บทที่ 18 กระแสข่าวที่ไหลบ่าไปทั่ว
“ติ๊ง! สังหารผู้บ่มเพาะอาณาจักรก่อสร้างรากฐานระดับสาม รับสามร้อยยี่สิบห้าคะแนนประสบการณ์”
คะแนนประสบการณ์ของผู้บ่มเพาะระดับก่อสร้างรากฐานน้อยนิดจริงๆ
ฉินจวินมุ่ยปากไม่พอใจกับคะแนนที่ไม่สมเหตุสมผล ดูเหมือนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะอัปเกรดระดับปีศาจ เช่นนั้นเขาคงต้องพาต้าจี๋กับเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนแสวงหาผู้แข็งแกร่งในอาณาจักรแก่นทองคำและอาณาจักรเปลี่ยนแปลงมนุยษ์ ต่อสู้เพื่ออัปเกรดระดับพลังยุทธแล้วล่ะ
เป็นไปตามที่ระบบเคยบอก หากเขาอยากได้คะแนนประสบการณ์สูงๆ เขาต้องมีความเกลียดชังอีกฝ่ายก่อน
“เราจะทำอย่างไรดี เขาสังหารลูกชายคนโตกับผู้อาวุโสไปแล้ว เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
“เราจะทำอะไรได้อีก ทำได้แค่รอท่านผู้นำตระกูลลงมือเองเท่านั้น”
“ข้ารู้สึกได้ว่า ตระกูลเฉิงกำลังจะสูญสิ้นแล้ว”
“รอดูก่อนเถอะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ผู้บ่มเพาะที่ยืนมองสถานการณ์เก้ๆ กังๆ โดยรอบต่างสนทนากันไปต่างๆ มากมาย พวกเขาส่วนใหญ่เป็นเพียงคนที่ตระกูลเฉิงจ้างมาดูแล แทบไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลเฉิงมากนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินจวินพร้อมกับคนอื่นๆ ก็เริ่มเดินต่อไปข้างหน้า ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากต่างมารวมตัวกันเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังหน้าประตูที่ถูกเปิดกว้างจนสามารถเห็นร่างของเฉิงเจี๋ยกับชายวัยกลางคนชุดเทาคนนั้นได้อย่างชัดเจนเต็มตา
เฉิงเจี๋ยเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองชิงถาน จากบทสนทนาที่มีแต่คำสาปแช่งแน่นอนว่าเป็นชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีพอสมควร
การตายของเขาทำให้ผู้คนถกเถียงกันเป็นวงกว้าง บรรดาพวกสอดแนมประจำตระกูลต่างๆ ต่างรีบกลับไปรายงานข่าว ไม่กี่อึดลมหายใจ เมืองชิงถานก็เต็มไปด้วยกระแสข่าวที่ไหลบ่าไปทั่วเมือง
……
ณ.จวนท่านเจ้าเมืองเฉิน
“อะไรนะ มีคนบุกเข้าจวนตระกูลเฉิงแล้วสังหารเฉิงเจี๋ยงั้นหรือ” เฉินจ้านเจี้ยนถามด้วยอาการตกใจนัยน์ตาแข็งทื่อ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นชายหน้าตาธรรมดา ประเภทที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในหมู่ฝูงชน
“ขอรับ เหยื่ออีกคนคือหนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเฉิงที่ถูกสังหารเช่นกัน อีกฝ่ายเป็นชายสอง หญิงสองกับสุนัขสีดำอีกหนึ่งตัว” ผู้ส่งข่าวพยักหน้าด้วยใบหน้าที่อัดแน่นไปด้วยความประหลาดใจและตกตะลึงไปพร้อมกัน
เฉินซูหลี่ซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นกับเฉินจ้านเจี้ยนอยู่แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงใครบางคนได้ เขากำหมัดแน่นก่อนเอ่ยออกมาด้วยความกล้า “ท่านพ่อ พวกเขาคือคนที่ช่วยข้าเมื่อวานนี้”
ฉินจวินสังหารคนตระกูลเฉิงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เฉินซูหลี่กลับไม่สงสัยความจริงในเรื่องนี้เลยเพราะชายผู้สามารถสังหารเสี่ยวโหวผู้แข็งแกร่งสุดในอาณาจักรเฉียนเยว่ได้อย่างง่ายดาย ทำไมจะจัดการกับคนอย่างคนตระกูลเฉิงไม่ได้
“ท่านพ่อ นำข่าวสารทั้งหมดเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญาของตระกูลเฉิงที่เรารวบรวมได้ออกมา” เฉินซูหลี่กล่าวขณะระงับความตื่นเต้นของตนเอง
“ทำไม” เฉินจ้านเจี้ยนถามอย่างสงสัย
“เพราะเขาคือองค์ชายสามของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ฉินจวิน!”
เฉินซูหลี่ยิ้มเบาๆ แสดงออกอย่างมีกลยุทธ์ แต่คำพูดของเขากลับทำให้ม่านตาของเฉินจ้านเจี้ยนหดตัวลงเนื่องด้วยอยากรู้สิ่งที่อยู่ภายในใจบุตรชาย
……
“แย่แล้ว! ท่านผู้นำ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
จู่ๆ เฉิงจ้านที่กำลังฝึกปรืออยู่ในจวนก็ถูกรบกวนจากข้ารับใช้ที่วิ่งปรี่เข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่นดูเร่งรีบ เขาขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ก่อนตะโกนถามเสียงดัง “อะไรทำเจ้าตื่นตระหนกเช่นนั้น เป็นเรื่องอื้อฉาวอันใดกัน”
ไม่ว่าผู้ใดที่ได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ขณะฝึกปรือวิชายุทธต่างรู้สึกไม่สบายใจแม้ต้องถูกขัดจังหวะสำคัญก็ตาม
“มีผู้บุกเข้ามาสังหารบุตรชายคนโตกับผู้อาวุโสสี่ตายขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
เฉิงจ้านลุกพรวดทันทีที่ประโยคนั้นจบลง น้ำเสียงและสีหน้าตอนนี้ของเขาราวสิงโตกำลังคลั่งได้ที
บุตรชายผู้สืบทอดตระกูลของเขาถูกสังหาร ใครจะไปยอมรับได้!
“พวกมันอยู่ที่ไหน” เฉิงจ้านตะเบ็งถามอารมณ์โกรธจัดจนหน้ามืดดำไปด้วยไฟแค้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อีกฝ่ายต้องชดใช้ด้วยเลือดเท่านั้น!
“พวกเขากำลังมาที่นี่…”
เฉิงจ้านรีบปรี่ออกจากประตูเร็วราวกับสายลม ทิ้งไว้เพียงเสียงกระแทกดังของบานประตูจนข้ารับใช้ที่เอาข่าวร้ายมารายงานล้มคะมำไปกับพื้น
อีกด้านหนึ่ง ฉินจวินกับคนอื่นๆ ยังคงก้าวเดินอย่างมั่นใจท่ามกลางผู้บ่มเพาะนับสิบและคนในตระกูลเฉิงหลายร้อยคนคอยรายล้อม ซึ่งทำได้เพียงแค่คอยตามดูโดยไม่มีใครกล้าคิดทำอะไรพวกเขาทั้งสิ้น ช่างเป็นฉากที่อลังการเสียจริง…
“พวกคนขลาด!”
ฉางเฉียนเฉียนยกมือขึ้นปิดปากบางเบาแล้วยิ้มคิกคักขณะพูด ใบหน้าของนางเติมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะในนิกายซวนหลิงไม่เคยพบกับประสบการณ์มีชีวิตชีวาเช่นนี้
แม้ฉางห่าวจะไม่ได้เอ่ยอันใด แต่ดวงตาของเขาที่คอยจับจ้องฉินจวินกลับเผยให้เห็นถึงความรู้สึกลึกๆ ว่ายิ่งห่างไกลจากฉินจวินมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ข้าไม่น่าทำเขาขุ่นเคืองจริงๆ
เขาไม่น่าเกี่ยวยุ่งกับคนโหดเหี้ยมที่พร้อมจะทำลายคนทั้งตระกูลของอีกฝ่ายเพียงเพราะไม่พอใจเช่นนี้
หากฉินจวินรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร คงได้ร้องไห้น้ำตาไหลพรากเพราะความรู้สึกผิดจากเขาแน่นอน แต่เรื่องทั้งหมดไม่ใช่เพราะเขาโหดร้ายสักหน่อย เป็นเพราะตระกูลเฉิงเองต่างหากที่มักใช้อำนาจกับความรุนแรงคุกคามผู้อื่นจนระบบต้องเปิดภาระกิจเสริม
หากคนอย่างฉินจวินโหดร้ายจริง ผู้บ่มเพาะที่อยู่โดยรอบกับคนอื่นๆ ในตระกูลเฉิงคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว
“ปล่อยให้ศัตรูได้หายใจหายคอสักพัก เดี๋ยวข้าลงมือเอง”
ฉินจวินสั่งต้าจี๋ ส่วนเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนสีหน้าของมันบ่งบอกออกมาชัดเจนว่าการต่อสู้เช่นนี้ไม่คุ้มและไม่คิดจะสนใจลงมือทำด้วยซ้ำ
ซึ่งฉินจวินก็รับรู้และกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากเขาสุ่มเลือกได้ราชาวานรออกมาจริงๆ มันจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาไหม
แต่สำหรับความรักที่เขามีต่อพี่ลิง ฉินจวินจะต้องเรียกเขามาไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เพราะนั่นคือเทพวีรบุรุษที่แท้จริงของลูกหลานคนจีนโดยแท้…
“ใครกล้าสังหารลูกข้า!”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ก็มีเสียงตะโกนอันเกรี้ยวโกรธดังมาจากลานกว้างเบื้องหน้า ผู้ที่ยืนอยู่บนลานกว้างราวหอคอยเหล็กด้วยสีหน้าน่าหวาดกลัวเช่นนั้นคือเฉิงจ้าน ผู้นำตระกูลเฉิงที่ทรงอิทธิพล
ฉางห่าวกับฉางเฉียนเฉียนถึงกับรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อได้พบกับแรงกดดันระดับสี่ของอาณาจักรก่อสร้างรากฐาน ขณะที่ ฉินจวินเพียงหรี่ตามองด้วยความเย่อหยิ่งเท่านั้น
แม้เขาทั้งคู่จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าช่องว่างระหว่างเฉิงจ้านนั้นไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหากทั้งสองได้สู้กันอย่างยุติธรรม เขาคงได้ตายในทันที!
ฉินจวินไม่ท้อ ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรเขาจะต้องกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานไม่ต่างจากผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน
“ตระกูลเฉิงของเจ้าทำชั่วมากมาย วันนี้ถึงคราต้องชดใช้แล้ว!”
ฉินจวินตะเบ็งเสียงขึ้นข่มอย่างผู้ชอบธรรม ทำให้เฉิงจ้านเดือดมากจนควันออกหู เขากระทืบเท้าและจู่โจมเข้าหาฉินจวินเร็วราวกับลูกธนูไม่มีรีรอ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองมากกว่าสิบเมตร แต่สำหรับเฉิงจ้าน เขาใช้เวลาเพียงสองชั่วลมหายใจเท่านั้นก็ถึงฉินจวินแล้ว
มือขวาของเขากลายเป็นกรงเล็บ แล้วนิ้วทั้งห้าก็เปลี่ยนเป็นสีเงิน ซึ่งภายใต้แสงแดดมันสะท้อนแสงไม่ต่างจากโลหะ
“ใช้พลังยุทธอีกแล้วหรือ”
ฉินจวินคิดอย่างอิจฉา ทั้งที่เขาก็อยู่ในอาณาจักรก่อสร้างรากฐานเหมือนกัน แต่กลับไม่มีความสามารถในการใช้พลังยุทธดั่งเช่นผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันแบบเขาเลย
ต้าจี๋ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉินจวิน ใช้สายตาคมมองเฉิงจ้านด้วยความดูถูก
พอเฉิงจ้านที่กำลังเหินอยู่บนอากาศเห็นหญิงงามผู้หนึ่งกล้าบังอาจขวางทางเขา ความตั้งใจในการสังหารในดวงตาเขาก็ลึกแดงยิ่งขึ้น จากความเห็นเขา ฉินจวินกำลังดูถูกโดยปล่อยให้หญิงงามผู้นี้เข้ารบกวนการต่อสู้ระหว่างเขาทั้งคู่
“ไอ้เด็กชั่ว!”
ต้าจี๋ยกมือขวาขึ้นแล้วสะบัดออกไป ชายเสื้อที่พลิ้วไหวเพียงเบาๆ ของนางกลับกลายเป็นลมแรงเข้าปะทะยังใบหน้าเฉิงจ้านทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจขณะที่พยายามต้านทานแรงกดดันนั้นแต่ก็ไร้ผล
หลังได้เห็นเฉิงจ้านผู้นำตระกูลถูกพัดปลิวไปบนท้องฟ้าราวกับใบไม้แห้งลอยตามลม บรรดาผู้บ่มเพาะและคนในตระกูลเฉิงก็เผยใบหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่อยากเชื่อ ขนาดฉางเฉียนเฉียนและฉางห่าวซึ่งอยู่ในอาณาจักรกลั่นลมปราณยังถูกแรงลมพัดถอยกลับไปเช่นกัน
ฉินจวินหรี่ตาลงด้วยความอิจฉาอีกครั้ง นี่สินะ พลังที่แท้จริงของผู้แข็งแกร่งระดับอาณาจักรปรับแต่งความว่างเปล่า
ปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้ทุกอิริยาบถ!
เฮ่อ...
ต้าจี๋ดีดสองนิ้วขึ้นไปในอากาศอย่างไม่รีรอ ลำแสงสีแดงสองเส้นพุ่งเข้าหาเฉิงจ้าน ตรงไปยังไหล่ของเขาพร้อมเสียงเจาะทะลุอากาศจนเลือดสาดไปทั่ว ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้ทำเขาถึงกับกรีดร้องด้วยความน่าสมเพชไม่เหลือมาดผู้ทรงอิทธิพลเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะผู้แข็งแกร่งระดับก่อสร้างรากฐาน เสียงของเขาดังมากจนแม้แต่ฉินจวินเองยังถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหู ไกลขนาดที่หนึ่งในสามของคนในเมืองชิงถานสามารถได้ยิน
เฉิงจ้านซึ่งยังคงสง่างามก่อนร่างดิ่งลงกระแทกพื้น เสียงดังอั๊ก! ทำฉินจวินกับคนทั้งสามต่างรู้สึกจุกจนซี๊ดปากที่ได้เห็นฉากตรงหน้า
กระดูกกระเดี้ยวน่าจะหักเยอะอยู่ไม่น้อย…
“นายน้อย ท่านใช้อาวุธวิเศษสังหารเขาเถอะ!” ต้าจี๋ถอยกลับไปกระซิบบอกฉินจวินที่ข้างหูพร้อมหัวเราะเบาๆ กลิ่นหอมจางๆ จากกายนางยังคงเย้ายวนทำเขารู้สึกสดชื่นได้เสมอ
ฉินจวินยิ้มหวานพร้อมหยิบปืนพกเดสเซิร์ทอีเกิลออกมาแล้วเดินตรงไปหาเฉิงจ้านทันที
ตอนนี้ เฉิงจ้านรู้สึกชาราวกับมีแมลงไต่ไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะไหล่ที่ถูกลำแสงบางอย่างทะลุผ่าน เจ็บปวดจนสาหัสใบหน้าโชกไปด้วยเหงื่อ เขาจ้องมองฉินจวินผู้ยืนอยู่ตรงหน้าและกัดฟันถาม
“เจ้าเป็นใคร!”
งั้นขอแนะนำตัวเลยนะ~