฏิบัติตามคำสั่ง
หลังจากตาเฒ่าหลิวถูกตัดหัว พวกเขาก็ไม่กล้าลงมืออะไรอีกต่อไป
จางถูหูกลัวจริงๆ ว่าเสินอี้จะโกรธแค้น แล้วฆ่าคนธรรมดาเหล่านี้ทิ้ง
สำนักวัชระมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ แม้ว่าจางถููหูจะไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม แต่การฆ่าคนมากเกินไป เรื่องนี้ย่อมส่งผลต่อจิตใจ และอาจชักนำให้ธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่าย
การฆ่าคนพวกนี้ มันไม่จำเป็นเลย
เพียงแค่จัดการกับปัญหาของจวนศาลาว่าการของเจ้าเมืองก็พอ ทหารเหล่านี้ย่อมมีคนจัดการอยู่แล้ว แค่ปรับปรุงพวกเขาสักหน่อย พวกเขาก็จะเป็นกำลังหลักในการปกป้องเมืองได้
พูดกันตรงๆ ถ้าฆ่าพวกทหารทั้งหมด เมืองนี้ก็ต้องพึ่งพาเพียงผู้ฝึกตนเพียงไม่กี่คน เพื่อคอยปกป้องเมืองทั้งกลางวันกลางคืนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
"ขอบคุณใต้เท้าเสินที่ไว้ชีวิต!"
หัวใจที่ตึงเครียดของทุกคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นจึงผ่อนคลายลง โขกศีรษะรัวๆ ไปทางที่ชายหนุ่มเดินจากไปเพื่อขอความเมตตา
จางถููหูนึกถึงศิษย์พี่ที่หนีไปเมื่อกี้ มองไปที่ศพในชุดสีน้ำเงินที่ถูกคมดาบเฉือนจนไแทบจำไม่ได้ แล้วพูดว่า "เขา..."
"พวกเราทุกคนรู้ว่าท่านหลิวเตี่ยนลี่ถูกปีศาจฆ่า"
ชายหนุ่มทุกคนย่อมฉลาด ถึงแม้ไม่มีใครกล้าปราบปีศาจ แต่พวกเขายังมีสายตาที่มองโลกตามความเป็นจริง
เมืองไป๋อวิ๋นกำลังจะล่มสลาย!
การที่ใต้เท้าเสินปราบปีศาจติดต่อกัน เรื่องนี้ปิดไม่มิดแน่นอน
จวนเจ้าเมืองรายงานต่อเนื่องเป็นเวลาสามปี เมืองสงบสุข ผู้คนมีความสุข ไม่มีภัยจากปีศาจภายนอก และไม่มีความโกรธแค้นของประชาชนภายใน
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย แม้เจ้าเมืองจะมีสิบหัว มันก็ไม่พอให้ตัด!
เห็นได้ชัดว่าแม้เรื่องราวปีศาจจะเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่เจ้าเมืองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงจัดให้ผู้เชี่ยวชาญตามมาด้วย
เมื่อนึกถึงภาพนักพรตโซ่วโถวที่วิ่งหนีสุดชีวิต
ทุกคนก็เข้าใจว่าใครคือแกะที่รอถูกเชือด
"ชิ!"
จางถููหูโบกแขนเสื้อ เดินตามเสินอี้ด้วยความหงุดหงิด
อีกฝ่ายสังหารปีศาจสองตัวได้อย่างง่ายดาย โดยที่ร่างกายไม่เป็นรอยแผลแม้แต่น้อย แต่ตัวเองกลับจัดการนักพรตโซ่วโถวไม่ได้
งั้นการประลองที้่ผ่านมา...
มันไม่ใช่แค่การยอมแพ้แล้ว แต่มันคือการยอมจำนน!
แถมที่ผ่านมา อีกฝ่ายยังเรียกเขาว่า "ผู้อาวุโส" อยู่เลย แม่ง... น่าขายหน้าชะมัด!
...
ยามค่ำคืน คฤหาสน์เจ้าเมือง
ภายในโถงใหญ่ ชายชราสวมเพียงเสื้อชั้นในสีขาว พิงพนักเก้าอี้ไม้สีแดง สวมกางเกงขาสั้น และแช่เท้าในอ่างไม้
เขาหลับตาลง เคาะที่เท้าแขนอย่างกระวนกระวาย
แม้แต่น้ำในอ่างจะเย็นลงแล้ว เขาก็ไม่สังเกต เห็นได้ชัดว่าความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่เท้า
เสียงคนเคาะเกราะยามตีไปสามรอบ
ตามหลัก เรื่องนี้ควรจะเสร็จสิ้นไปนานแล้ว
ทั้งซ่งฉางเฟิงและไอ้เฒ่าหลิว พวกมันทั้งคู่สายตาสุนัขจริงๆ ดันเลือกคนมาฝึกฝนจนกลายเป็นภัยคุกคามต่อตัวเอง
ก่อนหน้านี้ยังพูดอีกว่า มีมือปราบตัวน้อยคนนี้อยู่ เหล่าปีศาจย่อมพอใจ พวกมันไม่มีคำบ่นแม้แต่คำเดียว
เฮอะ! ตอนนี้พวกมันก็นอนอยู่ในห้องเก็บศพแล้ว มันจะเอาอะไรมาบ่น!
หากมันเป็นผู้ที่มีฝีมือจริงๆ ก็ช่วยข้ากำจัดปีศาจรอบๆ ให้หมดสิ้นไปสิ เงินและผู้หญิงที่ควรจะได้รับ ข้าจะให้โดยไม่มีขาดตกบกพร่อง
ไม่เก่งไม่พอ แถมยังไม่ได้ช่วยอะไรอีก นอกจากจะสร้างปัญหาแล้ว ไร้ประโยชน์สิ้นดี ไปตายซะดีกว่า!
ท่านเจ้าเมืองลืมตาขึ้น มองไปที่เงาที่ล้มลุกคลุกคลานเปิดประตูเข้ามา "เจ้ากลับมาทำไม?"
"เร็ว! เงิน! เอาเงินทั้งหมดของข้ามาให้ข้า ข้าจะกลับชิงโจว ข้าจะออกเดินทางตอนนี้!"
นักพรตโซ่วโถวหายใจหอบ รวบรวมเรี่ยวแรงก้าวข้ามมาสามสี่ก้าว จับคอเสื้อของท่านเจ้าเมืองไว้แน่น
"เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ท่านอาจารย์ให้เจ้ามาปกป้องข้า เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน เจ้าจะหนีไปแล้วงั้นเหรอ?"
"ปกป้องบรรพบุรุษของเจ้าสิ! ไอ้บัดซบแซ่หลิวมันไปยั่วยุตัวประหลาดทำไมไม่รู้! ถ้าข้าไม่รีบหนี ข้ากลัวว่ามันจะบุกเข้ามาตัดหัวข้า!"
นักพรตโซ่วโถวมีเส้นเลือดแดงก่ำในดวงตา เขาแค่อยากมาหาเงินที่เมืองไป๋อวิ๋นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
สถานที่กันดารแบบนี้ ทำไมถึงมีปรมาจารย์ยุทธผู้เก่งกาจเช่นนั้น
"เจ้าปล่อยข้าก่อน...รีบร้อนอะไร...มันก็แค่เจ้าหน้าที่ต่ำต้อย เป็นคนของราชสำนัก! ไม่ใช่พวกปรมาจารย์ในยุทธภพ!"
ท่านเจ้าเมืองพูดไปก็โมโหไป พยายามดึงนิ้วของอีกฝ่ายออก
ไม่น่าเชื่อว่าการดึงครั้งนี้จะได้ผล จู่ๆ นักพรตโซ่วโถวก็ค่อยๆ ล้มลงไปกองที่พื้น
ท่านเจ้าเมืองอึ้งไปชั่วครู่ มองดูอีกฝ่ายที่สิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา มีเพียงเข็มขนาดเส้นขนวัวที่โผล่จากลำคอเท่านั้น
ชั่วครู่ต่อมา ท่านเจ้าเมืองเห็นชายหนุ่มผอมบางถือกระดานขายขนมน้ำตาลปั้นยิ้มอย่างร่าเริง เขาเก็บท่อเป่าลูกดอกไว้ในอกเสื้อ จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาในห้องจากความมืดมิด
(糖人 ถังเหรินหรือขนมน้ำตาลปั้น ขนมหวานโบราณจากจีน ประกอบไปด้วยน้ำตาลทราย กุหลาบขาว น้ำเลมอน และน้ำส้มสายชู นำมาเคี่ยวจนข้นเหนียว จากนั้นเทลงบนแท่นหินอ่อน ช่างจะใช้ตะเกียบหรือไม้พาย ตวัด ปั้น ดึง ขึ้นรูปเป็นตัวละคร สัตว์ ดอกไม้ หรือสิ่งของต่างๆ ตามต้องการ)
เบื้องหลังเขา มีทั้งคนแต่งตัวเป็นคนขับรถ พ่อค้า และแม้กระทั่งขอทาน...
ชายฉกรรจ์สิบกว่าคนทยอยเข้ามาในบ้าน จากนั้นก็หาที่นั่งลงเอง สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือใบหน้าของพวกเขามีท่าทางที่ไม่เหมาะสมกับเสื้อผ้าและสถานะ
นั่นคือความโอหังที่มองลงมาจากที่สูง
และเป้าหมายของความโอหังนี้ กลับกลายเป็นเจ้าเมืองผู้สั่นเทาด้วยความหวาดกลัวที่ผลักศพบนตัวออกไป
"พวกเจ้า... พวกเจ้าเป็นใคร กล้าบุกเข้ามาในคฤหาสน์เจ้าเมืองกลางดึก!"
ชายฉกรรจ์เหล่านั้นไม่มีใครพูด แต่กลับจ้องมองไปที่ประตู
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ร่างเงาดำทะมึนปรากฏตัวขึ้น ก้าวข้ามธรณีประตู
ชายผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดคลุมยาวสีดำสนิท ปักลายหมาป่าดุร้ายที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อด้วยดิ้นทองบนไหล่
แขนเสื้อของเขายังปักลายเมฆสามชั้น
ชายคนนี้เดินเข้าไปในห้องโถง มองดูรอบๆ ด้วยความเฉยเมย เสียงของเขาดังก้องกังวานด้วยความเย็นชา "สมรู้ร่วมคิดกับปีศาจ ตรวจสอบตัวตนของเขา!"
"รับทราบ"
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายแต่งกายเหมือนขอทานก็เดินเข้าไป นิ้วมือที่สกปรกของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างของนักพรตโซ่วโถวอย่างรวดเร็ว
สักครู่เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะ "วิถีบ่มเพาะร่างกาย ฝึกฝนการใช้มือ... กรงเล็บนกอินทรี อือ... เขาคือลูกศิษย์นิกายวัชระ เฒ่าหลิวเจ้าโชคดีมาก ลำคอของผู้ฝึกฝนร่างกายต้านทานอาวุธลับของเจ้าไม่ได้"
ชายหนุ่มที่แบกกระดานขายขนมน้ำตาลปั้นยิ้มอย่างเขินอาย โบกมือไปมา "ถ้าเขาแข็งแกร่งกว่านี้ ข้าก็คงโจมตีไม่ได้ผล"
ชายคนนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ประธาน ก้มหน้าลงเล็กน้อย "ส่งจดหมายไปยังนิกายวัชระ ให้พวกเขามาที่แผนกปราบปีศาจเพื่อรับโทษเอง"
ตั้งแต่เห็นเสื้อผ้าของชายคนนี้ สีหน้าของเจ้าเมืองก็ซีดขาวลง ไม่ต่างอะไรกับคนตาย
นี่คือชุดของเสี่ยวเว่ย(นายพัน) ของแผนกปราบปีศาจ และลายเมฆสามชั้น หมายความว่าชายคนนี้มีอาวุโสสูงมากในบรรดาเสี่ยวเว่ย
"ท่านมีนามว่าอะไร?" เขารวบรวมความกล้าเพื่อถาม จริงๆ แล้วเขาอยากถามมากกว่าว่าทำไมพวกเขามาถึงเมืองไป๋อวิ๋นก่อนกำหนด
"ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องเกรงใจ ข้าชื่อหลี่ซินฮั่น" ชายคนนั้นหันขวับมอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า "กรุณามัดตัวเองไว้ด้วย ข้ามีธุระสำคัญต้องหารือ"