บทที่ 36 คัมภีร์ร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ
บทที่ 36 คัมภีร์ร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ
“ข้าเห็นว่าวิชาหมัดมวยของเจ้าดูเรียบง่ายและท่าร่างก็ธรรมดา แต่เจ้ากลับใช้ทุกวิชาได้อย่างพลิกแพลง”
“คนที่มีพรสวรรค์ด้านศาสตร์การต่อสู้เช่นนี้ แต่ดันอยู่ในราชสำนัก ช่างน่าเสียดายจริงๆ!”
จางถูหูเดินเข้าไปในห้อง คว้าเหยือกน้ำขึ้นมาดื่มน้ำเย็นๆ ส่ายหน้าและจุ๊ปาก
"แผนกปราบปีศาจด้อยกว่าสำนักในยุทธภพหรือไม่?"
เสินอี้สนใจ “ความรู้ทั่วไป” เหล่านี้มาก
“ไม่เชิงอย่างนั้น... แผนกปราบปีศาจรวบรวมศาสตร์การต่อสู้จากทั่วทั้งต้าเฉียน พูดถึงภูมิหลัง พูดถึงพื้นฐาน ล้วนอยู่ในระดับสูงสุด”
จางถูหูวางเหยือกน้ำลง แล้วพูดต่อว่า “แต่กฎเกณฑ์มันเยอะ ต้องไต่เต้าจากล่างขึ้นบน คนที่มีพรสวรรค์อย่างเจ้า ถ้าเข้าสำนักวัชระ อย่างน้อยก็ต้องให้เจ้าเป็นศิษย์สืบทอดของผู้อาวุโส แถมยาดีอาวุธวิเศษ เจ้ามีสิทธิ์เลือกก่อนเสมอ”
เขาถอนหายใจ “แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว”
เสินอี้เงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไม?”
“เจ้าลองคิดดู ถ้าเจ้าไม่มีพรสวรรค์ ข้าไม่รังเกียจปูทางให้เจ้า ปกปิดตัวตน แต่เจ้ามีพรสวรรค์ขนาดนี้ ถ้าบอกว่าแผนกปราบปีศาจไม่รับเจ้า… ไม่มีใครเชื่อ ทั้งชิงโจวไม่มีสำนักไหนรับจดหมายขอฝากตัวของเจ้าหรอก”
จางถูหูล้วงกระดาษสีเหลืองที่เตรียมไว้ล่วงหน้าจากอกเสื้อ
เห็นได้ชัดว่าความคิดของเขาไม่ได้โผงผางอย่างที่แสดงออก เพียงแค่จากวิชาแปดก้าวอสรพิษวิญญาณที่เสินอี้ใช้เมื่อวาน เขาก็สามารถเดาสถานการณ์ของอีกฝ่ายได้
“ข้าเข้าสำนักวัชระตอนอายุหกขวบ อาจารย์เรียกข้าว่าอัจฉริยะ แต่ตอนนี้ข้าอายุสี่สิบแปดแล้ว ฆ่าปีศาจมาไม่รู้กี่ตัว กินโอสถแก่นแท้ปีศาจมานับไม่ถ้วน จนถึงตอนนี้ก็เพิ่งเปิดจุดเฉียวได้เจ็ดจุดเท่านั้น”
“สาเหตุมีสองประการ ประการแรกคือสำนักวัชระไม่เหมือนสำนักอื่น เน้นการฝึกฝนร่างกายด้วยแก่นแท้แห่งสวรรค์และปฐพี ปราณที่ดูดซับส่วนใหญ่จะถูกใช้ไปกับกายเนื้อ ดังนั้นความคืบหน้าจึงช้ากว่าคนอื่นหลายเท่า”
จางถูหูยิ้มพลางยื่นแขนออกมา “ผลลัพธ์ก็อย่างที่เจ้าเห็น เมื่อกี้นี้ถ้าไม่ใช่ว่าข้าอยากลองวิชาดาบเจ้า ข้าจะปลดปล่อยออร่าปราณจากจุดเฉียว ถึงแม้จะทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ก็ป้องกันตัวเองได้สบายๆ”
"แต่ข้าให้วิชาร่างสมบัติวัชระแก่เจ้าไม่ได้ เจ้าลองนี่เถอะ"
เขาส่งกระดาษสีเหลืองให้เสินอี้ "มันคือของเล่นที่ข้าคิดขึ้นมาเอง นั่นก็คือสาเหตุที่ข้ายังอยู่แค่ช่วงปลายของขั้นต้น"
เสินอี้กางกระดาษออก
แม้จะดูไม่เข้าใจ แต่ก็ยังต้องพลิกดูอยู่ดี
“สำนักต่างๆ ในยุทธภพก็มีข้อเสียของมัน อย่างเช่น ถ้าเจ้าอารมณ์ไม่ดีแล้วไปล่วงเกินใครเข้า เจ้าก็แทบไม่มีโอกาสก้าวหน้าแล้ว และนั่นคือสาเหตุประการที่สองที่ข้าไม่ก้าวหน้า”
จางถูหูเล่าเรื่องราวในอดีตด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "พวกเขาไม่ให้วิชาขอบเขตวารีหยกแก่ข้า ข้าก็เลยต้องลองคิดหาวิธีเอง น่าเสียดายที่ใช้เวลาสิบกว่าปี ข้าก็ทำได้แค่พอจะข้ามผ่านขีดจำกัดนั้นไปได้เท่านั้น…… แถมยังเป็นแค่ข้าเดาเอาเองต่างหาก เพราะงั้นเจ้าก็อย่าจริงจังกับมัน เอาเป็นว่า.. ถ้าเจ้าฝึกจนสำเร็จ อย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่าวิชาร่างสมบัติวัชระ"
“เนื้อหาครึ่งหลังเกี่ยวกับขอบเขตวารีหยก รอข้าเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียดทีหลัง”
เสินอี้พลิกอ่านอย่างช้าๆ แผงข้อมูลปรากฏขึ้นตรงหน้า
[วารีหยก. คัมภีร์ร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ: (ยังไม่เริ่มฝึก)]
“…”
เมื่อเห็นตัวอักษรที่ชัดเจน เสินอี้พยายามกลั้นอารมณ์ไว้ แม้จะพยายามแค่ไหน แต่ก็อดไม่ได้ที่การหายใจจะสะดุดขึ้นมาชั่วขณะ
จากคำบอกเล่าของจางถูหู วิชานี้จัดอยู่ในส่วนต้น ส่วนเนื้อหาหลังจากนั้นเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
แต่ตอนนี้ได้รับการยืนยันจากแผงข้อมูล แสดงว่าความคิดของเขาถูกต้อง สิ่งที่ขาดอยู่คือเวลา รอจนได้คัมภีร์ส่วนหลังมาครบ วิชานี้ก็จะกลายเป็นวิชาขอบเขตวารีหยกอย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าวิชาดาบโลหิตสังหารจะโหดเหี้ยมร้ายกาจ แต่ศักยภาพในการพัฒนานั้นด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด มันยังมีข้อจำกัดในเงื่อนไขการใช้งาน คุณค่าของวิชาทั้งสองแทบไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้
เสินอี้ตกอยู่ในภวังค์ แต่จางถูหูกลับรู้สึกกระวนกระวาย เขาเอามือเกาหัวด้วยความกังวล
“ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ความคิดจินตนาการของข้า แต่ส่วนพื้นฐานก็ลอกเลียนแบบมาจากวิชาร่างสมบัติวัชระ ฮ่าฮ่าฮ่า... ยังไงก็ไม่น่าจะมีผิดพลาด เอาเป็นว่าข้าจะฝึกก่อน ถ้าเกิดข้อผิดพลาด เจ้าค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย”
“ผู้อาวุโสมีพรสวรรค์อันล้ำเลิศ”
เสินอี้เก็บกระดาษสีเหลืองอย่างระมัดระวัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ตัวเขาเอง แค่การใช้แผงขระบบเพื่อพัฒนาวิชาดาบขั้นต้น เขาก็ใช้เวลาถึงห้าสิบปีเต็ม
แต่ฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด ใช้เวลาเพียงสิบกว่าปีก็สามารถสร้างผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาได้ นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่า... อัจฉริยะตัวจริง!
“ข้าบอกแล้วไง อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโส เจ้าคิดว่าข้าพูดเล่นหรือไง การแลกเปลี่ยนวิชาก็แค่ของแถมเท่านั้น” จางถูหูจ๊วบปาก เดินไปที่ประตู เขากลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “ข้าเดินมาจากชิงโจว เงินทองหมดเกลี้ยงแล้ว ต่อจากนี้ไปข้าคงต้องเรียกเจ้าว่าหัวหน้าเพื่อขอข้าวกินหน่อยนะ... เอาล่ะ เจ้ารีบๆ คัดลอกวิชาดาบให้ข้าเร็วหน่อยละกัน”
เสิ่นอี้มองดูจางถูหูเดินจากไป เขาส่ายหน้าด้วยความสงสัย
เมืองไป๋อวิ๋นแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เต็มใจจ้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเริ่มต้น แล้วทำไมเขาถึงต้องมาหาข้า?
เฮ้อ... ช่างมันเถอะ!
เขาปิดประตูที่เพิ่งติดตั้งใหม่ หันสายตามองไปที่แผงระบบ
[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: สองร้อยยี่สิบหกปี]
เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บอายุขัยเหล่านี้ไว้ รอจนหลินไป๋เว่ยคัดลอกวิชาก่อนแล้วค่อยใช้
แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน เสินอี้กลับรู้สึกอยากมีวิธีเอาตัวรอดไว้ใช้โดยเร็ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาอดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้
ตอนที่เหลืออายุขัยเพียงปีเดียว เขาสามารถพุ่งเข้าต่อสู้กับปีศาจสุนัขขนดำได้อย่างเด็ดเดี่ยว
แต่ตอนนี้มีอายุขัยถึงสี่สิบหกปี กลับถูกงูสองตัวทำให้เสียสมาธิ
มันคงเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ละมั้ง?
เสินอี้รวบรวมสมาธิ ใช้อายุขัยปีศาจลงไปที่วิชาที่เพิ่งได้มา
...
[ปีแรก โฮสต์เรียนรู้วิธีการชำระล้างร่างกายด้วยแก่นแท้แห่งสวรรค์และปฐพี วิชานี้ต่างจากวิชาวายุอัสนีพิชิตปีศาจในอดีต วิชานี้ไม่ได้เปลี่ยนร่างกายให้กลายเป็นภาชนะ แต่ใช้แก่นแท้ชำระล้างร่างกาย หล่อหลอมกายเนื้อให้กลายเป็นอาวุธเทพ]
[ปีที่สอง เนื่องจากจุดเฉียวทั้งสิบสองของโฮสต์เต็มเปี่ยม ลมหายใจยาวนานไม่สิ้นสุด การฝึกฝนแบบใช้เวลาและความพยายามนี้ไม่มีความยากลำบากสำหรับโฮสต์ เพียงแค่ผ่านกาลเวลา ร่างกายของโฮสต์ก็จะหลุดพ้นจากกรอบเดิมอย่างเป็นธรรมชาติ]
[ปีที่เจ็ด เริ่มฝึกวิชาวารีหยก. คัมภีร์ร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ]
[ปีที่สิบห้า โฮสต์พัฒนาไปสู่ขั้นต้น]
[ปีที่ยี่สิบเก้า วิชาวารีหยก. คัมภีร์ร่างแปดขุมทรัพย์สุริยันทองคำ พัฒนาไปสู่ขั้นสมบูรณ์]
[ปีที่สี่สิบสอง โฮสต์บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ ร่างกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่]
[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: หนึ่งร้อยแปดสิบสี่ปี]
...
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ เขาใช้เวลาในการพัฒนาวิชาใหม่มากเกินไปหรือเปล่า?
เมื่อเสินอี้เห็นข้อมูลบนแผงระบบที่แสดงถึงความสำเร็จอย่างราบรื่น เขาเลยรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง
แค่นี้ก็จบแล้ว?
หลังจากลองพัฒนาวิชามาหลายครั้ง เสินอี้ก็พบปัญหาอยู่หนึ่งอย่าง
ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ การฝึกฝนแบบต้องใช้เวลาและความพยายาม มันจะใช้อายุขัยน้อยมาก แต่ถ้าพูดถึงการฝึกฝนแบบต้องใช้ความเข้าใจ... อายุขัยที่ใช้แทบจะไม่พอ!
จางถูหูแค่คาดเดา แต่เขากลับลองเอาตัวเองมาพิสูจน์ ไม่รู้ว่าวิชานี้จะเก่งกาจดั่งที่จางถูหูคิดไว้หรือไม่?
เขาหันไปมองดาบที่วางอยู่บนโต๊ะ ดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วลองกรีดดาบบนแขนเบาๆ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
เสินอี้ค่อยๆ เพิ่มแรงเฉือน มองดูใบดาบเด้งออกทีละครั้ง
จนกระทั่งเขาใช้ออร่าปราณ จากนั้นฟาดลงด้วยวิชาดาบโลหิตสังหารเต็มกำลัง
แสงสีดำปรากฏขึ้นบนท่อนแขนเล็กที่แข็งแกร่ง หมอกสีแดงกระจายหายไป
เสียงดาบหักดังกึกก้อง
เสินอี้มองใบดาบที่หัก เขารู้สึกประหลาดใจมาก
เขาใช้ดาบนี้ฟันปีศาจมาหลายตัว แต่ดาบไม่เคยหัก แต่มันกลับมาหักตอนใช้กับตัวเอง
มันเวอร์ไปหรือเปล่า?
นี่คือพลังของสำนักในยุทธภพงั้นเหรอ?
เขาโน้มตัวลงเก็บเศษใบดาบ ดาบเล่มนี้ไม่ใช่ของถูก แต่เขาสามารถโทษปีศาจพยัคฆ์เมื่อวาน แล้วไปขอเปลี่ยนใหม่ที่โรงตีเหล็กได้!