ตอนที่แล้วบทที่ 32 ตัวตนของหลินไป๋เว่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 ผู้เชี่ยวขาญมาเข้าร่วม

บทที่ 33 พ่ายแพ้เป็นครั้งแรก


บทที่ 33 พ่ายแพ้เป็นครั้งแรก

หลินไป๋เวยเก็บกวาดโต๊ะอาหาร  หยิบเสื้อนอกสกปรกที่เสิ่นอี้เปลี่ยนมา แล้วเดินไปหลังบ้านโดยไม่พูดอะไร

เมื่อห้องตกอยู่ในความเงียบ

เสินอี้หยิบแก่นแท้ปีศาจที่ยังมีรอยเลือดติดอยู่ จากนั้นมองไปที่แผงระบบ

[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: สองร้อยยี่สิบหกปี]

เขาหลับตาลง ใจร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย

แน่นอนว่า ปัญหาและโอกาสมักอยู่คู่กันเสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะร่างก่อนทำเรื่องโง่เขลา เขาจะไม่มีวันได้รับวิชาขอบเขตวารีหยกง่ายๆ

เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นวิชาประเภทไหน

ดีที่สุดคือวิชาบ่มเพาะ รองลงมาก็คือศาสตร์การต่อสู้...อือ  อายุขัยปีศาจเริ่มไม่เพียงพออีกแล้ว

เหล่าปีศาจที่เคยติดต่อกับร่างเก่า ตอนนี้แทบจะไม่ติดต่อเขามาอีกเลย ช่างเป็นโลกที่เย็นชา ผู้คนช่างเปลี่ยนใจรวดเร็วจริงๆ

ส่วนเรื่องออกจากเมืองไปปราบปีศาจ...

เสินอี้เองก็เคยคิดแบบนี้บ้าง แต่พอเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหลินไป๋เว่ย เขาก็รู้สึกไม่เหมาะสม

ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะแทบไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจ แถมการป้องกันก็อ่อนแอ แต่เพราะเบื้องหลังมีราชวงศ์ต้าเฉียนหนุนหลัง ปีศาจจะไม่ทำให้เรื่องบานปลาย เว้นแต่พวกมันจะเบื่อหน่ายกับชีวิตที่สงบสุข

การแอบขโมยคนไปกิน กับการบุกยึดเมืองอย่างเปิดเผย เป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่ถ้าหากออกไปข้างนอก แล้วเผลอไปเจอปีศาจระดับสูงเข้าละก็...

เสิ่นอี้ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสถูกมัดไว้ใต้เตียง แถมยังเจอคนใจดีที่มีเงินเดือนน้อยๆ เลี้ยงดูเขาหรอก

โอกาสที่เป็นไปได้มากกว่าคือ เขาถูกเขี้ยวเล็บแหลมคมฉีกเนื้อ อย่างมากก็แค่หลังจากปีศาจกลืนกิน มันก็คงยกนิ้วโป้งชมว่า... อาหารจานด่วนวันนี้ลื่นคอและอร่อยดี!

“…”

เมื่อนึกถึงสภาพศพของหลิวฉี เสินอี้หันไปด้านข้าง สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์

ทันใดนั้น เขารู้สึกถึงสัมผัสเย็นยะเยือกคืบคลานขึ้นมาบนแขน

แทบจะทันที ความรู้สึกในแววตาของเสิ่นอี้ก็เปลี่ยนเป็นจิตสังหาร! จุดเฉียวทั้งสิบสองทำงานขึ้นพร้อมกัน ออร่าปราณอันแหลมคมปั่นป่วนอยู่ภายในร่างกาย!

เขาเปิดผ้าห่มออกอย่างแรง เห็นงูยาวสองตัว ตัวหนึ่งสีดำ ตัวหนึ่งสีขาว ปากอ้ากว้างขนาดปากแก้ว เลื้อยออกมาจากรอยแยกของเตียงที่ติดกับผนังอย่างช้าๆ จากน้้นตัวหนึ่งพันรอบต้นขาของเขา อีกตัวหนึ่งพันบนแขนซ้าย

งูทั้งสองตัวแลบลิ้นอย่างเชื่องช้า

เสินอี้หรี่ตามอง เขายื่นมือไปจับดาบที่ผนังอย่างรวดเร็ว

เมื่อเทียบกับก่อนหน้า การรับรู้ของเขาตอนนี้ช่างเฉียบแหลม ไม่ใช่แค่ปีศาจที่เหม็นสาบเท่านั้น แม้แต่สัตว์ป่าธรรมดา หรือแม้แต่สัตว์เลื้อยคลานขนาดปลายนิ้วก้อย พวกมันก็หนีจิตสัมผัสของเขาไม่ได้

แต่แปลกมา! งูสองตัวนี้กลับปีนขึ้นมาบนเตียงโดยที่เขาไม่รู้ตัว!

ในชั่วพริบตา ร่างของงูก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

จู่ๆ ร่างกายขาวเนียนนุ่มนวลสองร่างก็ปรากฏขึ้น มีเพียงเกล็ดเล็กน้อยปกปิดจุดสำคัญ คนหนึ่งยิ้มแฉ่งหนุนแขนเสินอี้ อีกคนโอบรอบเอวเขาอย่างเกียจคร้าน และวางขาเรียวที่กลมกลึงลงบนเข่าของเขา

หญิงสาวทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของนางสวยงามจนดูชั่วร้าย

หญิงสาวทั้งสองคนใช้ปลายนิ้วม้วนพันเส้นผมช้าๆ เสียงนางใสดังระฆังเงิน ลมหายใจหอมกรุ่นและพกพาความเย้ายวนมาด้วย "คุณชายเสิน นานแล้วไม่เจอกัน ท่านคิดถึงพวกเราบ้างไหม?"

เมื่องูทั้งสองแปลงร่างเป็นมนุษย์ กลิ่นอายบนตัวพวกนางก็ปรากฏออกมา

เสินอี้มองอย่างเงียบๆ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับตัวเองบนตัวของอีกฝ่าย

นั่นคือขอบเขตเริ่มต้นขั้นสูงสุด มันทั้งกลมกลืนเป็นหนึ่งและบรรลุความสมบูรณ์แบบ

เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ชักดาบออกจากฝักด้วยมือขวา ใบดาบสีเงินสว่างไสวสะท้อนแสงเทียนอันริบหรี่ ทันใดนั้นมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยเลือดสีแดงสดอันเข้มข้น

ดาบเล่มนี้พุ่งตรงไปที่คอของหญิงสาวงูขาว ทั้งโหดเหี้ยมร้ายกาจและไร้ความปรานี

"ฟ่อ!"

ใบหน้าของหญิงสาวงูขาวเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน นางพลิกตัวกลิ้งลงจากเตียง

หญิงสาวงูดำก็ปล่อยเอวของเสินอี้ นางเงื้อมือขึ้น ฝ่ามือและนิ้วมือถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำเงางามที่เปล่งประกายโลหะในทันที

นางเอื้อมมือไปจับใบดาบ ขณะที่นางกำลังคิดจะพูด แต่ใบหน้าที่สวยงามของนางกลับมีสีหน้าตกใจ

เกล็ดสีดำที่นางไว้ใจที่สุด เมื่อสัมผัสกับใบดาบ มันกลับส่งเสียงดังฟู่ และถูกกัดกร่อนในพริบตา

มีเลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากรอยแยกของนิ้ว จนมันกลายเป็นสิ่งที่ย้อมใบดาบให้กลายเป็นสีแดงสดเปล่งประกาย

หญิงสาวงูขาวทรุดตัวลงบนพื้น หน้าอกที่อวบอิ่มสั่นไหวไม่หยุด นางแตะลำคอบางระหงด้วยความหวาดกลัว ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธและตกใจ "เจ้าเป็นบ้าอะไร!?"

 

"พวกข้าได้ยินข่าวลือว่าคุณชายเสินมีนิสัยเปลี่ยนไปมาก"

หญิงสาวงูดำจับใบดาบแน่น มืออีกข้างค่อยๆ กางออก เม็ดทองคำนับไม่ถ้วนโรยลงบนเตียง "แต่ข้าคิดไม่ตกว่าทำไมท่านถึงเลิกทำธุรกิจ? พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของท่านแม่เฒ่า ข้าแค่อยากให้ท่านไปเชิญช่างจากย่านไฉ่ฮวา(สีสันงดงาม) ไปที่ภูเขาเพื่อทำเครื่องประดับสวยๆ ให้นางแค่นั้นเอง"

หญิงสาวพูดพลาง เหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาจากหน้าผาก

อีกฝ่ายไม่ได้แค่เปลี่ยนนิสัย แต่เหมือนกับลอกคราบ เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ดาบเล่มนี้ดูเรียบง่าย แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความชำนาญ เปรียบดั่งสูงสุดคืนสู่สามัญ แม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงมากก็ต้องฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหลายสิบปีจึงจะมีความลึกซึ้งเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเขายังแข็งแกร่ง ไม่ด้อยไปกว่าขอบเขตบ่มเพาะหลายร้อยปีของนาง

แม้ว่าพี่น้องสองสาวจะร่วมมือกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้

"ในเมื่อคุณชายเสินไม่อยากทำเรื่องจุกจิกเหล่านี้อีกต่อไป ท่านก็น่าจะบอกตรงๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวลา"

พอหญิงสาวงูดำพูดจบ นางก็ส่งสายตาไปทางด้านข้าง

เมื่อเห็นเช่นนั้น  หญิงสาวงูขาวบนพื้นก็กลายร่างเป็นงูยาวอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีหมอกหนาปกคลุม และนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

“…”

เสินอี้มองดูหญิงสาวงูขาวหายไปต่อหน้าต่อตา คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย

สองสัตว์ร้ายตรงหน้าเขาคือปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกมันจะรับดาบของเขาได้

แต่วิธีการซ่อนเร้นกลิ่นอายที่แปลกประหลาดนี้ และความสามารถในการหายตัว เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจมาก

ถ้าเขาสามารถเรียนรู้มันได้ละก็...

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสินอี้ก็มองดูหญิงสาวผิวขาวที่ปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำตรงหน้าเขาอีกครั้ง สายตาของเขามีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ภายใต้สายตาที่ร้อนแรงนี้ หญิงสาวงูดำรู้สึกเหมือนได้เห็นปีศาจหื่นกามคนเดิมอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็รู้ว่าตัวเองคิดผิด ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจร่างกายของนางเลย

นางก้มมองท้องน้อย แล้วกัดฟันกรอด

ไอ้สารเลวคนนี้  มันคิดจะเอาแก่นแท้ปีศาจของนาง!

"ไอ้คนแซ่เสิน วันนี้ข้าจะไม่สู้กับเจ้า เจ้ารอก่อนเถอะ ข้าจะกลับไปฟ้องท่านแม่เฒ่า!  ถ้าเจ้าแน่จริง เจ้าก็อย่าหนีไปไหน!"

งูดำกลายเป็นร่างดั้งเดิม ส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ทันที

ในตอนนั้นเอง งูดำเหลือบเห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตูหลังบ้าน

หญิงสาวในชุดขาวรูปร่างสูงโปร่ง ยืนพิงกำแพงอย่างเงียบๆ ใบหน้านางช่างเย็นชา

นางเพียงแค่เหลือบมองมาที่นี่อย่างเฉยเมย

งูดำยืดลำตัวขึ้น เกล็ดลุกชูชัน มันถึงกลับพูดไม่ออกอยู่ครึ่งค่อนวัน

ไม่แปลกใจเลยที่คนแซ่เสินจะมีวรยุทธที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างกะทันหัน มิน่ามันไม่สนใจท่านแม่เฒ่าเลย มันได้ปีนกิ่งไม้สูง เลยลืมคนเก่าไปแล้ว!

"ข้าจะรอดูว่า เจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน!"

งูดำขดตัวด้วยความโกรธ ไม่พูดถึงยายเฒ่าเกล็ดเขียวอีกต่อไป มันปล่อยหมอกดำออกมาปกคลุมร่างกาย รวมทั้งเม็ดทองคำบนเตียง แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ภายในบ้านเหลือเพียงคนอยู่สองคน

เสินอี้มองไปที่ประตู ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

แน่นอนว่า ความรู้ของข้าเกี่ยวกับปีศาจร้ายยังมีไม่เพียงพอ

จัดการกับพวกปีศาจป่าเถื่อนยังพอไหว แต่พอเจอกับปีศาจร้ายที่มีภูมิหลังแบบนี้ เขากลับมองไม่ขาดถึงกลวิธีของอีกฝ่าย

“…”

หลินไป๋เว่ยปล่อยมือลง นางมองชายหนุ่มอย่างเงียบๆ เก็บทุกอารมณ์ของเขาไว้ในสายตา นางรู้สึกทั้งตกใจและขำ

เดิมทีนางคิดว่าเสินอี้เป็นมือปราบที่เก็บซ่อนความเก่งไว้ เพียงแค่รอคนจุดประกายให้หลุดพ้นจากกรอบของมนุษย์ และยังคิดจะใช้โอกาสนี้ควบคุมเขา

จากการที่นางสัมผัสกับเขามาสองวัน นางก็บอกได้ว่าตัวเองมองผิดไป อีกฝ่ายอย่างน้อยก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้นแล้ว

แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าเสินอี้จะเติบโตจนสามารถข่มขู่ปีศาจสองตนที่อยู่ในขอบเขตเริ่มต้นขั้นสมบูรณ์แบบได้ด้วยตัวเอง...

อย่างนี้ แล้วเจ้ายังไม่พอใจอีกงั้นเหรอ?หะ!

“พวกมันคือสาวใช้ที่ยายเฒ่าเกล็ดเขียวรักที่สุด แม้แต่ผู้บัญชาการจากแผนกปราบปีศาจจะลงมือ เขายังจำเป็นต้องส่งคนมากกว่าสิบคนเพื่อความแน่ใจ และต้องวางแผนล่วงหน้า ถึงจะพอมีโอกาสสังหารพวกมันได้”

“หรือว่าที่เจ้าเสียดายคือ เจ้าไม่ได้สัมผัสร่างกายของพวกมันให้มากขึ้น?”

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด