บทที่ 298 : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (8)
บทที่ 298 : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (8)
“วางใจได้เลยค่ะ ใบหน้าของนายท่านจะไม่ถูกเปิดเผย”
“ไม่อย่างนั้น พวกเราอาจจะเดือดร้อนภายหลัง”
ฉันนั่งกอดอกมองไปข้างหน้าจากที่นั่งกัปตัน
[มิติ 7375 – มาโคนัส]
สถานที่นัดพบนั้นเป็นมิติที่ไม่มีเจ้าของ
นอกเหนือจากท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดินอันมืดมิด พวกเราสามารถมองเห็นเรือเหาะหลายร้อยลำได้ด้วยตาเปล่า ไอเซลตัวสั่นเมื่อเธอเห็นภาพนั้น
[โอ้ ทำไมเรือเหาะถึงเยอะขนาดนี้? ]
“เยอะแล้วไม่ดีเหรอ? ก็เหมือนกับอาหารยิ่งเยอะก็ยิ่งน่าอร่อย คิดงั้นไหม?”
นิฮาคุที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่หัวเราะขึ้นมา
[แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาหารล่ะ! ทำไมตอนนี้พวกเราถึงมีเรือเหาะแค่ลำเดียว? ที่เนลม์ไฮมฟ์ยังมีกองทัพเรือเหาะที่ยอดเยี่ยมและเยอะกว่านี้นี่!]
ดาบยาว ๆ ฟาดไปกระทบที่ท้ายทอยของไอเซล
“นี่คือคำสั่งของนายท่าน อย่าคร่ำครวญให้น่ารำคาญหู”
[...]
รีเจียนชักดาบของเขากลับเข้าฝักตามเดิม
ไอเซลมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตาที่หวาดกลัว
“ดูเหมือนว่าจะเริ่มแล้วนะคะ”
ยูเน็ตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันพูดขึ้น
เมื่อฉันดูแผนที่ ฉันเห็นจุดสีแดงหลายร้อยจุดเริ่มเข้ามาใกล้
<เฮ้! ไอ้พวกขี้โม้!>
เสียงที่ดังขึ้นทำให้สะพานสั่น
<ฉันนิสต้า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเรือเหาะของกิลด์สหพันธ์! ทำไมถึงส่งเรือเหาะมาเพียงลำเดียว? พวกนายเห็นคำประกาศสงครามของพวกเราเป็นแค่ผงธุลีใช่ไหม!>
[แจ๊คเคน777: อะไร? ทำไมเนลม์ไฮมฟ์ถึงมีแค่ลำเดียว? ]
[เอวาสก็อต: พวกมันมาที่นี่เพื่อยอมแพ้งั้นเหรอ? ]
[หนึ่งนิ้วก็อดซู (จีเค0113): อะไรอ่า???? จริงเหรอ???]
[บ้าไปแล้ว (สีเทียนหมาป่า3153) : ฉันรอสงครามนี้มาทั้งวันแล้ว! ตื่นเต้น ตื่นเต้น!]
[ช้อนทอง : ฮ่า ๆ ฉันเดาว่าแม้แต่โลกิก็ไม่มีทางแก้ปัญหานี้ได้! เอาเถอะ ตราบใดที่มันยอมแพ้ มันก็ไม่เป็นไรหรอก]
ทางด้านขวาของวิสัยทัศน์ของฉัน หน้าต่างแชทกำลังอัพเดตอย่างรวดเร็ว
และฉันก็พบกับไอดีที่คุ้นเคย
[ไรก็ได้(พริ้วลิ่วลม): สู้เขาโลกิ!!!!]
[ไอเซล0479: ไม่ว่ายังไง พวกเราก็จะต้องชนะ แน่นอนค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา~~~~!]
"......"
ไอเซลที่ห้องรอของทาวน์เนียเองก็คงกำลังดูอยู่สินะ
แต่นั่นมันไม่สำคัญ
“ยูเน็ต”
"ค่ะ นายท่าน"
“ปิดการถ่ายทอดสด”
หลังจากที่ยูเน็ตพยักหน้า ข้อเสนอถูกส่งออกไปยังฝ่ายตรงข้าม
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือการปฏิเสธและคำพูดเยาะเย้ย
“พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะนายท่าน”
กองกำลังทหารที่ระดมกำลังพลมาโดยกิลด์สหพันธ์ประกอบด้วยเรือเหาะ 600 ลำ และฮีโร่ 4,000 คน
ในทางกลับกัน ฉันส่งแค่บรันฮิลต์ 01 ออกไปเท่านั้น มันไม่สมศักดิ์ศรีกับการทำสงครามกองเรือเลย ไม่ว่าประสิทธิภาพของบรันฮิลต์จะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะในอัตราส่วนหนึ่งร้อยต่อหนึ่งได้
มีบทสนทนาหลายรูปแบบเกิดขึ้นในวันวินซ์ทีวีที่บอกว่าพวกเขาผิดหวังในตัวฉัน
ความคิดเห็นเริ่มรุนแรงมากขึ้น เมื่อผู้จัดการฝ่ายการออกอากาศรายงานว่าฝั่งพวกเราขอให้ปิดการถ่ายทอดสด
ฉันเก็บความคิดเห็นที่ถากถางและคำดูถูกเอาไว้ในหัวของฉัน
ความคิดเห็นของพวกเขาเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเย็นลงอย่างรวดเร็ว
<ต้องการที่จะยอมแพ้เหรอ? ขอโทษด้วย แต่มันสายเกินไปแล้ว! วันนี้พวกเราจะทำลายเนลม์ไฮมฟ์ให้ราบเป็นหน้ากลอง และแสดงให้ทุกคนเห็นว่ากิลด์สหพันธ์คือผู้ปกครองโลกใบนี้!>
“พูดมากจริง”
รีเจียนพูดและยิ้มอย่างเย็นชา
ฉันวางแขนไว้บนที่วางแขนของเก้าอี้
ทางซ้ายคือยูเน็ต ทางขวาคือรีเจียน และทางด้านหลังคือนิฮาคุ
พวกเรามีกันแค่สามคน
กองเรือรบเหาะก็ใกล้เข้ามามากขึ้น
เวลาปัจจุบันคือ 8 นาฬิกา มันเป็นเวลาที่กำหนดไว้ในการประกาศสงคราม
เรือเหาะหลายร้อยลำล้อมรอบบรันฮิลต์ 01
"พวกมันมาแล้ว"
แสงสีแดงเริ่มรวมตัวกันที่เรือเหาะทางด้านซ้าย
แสงสีขาวสว่างจ้าราวกับทางช้างเผือก นั่นเป็นการเตรียมโจมตีที่ระดมพลจากกองทัพเรือเหาะทั้งหมด
“ยูเน็ต ฉันมีเรื่องจะถาม”
ฉันพูดขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้
"ค่ะ นายท่าน"
“เธอบอกว่าจะพาฉันมา ฉันเลยมากับเธอ แต่การที่ฉันมามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ”
“ก็เพราะฉันอยากจะแสดงให้นายท่านเห็นว่าพวกเราต่อสู้กันยังไงไงล่ะค่ะ”
“ผมก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน”
"ใช่ค่ะ ใช่เลย"
ทั้งสามคนมีความเห็นตรงกัน
แสงสว่างนั้นบดบังการมองเห็นของฉัน
และเมื่อฉันลืมตาขึ้นมา
"......"
ฉันยืนอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สถานที่วงกลมนั้นทำให้นึกถึงสนามเด็กเล่น
ฉันมองเห็นอุปกรณ์ควบคุมหลายสิบเครื่อง และผู้คนนั่งอยู่เต็มทุกที่นั่ง
“พวกเรามาถึงแล้ว”
ยูเน็ตกล่าว
“ที่นี่คืออคิรัสใช่ไหม?”
"ใช่ค่ะ มันคือเรือเหาะของกิลด์สหพันธ์”
ยูเน็ตเคลื่อนย้ายพวกเราเข้าไปในเรือเหาะของศัตรู เราเพดินทางข้ามระยะทางหลายกิโลเมตรผ่านในพริบตา
“ไม่มีการตอบสนองจากคู่ต่อสู้เลยครับ!”
“ฮ่า ๆ ๆ ! เจ้าพวกสารเลวที่หยิ่งผยอง กล้าดียังไงส่งเรือเหาะมาแค่ลำเดียว? จู่โจมเนลม์ไฮมฟ์เลย!”
ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนกัปตันกำลังหัวเราะด้วยความสะใจกับลูกน้องของเขา
ชายหนุ่มที่กำลังหยอกล้อกับหญิงสาวที่เป็นช่างเครื่องของเรือเหาะ จู่ ๆ ก็หันมามองพวกเรา
“พวกเรามันอยู่ยงคงกระพันกันจริง ๆ …หืม? พวกแกเป็นใคร? มาที่นี่ได้ยังไง?!”
“ไหน! โอ้โห ดูสิว่าใครมาหาพวกเราถึงที่”
จู่ ๆ ประตูก็เปิดออก และชายที่เป็นกัปตันก็เดินเข้ามา
มีดาบสามเล่มห้อยอยู่ที่เอวของเขา
“ฉันไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงเร็วขนาดนี้ สุนัขของโลกิมาถึงถิ่นของเราเลยเหรอ”
ชายผมบลอนด์ยิ้มอย่างเย็นชา
จากนั้นร่างกายหลายสิบร่างก็ปรากฏขึ้นบนสะพาน
'พวกมันคือฮีโร่ตัวท็อปของกิลด์นี้เหรอ?'
ออร่าบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างกายของชายที่เดินนำหน้า
คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน ฮีโร่แต่ละคนดูแข็งแกร่งมาก น่าจะมีฮีโร่ระดับ 6 ดาวอยู่ที่นี่ด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่รู้ว่าพวกแกมาที่นี่ได้ยังไงนะ แต่จะบอกให้นะว่า พวกแกกำลังพบกับหนทางกลับสู่ยมโลก! จัดการพวกมันซะ!”
“เงียบน่า กัปตัน”
“อะไรนะ?”
“ไอ้พวกสวะนี้เป็นแค่ของเล่นของฉัน ดังนั้นอย่าให้ใครแตะต้องพวกมันเด็ดขาด”
ชายผมบลอนด์พูดต่อ
“ฉันคือราชาดาบขาวชูตรา และแก…”
ชูตราหันไปมองรีเจียน
รอยยิ้มที่มั่นใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายคนนั้น
“ฉันได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับดาบปีศาจนั้น วันนี้ฉันจะลบชื่อนั้นทิ้งซะ”
“ดาบปีศาจ?”
รีเจียนยิ้ม
ยังไงก็ตาม
'ราชาดาบขาว'
ฉันเห็นมันในรายงาน
สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านดาบที่ไม่เคยแพ้ใครในการดวลหนึ่งร้อยครั้ง
ว่ากันว่าเหล่าฮีโร่ตั้งฉายาให้เขาว่า 'ราชาดาบขาว' เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
"ตายซะเถอะ! ตำแหน่งนักดาบที่ดีที่สุดของโมเบียสต้องเป็นของฉัน!”
ชูตราเอื้อมมือไปจับฝักดาบ และชักดาบออกมาด้วยความเร็วสูงจนมองไม่ทัน
ทักษะการใช้ดาบที่รวดเร็ว มองเห็นได้เพียงรูปร่าง ถ้าไม่มีจิตวิญญาณแห่งดาบก็คงมองไม่ทันแน่นอน
“ราชาดาบขาว”
"……หา?"
“ฉันขอยืมดาบหน่อย”
รีเจียนปรากฏตัวต่อหน้าชูตรา และคว้าดาบไปจากมือของเขา
ทันใดนั้น แสงดาบก็ส่องประกายวาบ
จากนั้น ลูกเรือ 25 คน
กองกำลังพิทักษ์ 19 นาย ที่เป็นถึงฮีโร่ระดับ 6 ดาว
ฮีโร่ทั้งหมด 47 คน รวมถึงคนอื่น ๆ ถูกรีเจียนจักการและกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อในพริบตา
“……หา?”
ชูตรามองไปยังกองกำลังบนสะพานที่เพิ่งถูกสังหารด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
รีเจียนเก็บดาบของชูตรากลับเข้าฝัก
“มันเป็นดาบที่ดีเลยทีเดียว ไม่ต้องห่วง ฉันใช้มันอย่างระมัดระวังแล้วกันนะ”
“เหอะ”
ชูตราเดินออกจากสะพานไปด้วยสีหน้าสับสน
ยูเน็ตขมวดคิ้ว
“นายให้นายท่านต้องมาเห็นภาพที่นองเลือดแบบนี้ได้ยังไง?”
"ขออภัยด้วยครับนายท่าน"
กัปตันที่ยืนอยู่ด้านหน้ามีสีหน้าสับสนและตกใจเล็กน้อย
'นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันขอให้ปิดการถ่ายทอดสด'
ถ้าภาพนองเลือดแบบนี้ถูกถ่ายทอดออกไป ยอดขายเกมคงตกฮวบแน่ ๆ
ฉันยิ้มและเดินผ่านกัปตันไปโดยไม่แยแสว่าเขามีท่าทีอย่างไร