Chapter 879 เข้าพิภพสงครามอีกครั้ง
ด้วยเกรงว่าการเป็นสายลับของซูเซียวโม่จะสูญเสียโอกาสจะบ่มเพาะ จุนซ่างเซียวจึงมอบศิลาวิญญาณธรรมชาติมากมายให้กับเขา.
แม้แต่หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ ยังไม่ได้รับเท่า.
นอกจากนี้ยังมอบเซตเจิ้นหยาง เม็ดยาบูรณะร่างกายระดับกลางและเม็ดยากลั่นวิญญาณ ท้ายที่สุดก็ยังมอบยันต์ทะยานสวรรค์ให้สองแผ่น.
แม้นว่าจะยังไม่ได้ใช้ชั่วคราว หากแต่เมื่อก้าวไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลาย ถึงจะทำให้เขาทะลวงเป็นจักรพรรดิยุทธ์ได้สองครั้ง ซึ่งเพียงพอทดแทนการใช้สิ่งสนับสนุนต่าง ๆ ในนิกายได้.
แน่นอน.
เจ้านิกายจุนที่ยังครุ่นคิด ว่าจะหาโอกาสใช้สถานะ ตาเฒ่าจุนเทียน แสดงเพื่อศิษย์ให้กับศิษย์ของเขาสักครั้ง.
จะแสดงอย่างไร.
ถึงจะช่วยเพิ่มสถานะศิษย์ของเขา.
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ เขาจะต้องหาโอกาสทำ สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วนิกายที่เสวียนเซิ่ง ให้พวกเขา ให้ความสำคัญต่อซูเซียวโม่ไปเลย.
“คิดเตรียมการเอาไว้ก็แล้วกัน.”จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ.
ซูเซียวโม่ที่ปรึกษาเรื่องความรักใคร่กับเหล่าเหว่ย จากนั้นก็มุ่งบ่มเพาะ.
เพราะว่าพลังบ่มเพาะของเขาแทบไม่เพิ่ม เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเข้าสู่พิภพสงครามได้ และการออกจากนิกายไท่เสวียนคนเดียวก็ใช้เวลานานมากไม่ได้.
ไม่กี่วันหลังจากนี้ไม่กี่วันก็ต้องกลับแล้ว.
จากการใช้หอคอยเก็บประสบการณ์ เขตแดนลับเป็นตายและเขตแดนลับกาลอวกาศ จากนั้นเขาก็มายังห้องโถงหลัก พร้อมกล่าวลา“เจ้านิกาย ศิษย์คงต้องกลับแล้ว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ระวังตัวด้วย.”
“ครับ!”
ที่ทางเข้า มีศิษย์หลายคนที่มาส่งซูเซียวโม่.
หลิวหว่านซีที่ปาดน้ำตา ยกมือโบกลา“ศิษย์พี่ หากหิวเมื่อไหร่ อย่าลืมกลับนิกายมา!”
ในเวลานี้นางได้ทำของหวานหลายอย่าง ที่เก็บในแหวนมิติเตรียมไว้ให้เขาด้วย.
“ขอบใจศิษย์น้อง!”
ที่เชิงเขาซูเซียวโม่ที่หันหลังกลับมา เห็นเจ้านิกายและคนอื่น ๆ กำลังโบกมือให้ เมื่อเขาออกจากจังหวัดซีเหนียนหยางแล้วก็นำหน้ากากร้อยหน้าออกมาสวม คืนกลับสู่สถานะซูจินถัง.
แม้นว่าจะอยู่ในนิกายไท่เสวียนเซิ่งมาเกือบปี หากแต่ไม่รู้สึกใด ๆ เลย เขายังคงเป็นิกายนิรันดรอย่างเหนียวแน่น.
เขาจะต้องคืนกลับบ้าน เมื่อทำภารกิจให้เจ้านิกายเสร็จ
“เจ้านิกาย.”
หลิวหว่านซีที่เอ่ยกล่าวอย่างความเป็นกังวล“หากว่ามีคนรู้ความลับศิษย์พี่ล่ะ? หากมีคนพบเข้าล่ะ? ไม่ใช่ว่าจะถูกจับไปทรมานหรอกรึ?”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก “สาวน้อย เจ้านี่ช่างจินตนาการจริง ๆ.”
แน่นอน.
เรื่องเช่นนี้เขาก็คิดไว้เหมือนกัน และเตรียมลงมือเสมอเพื่อความปลอดภัยของศิษย์.
......
หลังจากส่งซูเซียวโม่ไปแล้ว จุนซ่างเซียวก็ปรบมือและเอ่ยออกมาว่า“ถึงเวลาเริ่มธุระของพวกเราแล้ว.”
ธุระอะไร?
ก็คือธุระเข้าสู่พิภพสงครามนั่นเอง!
“กึก!”
“กึก!”
ลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อ ลี่เฟย เถียนซี เหออู๋ตี้ หลงจื่อหยาง หยางยูหัว หลิงหยวนเสวี๋ยและซ่งเสวียนโจว ศิษย์หลักทั้งสิบจะถูกนำเข้าไปในพิภพสงคราม.
โจวหงที่ไม่ได้ได้เข้าไปชั่วคราว.
เพราะว่ายังก้าวไปไม่ถึงระดับกษัตริย์กระบี่ขั้นปลายนั่นเอง.
วิถีกระบี่และวิถียุทธ์นั้นแตกต่างกัน ไม่ใช่จะสามารถก้าวผ่านไปทีละขั้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย.
แน่นอน การเข้าใจวิถีอำนาจกระบี่ได้อย่างถ่องแท้ถึงจะก้าวสู่ระดับจักรพรรดิกระบี่ได้ อีกทั้งทักษะต่อสู้นั้นย่อมเหนือกว่าวิถียุทธ์เช่นกัน.
นอกจากศิษย์พี่หญิงใหญ่ เหล่าศิษย์คนอื่น ๆ ล้วนแต่สวมชุดเซตเจิ้นหยาง เหมือนกับขุนพลกำลังออกรบในแนวหน้า.
เจียงเซี่ย สองพี่น้องหนิงและเหล่าเกอ ติงซิงหวัง กงซุนเห่าไห่ก็อยู่ในกลุ่มศิษย์ด้วย.
กล่าวได้ว่า ทั้งหกคือคนที่มีพลังต่อสู้สูงของนิกายนิรันดร ส่วนเหล่าเหว่ย แม้นว่าจะฟื้นคืนความแข็งแกร่งแล้ว ทว่ายังต้องรับผิดชอบในการดูแลสวนสมุนไพรจึงไม่ได้เข้าร่วม
ราชาสัตว์จื่อหลินและราชาไป่ชิวเองก็ตามมาด้วย.
เผ่าสัตว์ทั้งสองนั้นมีพลังเทียบเท่ากับปราชญ์ยุทธ์ นับว่าเป็นสมุนที่แข็งแกร่งไม่น้อย.
ส่วนการเอาคืนทุบตียอดฝีมือระดับปฐพี คงต้องอาศัยพวกเขาและติงซิงหวัง.
“ฟิ้ว!”
ในเวลาไม่นาน จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เสี่ยวหลงและเซียวโม่เซียนยืนอยู่ด้านหลังเจ้านาย ทั้งสองที่จ้องมองกันและกันด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ สายตาที่คอยหาเรื่องกันตลอด.
ทุกคนที่มาหยุดที่ประตูทางเข้าเคลื่อนย้ายสู่พิภพสงคราม.
จุนซ่างเซียวที่จ้องและเอ่ยอย่างจริงจัง “พิภพสงครามนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังกันให้ดี อย่าได้ประมาทคู่ต่อสู้โดยเด็ดขาด.”
“รับทราบ!”
ทุกคนที่ตะโกนออกมาเสียงดัง.
“เอาล่ะ!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ออกเดินทาง!”
“ฟิ้ว!”
หลี่ชิงหยางที่ทดสอบและก้าวเข้าไปด้านในก่อนบดยันต์ทะยานสวรรค์ที่เจ้านิกายให้ และเข้าไป.
“การตรวจสอบระดับจักรพรรดิยุทธ์ เป็นไปตามเงื่อนไขขั้นต่ำ เริ่มการเคลื่อนย้าย โหลด 10.....โหลด 30.....โหลด 100 เคลื่อนย้าย!”
“ฟิ้ว!”
หลี่ชิงหยางหายไปทันที.
“เป็นความจริง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “สามารถแฝงตัวได้ด้วยยันต์ทะยานสวรรค์!”
เซียวจุ้ยจื่อ ลี่เฟยและศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็บดยันต์ พร้อมกับเตรียมเข้าไป ด้วยโลหิตในกายที่พลุ่งพล่าน อารมณ์ที่ดูตื่นเต้นเล็กน้อย.
สถานที่ใดกัน ถึงกับทำให้เจ้านิกายหมดสติ จะน่าเกรงขามขนาดใหน?
คาดหวัง.
เป็นที่คาดหวังที่สุด!
......
บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่ามืดครึ้ม แผ่นดินที่เป็นสีโลหิต.
อากาศที่หนักหน่วงรุนแรงสายลมที่พัดผ่าน ม้วนกวาดเข้ามาเป็นระลอก ๆ.
ที่นี่คือพิภพสงคราม เป็นสถานที่ไล่ล่าสังหารกันและกัน.
ฐานที่มั่นของทวีปชิงหยุนหลายสิบตารางเมตร มีธวัชที่ปลิวไปตามแรงลม ดูเยือกเย็นเปล่าเปลี่ยว.
“น่ารังเกียจ!”
“เจ้านั่นมันหายไปใหนกัน!”
ที่ด้านนอกฐานที่มั่นบนอากาศ มียอดฝีมือรวมตัวกันอยู่ 20-30 คน ใบหน้าที่เผยความโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย.
คนเหล่านี้มาจากทวีปฉีไห่นั่นเอง
จุนซ่างเซียวที่มาพิภพสงครามครั้งแรก ได้สังหารคนของพวกเขาไปไม่น้อย.
“พี่ใหญ่.”
ยอดฝีมือคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ไม่ใช่ว่ามันถูกคนอื่นสังหารไปแล้วรึ?”
“หากถูกสังหาร ก็ควรจะมีการแจ้งเตือนไปแล้ว.”ชายวัยกลางคนที่ขมวดคิ้วไปมา.
“เอ่ยไปแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด จู่ ๆ คนทวีปชิงหยุนจะหายไปจากพิภพสงครามได้อย่างไร แล้วยังมีแค่คนเดียวด้วย?”
คนอื่น ๆ ต่างก็งงงวยเช่นกัน.
เกี่ยวกับกฎเกณฑ์พิภพสงครามนั้น แต่ละพิภพที่เข้ามานั้นจะต้องนำคนเข้ามา 2000 คน ซึ่งจะมีขนาดฐานที่มั่นระดับหนึ่ง หากแต่ทวีปชิงหยุนกับปรากฏฐานที่มั่นเพียงแค่ห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่งเท่านั้น.
“เขามีวิธีลบแสงแดง ซ่อนตัวอยู่ในพิภพสงครามอย่างงั้นรึ?”บางคนที่ทำการคาดเดา.
“จากที่เห็น ก็มีความเป็นไปได้ล่ะนะ.”
ตลอดครึ่งปีกว่า ผ่านมานี้ ผู้คนมากมายต่างก็แวะเวียนผ่านไปมายังฐานที่มั่นทวีปชิงหยุนไม่หยุด เพื่อที่จะหาจุนซ่างเซียว หากแต่ไม่มีใครเห็นแม้แต่เงาอีกฝ่าย.
หนี้เลือดในครั้งนั้น.
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเอาคืน.
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ริ้วแสง จากพื้นที่ไกลออกไปหลายสิบสายที่พุ่งมาจากขอบฟ้าไกล.
คนเหล่านี้ก็มาจากทวีปหลิงหยุน เหมือนกับทวีปฉีไห่ พวกเขากำลังหาจุนซ่างเซียว.
โดยปรกติแล้วไม่มีใครเอาเรื่องเช่นนี้มาใส่ใจในพิภพสงคราม หากเจอใครก็สังหารทุกอย่างก็จบ ทว่ายอดฝีมือจากสองพิภพที่รักษาระยะห่างกันและกันร้อยกว่าจั้ง และไม่ได้ยั่วยุ หรือโจมตีใด ๆ ต่อกัน.
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการสู้กัน.
ทว่าสู้กันมามากมายหลายครั้งแล้ว จนตอนนี้ได้มาอยู่ในภาวะสมดุลไปแล้ว.
และยังมีกฎเกณฑ์บางอย่าง เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะต้องเข้าไปในพื้นที่พิเศษ
พื้นที่ทุ่งสังหารอาชูร่า.
เป็นสนามรบให้สองพิภพมาตัดสินสังหารกันให้ตกตายไป
เกี่ยวกับกฎเกณฑ์นี้ หากว่าถึงเวลา พิภพใดถูกกำหนด พวกเขาก็จะถูกสั่งให้เขาไปพื้นที่ทุ่งสังหารอาชูร่า สังหารกันและกันจนตายกันทั้งหมด เป็นเรื่องที่แทบไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย.
แน่นอน.
หากยังไม่ถูกกำหนด พวกเขาก็ไม่อยากเริ่มไล่ล่าสังหารกันแต่อย่างใด.
เหตุผลหลัก ๆ พิภพเบื้องบนต้องการให้พิภพเบื้องล่างสังหารกันและกันอยู่แล้ว คนของพิภพเบื้องล่างไม่ได้โง่ พวกเขาที่เข้าใจกันและกัน หากเจ้าไม่หาเรื่องข้า ข้าก็ไม่หาเรื่องพวกเจ้า.
ในเมื่อไม่มีใครลงมือสังหารกัน พวกเขาก็จะปล่อยเลยตามเลย ไม่สร้างความแค้นโดยเปล่าประโยชน์.
และด้วยเหตุนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์พิภพเบื้องบน เหล่าคนที่มาใหม่ จึงกลายเป็นเหยื่อให้กับพวกเขาโดยปริยาย.