บทที่ 35 ศาสตร์การฝึกฝนร่างกายอันทรงพลัง
บทที่ 35 ศาสตร์การฝึกฝนร่างกายอันทรงพลัง
จางต้าหูกลั้นหายใจ สีหน้าเริ่มตึงเครียด
มาหาเรื่อง?
จะแอบไปแจ้งคนจากหน่วยอื่นดีไหม? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าใต้เท้าเสินจะถูกไอ้พุงโตนี้ตบตาย?
เฉินจี้ก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล หรือว่าคำพูดของอีกฝ่ายจะฟังดูดี แต่จริงๆแล้วมาเอาคืนเรื่องนักพรตโซ่วโถว?
“ว่าไง?” จางถูหูเอียงคอ นิ้วมือหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นดึงใบหญ้าออกจากปาก
เสินอี้มองอย่างเงียบๆ ดวงตาของอีกฝ่ายดูบริสุทธิ์ ไม่มีท่าทีท้าทาย มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เท่านั้น
เขาค่อยๆ หันข้าง ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ “มา”
ทันทีที่เสียงพูดจบ จางถูหูก็เตะเท้าทันที ลูกตุ้มหินหนักสามสี่ร้อยจิน เหมือนลูกบอลที่ทำจากจากหนัง พุ่งเข้าหาเงาร่างตรงนั้นด้วยเสียงหวีดหวิวน่ากลัว
ด้วยความรุนแรงและความเร็ว ทำให้คนรอบข้างไม่มีเวลาเกิดปฏิกิริยา
เสินอี้หันไปมองกำแพงลานทางด้านหลัง กำหมัดขวาแน่น หันกลับมาต่อยทันที ภายใต้หมัดนี้ ลูกตุ้มหินก็ระเบิดเป็นผงธุลี
“ข้าว่าแล้ว เจ้ารักเงินจริงๆ”
แน่นอนสิ เจ้าคิดว่าแผนกข้ามีเงินซ่อมกำแพงหรือไง?
ฝุ่นผงหินปูนบดบังสายตาชั่วขณะ ร่างใหญ่โตที่เกินจริงกลับปรากฏตัวอยู่หลังชายหนุ่มแล้ว
สองแขนที่หนาใหญ่เหมือนโซ่เหล็กฟาดลงมาจากด้านบน หากโดนเข้าเต็มๆ กระดูกคงจะแตกละเอียดกว่าลูกตุ้มหิน
เสินอี้สีหน้าเรียบเฉย เขาก้มตัวลงเล็กน้อย หลบการโจมตีของอีกฝ่ายพร้อมกับใช้ข้อศอกที่มีพลังทั้งตัวตวัดขึ้น กระแทกอย่างรุนแรงที่คางของจางถูหูที่เต็มไปด้วยเครา
เสียงดังสนั่น!
ใบหน้าของเขาในที่สุดก็แสดงออกถึงความเจ็บปวด
จางถูหูถอยหลังไปสองก้าว พื้นทั้งลานสั่นสะเทือน เขาเอื้อมมือไปลูบคางพลางหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน "ปฏิกิริยารวดเร็วดีจริงๆ"
การโจมตีด้วยข้อศอกที่สามารถบดขยี้กระดูกของปีศาจให้แตกละเอียด กลับทำให้เขาถอยหลังไปเพียงสองก้าวเท่านั้น
คนอื่นอาจดูไม่ออก แต่เฉินจี้กลับเบิกตากว้าง
เมื่อวานนี้ ใต้เท้าเสินเตะปีศาจพยัคฆ์จนล้มลงไปนอนกับพื้น อาเจียนออกมาเป็นเลือด
ไอ้อ้วนพุงโตนี่มันยิ่งกว่าปีศาจอีกงั้นเหรอ?
“......”
สาเหตุที่เสินอี้รู้สึกแปลกใจนั้นไม่ใช่เช่นนั้น
ข้อศอกเมื่อกี้นี้ เขาใช้ออร่าปราณจากจุดเฉียว ถึงแม้ไม่ได้คาดหวังว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ทันที แต่ว่า... ผู้เชี่ยวชาญจากเมืองชิงโจวผู้นี้ รับมือกับการโจมตีนี้ได้อย่างไรโดยไม่ต้องใช้ออร่าปราณ?
ระหว่างที่คิด ร่างของเขาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนของวิชาแปดก้าวอสรพิษวิญญาณ ทั้งร่างดูราวกับภูตผี
จางถูหูแม้จะเคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่ก็หนีไม่พ้นข้อเสียของร่างกายที่ใหญ่โต แม้แต่ก้มลงมองปลายเท้าตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ทำให้ขอบเขตการมองเห็นแคบลง
แต่เขาไม่มีท่าทีตื่นตระหนก ปล่อยให้เสินอี้ต่อยใส่หลายหมัด ผิวหนังที่มันเยิ้มนั้นเหนียวแน่นดั่งหนังวัวยัดซ้อนกันหลายร้อยชั้น
เมื่อหาจังหวะได้ มืออ้วนใหญ่ก็ล้วงไปที่เอว ดึงมีดฆ่าหมูสีดำสนิทออกมาด้วยความเร็วที่มองแทบไม่เห็น แล้วฟันลงบนพื้นอย่างรุนแรง
ถึงแม้พลังจะมหาศาล แต่มีดฆ่าหมูกลับฟันพลาดอีกครั้ง
กลับกลายเป็นว่าเสินอี้คว้าโอกาสนี้ ใช้ประโยชน์ในตอนที่เขายังไม่ทันเก็บแรง ยกขาขึ้นเตะเข้าที่เอว จนร่างใหญ่โตล้มลงไปกองกับพื้นทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ พี่น้องตระกูลหนิวตกใจกลัวจนหลบไปด้านข้างเหมือนกระต่ายที่ตื่นตกใจ
“น่าเบื่อ! น่าเบื่อ!”
“หมัดมวยหยาบๆ แบบนี้ ต่อให้ใช้เก่งแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ พูดตรงๆ เลยนะ แค่ยืดเส้นยืดสายยังไม่พอเลย”
จางถูหูลุกขึ้นยืนจากพื้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น สายตาของเขามองไปที่เอวของเสินอี้ แลบลิ้นแล้วกล่าวออกมา “รีบๆ ชักดาบออกมา เมื่อวานนี้คนแล่เนื้ออย่างข้าเห็นมันแล้ว เจ้าอย่าคิดที่จะเก็บซ่อนมันไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสินอี้ก็ขยับข้อมือ แล้วเอื้อมนิ้วทั้งห้าไปจับด้ามดาบ
ในตอนแรกเขาคิดว่าแค่ใช้หมัดเท้าประลองก็พอ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายอีกฝ่าย ใช้แค่หมัดมันไม่พอจริงๆ ชกต่อยต่อไปก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจ...
จากนั้น เสินอี้ก็ตวับดาบอย่างรวดเร็ว แสงสีเงินพร้อมกับหมอกสีแดงก็พุ่งผ่านท้องฟ้า!
“มาได้ดี!” จางถูหูตื่นเต้นขึ้นในที่สุด กางแขนทั้งสองข้างออกตั้งรับ
เมื่อดาบฟันลงมา แต่กลับมีเสียงดังกังวานเหมือนโลหะกระทบกัน ผิวหนังที่มันเยิ้มของเขามีรอยแผลสีขาวเพิ่มขึ้นทันที
“นี่มัน... เต่าทองกลายร่างเป็นปีศาจหรือไง?” เฉินจี้เบิกตากว้าง พลางหายใจหอบ
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มบนใบหน้าของจางถูหูค่อยๆ เลือนหายไป เขาจ้องมองแขนของตัวเอง “ฝีมือดาบดีจริงๆ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ดาบเล่มนั้นก็ฟาดฟันลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยพลังสังหารอันโหดร้าย
เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลอาบใบหน้าของจางถูหู เขาอดทนต่อความเจ็บปวด ใช้ออร่าปราณขับไล่หมอกสีแดงทีละนิด นานพอสมควรเขาก็เงยหน้าขึ้น ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ
"วิธีการแบบนี้ เจ้าไม่น่าจะใช่คนดีสินะ"
"แต่ข้าชอบ!"
เสินอี้ขมวดคิ้ว สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ใช้พลังต้านทานตั้งแต่แรก?
จางถูหูลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น ตบพุงตัวเองร้องตะโกนว่า "เจ้าคิดว่ายังไง?"
เสินอี้พยักหน้า "วิชาฝึกฝนร่างกายที่แข็งแกร่งมากจริงๆ"
"อยากเรียนไหม?" จางถูหูพูดพลางมองไปที่ดาบตรงเอวของเสินอี้
"ใต้เท้าเสิน... อย่า!" เฉินจี้เป็นคนที่มีมารยาท แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกออกมา
ความสัมพันธ์ระหว่างราชสำนักกับสำนักต่างๆ ในยุทธภพนั้นซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปคิด
การรับสิ่งของจากพวกเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหนีออกมาได้
"เฮอะ! เจ้าร้อนรนอะไรนักหนา"
จางถูหูไม่โกรธเมื่อถูกลูกน้องเสินอี้ขัดจังหวะ เขายิ้มออกมาอย่างมีภูมิฐาน “ข้ามาที่นี่ แม้จะแฝงไว้ด้วยวัตถุประสงค์ แต่ก็ไม่ใช่เพื่อทำร้ายหัวหน้าเสิน”
เขาเดินไปหาเสินอี้ กระซิบถามเบาๆ ว่า “ท่านฝึกวิชาดาบจากตำราดาบปราบปีศาจใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เสิ่นอี้ก็มองดูอย่างประหลาดใจ
“ฮ่าๆ ข้าเห็นมามาก แค่มองก็รู้ว่าคุ้นเคย” จางถูหูเลิกคิ้ว “วิชาของแผนกปราบปีศาจ ต่อให้เจ้าให้ข้าฟรี ข้าก็ไม่กล้ารับ แต่ว่าวิชาที่เจ้าสร้างเอง มันไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาก พอดีข้าก็มีไอเดียบางอย่าง เรามาลองแลกเปลี่ยนกันดีไหม?”
เสินอี้รู้สึกใจเต้น
ถ้าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนั้น ต่อให้เจอกับนางงูเมื่อคืนอีครั้ง เขาก็ไม่จำเป็นต้องตกใจ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็หันไปมอง และเลือกที่จะพูดความจริง “ข้าไม่มีปัญหา แต่ว่าวิชาดาบนี้ ท่านอาจจะเรียนมันไม่ได้”
จางถูหูตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะคิกคัก "ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว วิธีการที่ชั่วร้ายแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนของราชสำนักอย่างเจ้าจะเข้าถึงได้ ส่วนใหญ่แล้วน่าจะเรียนรู้มาจากเศษซากของแก่นแท้ปีศาจ"
"ถ้าไม่ใช่คนจนตรอก ก็คงเป็นคนบ้าคลั่งคลั่งไคล้การต่อสู้ ใครจะทำเรื่องโง่ๆ อย่างดูดซับแก่นแท้ปีศาจอย่างเจ้า!"
"เจ้าก็แค่แลกมา เจ้าจะไปคิดแทนคนอื่นทำไมว่าจะฝึกได้หรือไม่ได้... ใช่ไหม?"
เมื่อเห็นทั้งสองคนคุยเรื่องวิชา เฉินจี้ก็ไล่คนที่เหลือที่มองหน้ากันอยู่ให้ออกจากลาน จากนั้นก็เดินออกไปด้วยตัวเอง แล้วปิดประตูแผนกเบาๆ