Chapter 872 เจ้านิกายจุนได้ยินเรื่องพิภพสงครามหรือไม่?
ซูเซียวโม่ที่ยังคงแฝงตัวในนิกายไท่เสวียนเซิ่งอย่างราบรื่น เขาที่ถูกนำไปทำภารกิจอยู่เป็นระยะ ๆ.
ในนิกายนิรันดร เวลานี้จุนซ่างเซียวที่ยืนเท่อยู่บนยอดเขา จ้องมองไปยังหญ้าระงับหิวที่มีอยู่เต็มไปหมด ใบหน้าที่เผยยิ้มออกมาช้า ๆ.
การที่ฝึกฝนพัฒนานิกายอย่างช้า ๆ เฝ้ามองพืชพันธ์ที่กำลังเติบโต ปลูกดอกไม้ ตกปลา นี่ก็นับเป็นชีวิตที่น่ารื่นรมย์ไม่น้อย.
น่าเสียดาย ร่างกายของเขามีระเบิดเวลาผูกอยู่ หากสำเร็จภารกิจหลัก ปลดระเบิดได้แล้ว เขาก็หวังที่จะปลดเปลื้องปล่อยวางทุกอย่าง แล้วใช้ชีวิตเช่นนี้เหมือนกัน.
“เจ้านิกาย.”
เหล่าเหว่ยเอ่ย “วัตถุดิบใหม่เติบโตพร้อมแล้ว ให้เก็บเกี่ยวตอนนี้เลยหรือไม่?”
“ตอนนี้เลย!”
ใบหน้าของจุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มดีใจออกมา.
วัตถุดิบใหม่ที่หมายถึงก็คือสมุนไพรที่จะใช้ในการปรุงเม็ดยาฟื้นฟูระดับสูง นี่คือสิ่งจำเป็นในการเข้าไปในพิภพสงครามเลย.
เพียงไม่นาน.
วัตถุดิบใหม่ก็ถูกส่งมาให้กับเขา.
จุนซ่างเซียวเก็บทุกอย่างเข้าแหวนมิติ ก่อนที่จะเริ่มเปิดฟังก์ชั่นปรุงยา คอนโซนแสดงผลจำนวนที่กลั่นได้ 423.
เขาที่กดหลอมในทันที ขณะกล่าวเสียงเบา “400 กว่า น่าจะเพียงพอชั่วคราว.”
การไปยังพิภพสงครามครั้งนี้ เขาเตรียมนำเพียงคนที่แข็งแกร่งไปด้วย จำนวนย่อมไม่มาก เม็ดยาเท่านี้ นับว่าเหลือเฟือ.
จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซนภารกิจ จ้องมองภารกิจมหากาพ ที่ตอนนี้เหลือไม่ถึงเดือน จากนั้นก็ถอนหายใจยาว“เหลือหลายวันเหลือเกิน ยิ่งใกล้วันเข้า ยิ่งทำให้ข้าร้อนใจ.”
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ“เจ้าเมืองมู่ขอพบ.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวตอบรับ ก่อนที่จะก้าวไปยังห้องโถง.
เขาที่ก้าวเข้ามาเห็นมู่ซ่างหงอยู่ จากนั้นก็ยกมือประสานเอ่ยออกไป“เจ้าเมืองมู่ ไม่ได้พบกันพักหนึ่งเลย.”
มู่ซ่างหงเอ่ย“เมืองหลวงนั้นมีงานมาก ไม่สามารถหาเวลาได้เลย.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งบนที่นั่งเจ้านิกาย เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม“บุตรสาวของท่านบ่มเพาะได้อย่างน่าชม ตอนนี้ตัดผ่านไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่หกแล้ว.”
หากเปลี่ยนเป็นในอดีต มู่ซ่างหงย่อมตื่นเต้นดีใจ ทว่าตอนนี้กับต้องถอนหายใจ.
“ทำไมเจ้าเมืองมู่ถึงต้องถอนหายใจด้วยล่ะ?”
จุนซ่างเซียวที่ปรกติจะเห็นเจ้าเมืองยิ้มตลอด ทว่าในเวลานี้กับดูร้อนใจไม่มีความสุข.
มู่ซ่างหงเอ่ย “เจ้านิกายจุนขอกล่าวตามตรง เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ามีเรื่องให้ต้องกังวล.”
“ต้องกังวลอย่างงั้นรึ?”
ดูเหมือนว่าเจ้าเมืองมู่เอง จะมีเรื่องต้องกังวลเช่นกัน.
จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางว่ายินดีที่จะรับฟังความกังวล เพื่อที่จะบรรเทาให้อีกฝ่ายได้ระบายออกมา.
เงียบไปชั่วครู่.
มู่ซ่างหงที่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจัง“เจ้านิกายจุน เคยได้ยินเรื่องพิภพสงครามหรือไม่?”
“พิภพสงครามอย่างงั้นรึ?”
ใบหน้าของจุนซ่างเซียวที่แข็งไปเล็กน้อยทันที.
มันเกินกว่าได้ยินซะอีก!
ข้าเพิ่งถูกยอดฝีมือระดับปฐพีทุบมา ถึงกับหมดสติไปหลายวัน.
มู่ซ่างหงที่จ้องมองเขา รับรู้ว่าเรื่องนี้น้อยคนที่จะรู้จึงอธิบายออกมาว่า“พิภพสงครามนั้นคือมิติแยกที่ถูกสร้างจากพิภพเบื้องบน เป็นดินแดนให้ยอดฝีมือแต่ละพิภพเข้าไป เพียงแค่ไล่ล่าสังหารกันเพื่อที่จะมีชีวิตรอด.”
“งั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่แสร้งเผยท่าทางสนใจ.
จากท่าทางการแสดง หากซูเซียวโม่เห็นแล้ว คงต้องมาศึกษา หรือเขียนเป็นตำราได้เลย.
อย่าหาว่าพูดเกินจริง.
หากให้จุนซ่างเซียวไม่ต้องจัดการนิกาย เขาที่แฝงตัวเป็นสายลับในนิกายไท่เสวียนเซิ่ง แน่นอนว่าจะต้องเหนือกว่าศิษย์ของเขาอย่างแน่นอน.
ต้องไม่ลืมว่ามีหลายอย่างที่ซูเซียวโม่เทียบไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ความหน้าหนาของเขานั่นเอง.
มู่ซ่างหงเอ่ย “พิภพสงครามนั้นจะนำยอดฝีมือจากพิภพอื่น ๆ เข้าไปทุก ๆ ห้าปี ในแต่ละพิภพจะต้องส่งยอดฝีมือระดับต่ำสุดคือจักรพรรดิยุทธ์ 2000 คน เข้าไปด้านในเพื่อไล่ล่าสังหารกัน.”
“เรื่องนี้?”จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.
ไม่ใช่ว่าแกล้งแต่อย่างใด.
หากแต่เขาไม่เคยได้ยินจริง ๆ!
นอกจากนี้ เจ้านิกายจุนที่ราวกับคิดอะไรได้ ดังนั้นจึงเร่งรีบเอ่ยอะไรออกมา“ไม่ใช่ว่าทวีปชิงหยุนของพวกเราถูกเลือกหรอกนะ?”
“ไม่ผิด!”
คำพูดดังกล่าวที่ทำให้มู่ซ่างหงเผยสีหน้าเศร้าและเจ็บปวดออกมา.
เขาที่หวังว่าจะเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่ใช่เรื่องจริงที่จะต้องเข้าร่วมไล่ล่าสังหารกันในพิภพสงครามแต่อย่างใด.
“แล้วเข้าไปตอนใหน?”
“ห้าปีหลังจากนี้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล.”
“ดังนั้น......”
มู่ซ่างหงที่กล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “ข้าหวังว่าห้าปีหลังจากนี้ หงเหลียนจะไม่ตัดผ่านไปยังระดับจักรพรรดิยุทธ์.”
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก เอ่ยออกไปว่า“บิดามารดาครอบครัวใหนต่างก็หวังให้บุตรมีพลังบ่มเพาะสูงขึ้น เจ้าเมืองมู่มีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เฮ้อ.”
มู่ซ่างหงที่ถอนหายใจอีกครา“เกี่ยวกับกฎของพิภพ ทวีปชิงหยุนของพวกเราต้องสงจักรพรรดิยุทธ์ 2000 คนเข้าไป ไล่ล่าสังหารกันในอีกห้าปี หลังจากนี้ จะทำให้ยอดฝีมือมากมายต้องตกตายไปเป็นจำนวนมาก ไม่ต่างจากการถูกส่งเข้าสู่โรงเชือดเท่านั้น.”
“เจ้าเมืองมู่กังวลว่าบุตรสาวจะตัดผ่านไปยังระดับจักรพรรดิยุทธ์ แล้วได้เข้าไปในพิภพสงครามอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“ใช่แล้ว.”
มู่ซ่างหงเอ่ย“ข้ามีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้ว ตายไปก็ไม่เสียดาย ทว่าบุตรสาวนางยังเยาว์ หากว่าเกิดอะไร.....”
คำพูดดังกล่าว น้ำเสียงของเขาที่สั่นไหว แม้แต่น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมา.
ถึงเขาจะมีระดับครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ แต่ก็เป็นบิดาด้วยเช่นกัน ใหนเลยจะยอมรับได้ที่จะให้บุตรสาวเข้าไปตายในพิภพสงครามเช่นนั้นกัน.
“คงไม่ได้หนักหนาเช่นนั้น.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
แม้นว่าพิภพสงครามจะดุร้ายอมหิต ทว่าหากส่งจักรพรรดิยุทธ์และยอดฝีมือคนอื่น ๆ เข้าไปก็ไม่น่าจะด้อยกว่าพิภพอื่นแต่อย่างใด.
ระบบเอ่ย “โฮสน์จะเอาความแข็งแกร่งตัวเองเป็นมาตรฐานได้อย่างไร สำหรับโฮสน์ย่อมไม่เป็นปัญหา ทว่าจักรพรรดิยุทธ์ของทวีปชิงหยุนนั้นกล่าวได้ว่าต่ำกว่ายอดฝีมือพิภพอื่นจริง ๆ.”
“ยกตัวอย่าง ยอดฝีมือระดับ”เหลือง“ของพิภพอื่น.”
“ความแข็งแกร่งโดยรวมนั้นแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิยุทธ์ทวีปชิงหยุนมาก หากพวกเขาเข้าไป ก็มีแต่แส่หาความตายเท่านั้น.”
“สำหรับครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์เช่นเจ้าเมืองมู่ โฮสน์คิดว่ามีความสามารถสังหารยอดฝีมือระดับ”ลึกล้ำได้อย่างนั้นรึ?”
ได้ฟังคำพูดของระบบแล้ว จุนซ่างเซียวก็กลายเป็นเงียบไปในทันที.
เขาที่เข้าไปต่อสู้ในพิภพสงครามมาแล้ว สังหารยอดฝีมือที่ล้อมเขาจำนวนมาก หนึ่งอย่างที่เขาพอบอกได้ ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเหล่านั้น เหนือว่าผู้ฝึกยุทธ์ทวีปชิงหยุนจริง ๆ.
หากกล่าวให้ระเอียด ยกตัวอย่างเช่นยอดฝีมือระดับลึกล้ำของพิภพอื่นก็คือคนที่มีรากวิญญาณระดับสุดยอด ส่วนเจ้าเมืองมู่นั้นก็อยู่ในระดับสูงนั่นเอง แม้นว่าจะมีระดับพลังเท่ากัน ทว่าความแข็งแกร่งนั้นย่อมแตกต่างกัน.
แน่นอน.
เจ้านิกายจุนที่มีความมั่นใจในการเผชิญอยู่ด้านในได้.
อย่างแรก เขามีอุปกรณ์ชั้นยอด อย่างที่สองเขามีพรสวรรค์ระดับสูงพิเศษ สามารถต่อสู้คนที่มีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าได้อย่างไม่มีปัญหา ในระดับเดียวกันแทบจะบอกได้ว่าไร้เทียมทานด้วยซ้ำ.
“เฮ้อ.”
เจ้าเมืองมู่ถอยหานใจ.“ครั้งนี้ทวีปชิงหยุนถูกเลือก ไม่ต้องสงสัยว่ามันคือหายนะใหญ่.”
“ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างงั้นรึ?”
“ไม่ได้.”
“......”
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ“กดขี่จริง ๆ.”
“หลังจากสงครามราชันย์ ทวีปชิงหยุนพลังฟ้าดินก็เสียหายอย่างหนัก ทำให้อ่อนแอกว่าพิภพอื่น ๆ ใหนเลยจะสามารถขยายอาณาเขตได้.”ใบหน้าของเจ้าเมืองมู่กลายเป็นอัปลักษณ์.
“ขยายอาณาเขตอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย“หมายความว่าอย่างไร?”
มู่ซ่างหงที่กล่าวอธิบายง่าย ๆ “เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของพิภพ หากสามารถขยายอาณาเขตไปจนถึงระดับเมืองได้ ก็จะสามารถออกมาก่อนเวลาได้ ซึ่งก็จะลดการสูญเสียได้เป็นอย่างมาก.”
“เป็นแบบนี้นี่เอง.”
จุนซ่างเซียวที่เข้าใจ พลางกล่าวกระซิบในใจ“ขยายไปยังระดับเมือง ก็ไม่ใช่เรื่องยากนิ.”