ตอนที่แล้วบทที่ 297 : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (7)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 299 : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (9)

บทที่ 298 : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (8)


บทที่ 298 : อดีต ปัจจุบัน และอนาคต (8)

“วางใจได้เลยค่ะ ใบหน้าของนายท่านจะไม่ถูกเปิดเผย”

“ไม่อย่างนั้น พวกเราอาจจะเดือดร้อนภายหลัง”

ฉันนั่งกอดอกมองไปข้างหน้าจากที่นั่งกัปตัน

[มิติ 7375 – มาโคนัส]

สถานที่นัดพบนั้นเป็นมิติที่ไม่มีเจ้าของ

นอกเหนือจากท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกดินอันมืดมิด พวกเราสามารถมองเห็นเรือเหาะหลายร้อยลำได้ด้วยตาเปล่า ไอเซลตัวสั่นเมื่อเธอเห็นภาพนั้น

[โอ้ ทำไมเรือเหาะถึงเยอะขนาดนี้? ]

“เยอะแล้วไม่ดีเหรอ? ก็เหมือนกับอาหารยิ่งเยอะก็ยิ่งน่าอร่อย คิดงั้นไหม?”

นิฮาคุที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่หัวเราะขึ้นมา

[แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาหารล่ะ! ทำไมตอนนี้พวกเราถึงมีเรือเหาะแค่ลำเดียว? ที่เนลม์ไฮมฟ์ยังมีกองทัพเรือเหาะที่ยอดเยี่ยมและเยอะกว่านี้นี่!]

ดาบยาว ๆ ฟาดไปกระทบที่ท้ายทอยของไอเซล

“นี่คือคำสั่งของนายท่าน อย่าคร่ำครวญให้น่ารำคาญหู”

[...]

รีเจียนชักดาบของเขากลับเข้าฝักตามเดิม

ไอเซลมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตาที่หวาดกลัว

“ดูเหมือนว่าจะเริ่มแล้วนะคะ”

ยูเน็ตที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันพูดขึ้น

เมื่อฉันดูแผนที่ ฉันเห็นจุดสีแดงหลายร้อยจุดเริ่มเข้ามาใกล้

<เฮ้! ไอ้พวกขี้โม้!>

เสียงที่ดังขึ้นทำให้สะพานสั่น

<ฉันนิสต้า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเรือเหาะของกิลด์สหพันธ์! ทำไมถึงส่งเรือเหาะมาเพียงลำเดียว? พวกนายเห็นคำประกาศสงครามของพวกเราเป็นแค่ผงธุลีใช่ไหม!>

[แจ๊คเคน777: อะไร? ทำไมเนลม์ไฮมฟ์ถึงมีแค่ลำเดียว? ]

[เอวาสก็อต: พวกมันมาที่นี่เพื่อยอมแพ้งั้นเหรอ? ]

[หนึ่งนิ้วก็อดซู (จีเค0113): อะไรอ่า???? จริงเหรอ???]

[บ้าไปแล้ว (สีเทียนหมาป่า3153) : ฉันรอสงครามนี้มาทั้งวันแล้ว! ตื่นเต้น ตื่นเต้น!]

[ช้อนทอง : ฮ่า ๆ ฉันเดาว่าแม้แต่โลกิก็ไม่มีทางแก้ปัญหานี้ได้! เอาเถอะ ตราบใดที่มันยอมแพ้ มันก็ไม่เป็นไรหรอก]

ทางด้านขวาของวิสัยทัศน์ของฉัน หน้าต่างแชทกำลังอัพเดตอย่างรวดเร็ว

และฉันก็พบกับไอดีที่คุ้นเคย

[ไรก็ได้(พริ้วลิ่วลม): สู้เขาโลกิ!!!!]

[ไอเซล0479: ไม่ว่ายังไง พวกเราก็จะต้องชนะ แน่นอนค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา~~~~!]

"......"

ไอเซลที่ห้องรอของทาวน์เนียเองก็คงกำลังดูอยู่สินะ

แต่นั่นมันไม่สำคัญ

“ยูเน็ต”

"ค่ะ นายท่าน"

“ปิดการถ่ายทอดสด”

หลังจากที่ยูเน็ตพยักหน้า ข้อเสนอถูกส่งออกไปยังฝ่ายตรงข้าม

แน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือการปฏิเสธและคำพูดเยาะเย้ย

“พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะนายท่าน”

กองกำลังทหารที่ระดมกำลังพลมาโดยกิลด์สหพันธ์ประกอบด้วยเรือเหาะ 600 ลำ และฮีโร่ 4,000 คน

ในทางกลับกัน ฉันส่งแค่บรันฮิลต์ 01 ออกไปเท่านั้น มันไม่สมศักดิ์ศรีกับการทำสงครามกองเรือเลย ไม่ว่าประสิทธิภาพของบรันฮิลต์จะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะในอัตราส่วนหนึ่งร้อยต่อหนึ่งได้

มีบทสนทนาหลายรูปแบบเกิดขึ้นในวันวินซ์ทีวีที่บอกว่าพวกเขาผิดหวังในตัวฉัน

ความคิดเห็นเริ่มรุนแรงมากขึ้น เมื่อผู้จัดการฝ่ายการออกอากาศรายงานว่าฝั่งพวกเราขอให้ปิดการถ่ายทอดสด

ฉันเก็บความคิดเห็นที่ถากถางและคำดูถูกเอาไว้ในหัวของฉัน

ความคิดเห็นของพวกเขาเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเย็นลงอย่างรวดเร็ว

<ต้องการที่จะยอมแพ้เหรอ? ขอโทษด้วย แต่มันสายเกินไปแล้ว! วันนี้พวกเราจะทำลายเนลม์ไฮมฟ์ให้ราบเป็นหน้ากลอง และแสดงให้ทุกคนเห็นว่ากิลด์สหพันธ์คือผู้ปกครองโลกใบนี้!>

“พูดมากจริง”

รีเจียนพูดและยิ้มอย่างเย็นชา

ฉันวางแขนไว้บนที่วางแขนของเก้าอี้

ทางซ้ายคือยูเน็ต ทางขวาคือรีเจียน และทางด้านหลังคือนิฮาคุ

พวกเรามีกันแค่สามคน

กองเรือรบเหาะก็ใกล้เข้ามามากขึ้น

เวลาปัจจุบันคือ 8 นาฬิกา มันเป็นเวลาที่กำหนดไว้ในการประกาศสงคราม

เรือเหาะหลายร้อยลำล้อมรอบบรันฮิลต์ 01

"พวกมันมาแล้ว"

แสงสีแดงเริ่มรวมตัวกันที่เรือเหาะทางด้านซ้าย

แสงสีขาวสว่างจ้าราวกับทางช้างเผือก นั่นเป็นการเตรียมโจมตีที่ระดมพลจากกองทัพเรือเหาะทั้งหมด

“ยูเน็ต ฉันมีเรื่องจะถาม”

ฉันพูดขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้

"ค่ะ นายท่าน"

“เธอบอกว่าจะพาฉันมา ฉันเลยมากับเธอ แต่การที่ฉันมามันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะ”

“ก็เพราะฉันอยากจะแสดงให้นายท่านเห็นว่าพวกเราต่อสู้กันยังไงไงล่ะค่ะ”

“ผมก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน”

"ใช่ค่ะ ใช่เลย"

ทั้งสามคนมีความเห็นตรงกัน

แสงสว่างนั้นบดบังการมองเห็นของฉัน

และเมื่อฉันลืมตาขึ้นมา

"......"

ฉันยืนอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย สถานที่วงกลมนั้นทำให้นึกถึงสนามเด็กเล่น

ฉันมองเห็นอุปกรณ์ควบคุมหลายสิบเครื่อง และผู้คนนั่งอยู่เต็มทุกที่นั่ง

“พวกเรามาถึงแล้ว”

ยูเน็ตกล่าว

“ที่นี่คืออคิรัสใช่ไหม?”

"ใช่ค่ะ มันคือเรือเหาะของกิลด์สหพันธ์”

ยูเน็ตเคลื่อนย้ายพวกเราเข้าไปในเรือเหาะของศัตรู เราเพดินทางข้ามระยะทางหลายกิโลเมตรผ่านในพริบตา

“ไม่มีการตอบสนองจากคู่ต่อสู้เลยครับ!”

“ฮ่า ๆ ๆ ! เจ้าพวกสารเลวที่หยิ่งผยอง กล้าดียังไงส่งเรือเหาะมาแค่ลำเดียว? จู่โจมเนลม์ไฮมฟ์เลย!”

ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนกัปตันกำลังหัวเราะด้วยความสะใจกับลูกน้องของเขา

ชายหนุ่มที่กำลังหยอกล้อกับหญิงสาวที่เป็นช่างเครื่องของเรือเหาะ จู่ ๆ ก็หันมามองพวกเรา

“พวกเรามันอยู่ยงคงกระพันกันจริง ๆ …หืม? พวกแกเป็นใคร? มาที่นี่ได้ยังไง?!”

“ไหน! โอ้โห ดูสิว่าใครมาหาพวกเราถึงที่”

จู่ ๆ ประตูก็เปิดออก และชายที่เป็นกัปตันก็เดินเข้ามา

มีดาบสามเล่มห้อยอยู่ที่เอวของเขา

“ฉันไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงเร็วขนาดนี้ สุนัขของโลกิมาถึงถิ่นของเราเลยเหรอ”

ชายผมบลอนด์ยิ้มอย่างเย็นชา

จากนั้นร่างกายหลายสิบร่างก็ปรากฏขึ้นบนสะพาน

'พวกมันคือฮีโร่ตัวท็อปของกิลด์นี้เหรอ?'

ออร่าบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างกายของชายที่เดินนำหน้า

คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน ฮีโร่แต่ละคนดูแข็งแกร่งมาก น่าจะมีฮีโร่ระดับ 6 ดาวอยู่ที่นี่ด้วย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่รู้ว่าพวกแกมาที่นี่ได้ยังไงนะ แต่จะบอกให้นะว่า พวกแกกำลังพบกับหนทางกลับสู่ยมโลก! จัดการพวกมันซะ!”

“เงียบน่า กัปตัน”

“อะไรนะ?”

“ไอ้พวกสวะนี้เป็นแค่ของเล่นของฉัน ดังนั้นอย่าให้ใครแตะต้องพวกมันเด็ดขาด”

ชายผมบลอนด์พูดต่อ

“ฉันคือราชาดาบขาวชูตรา และแก…”

ชูตราหันไปมองรีเจียน

รอยยิ้มที่มั่นใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายคนนั้น

“ฉันได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับดาบปีศาจนั้น วันนี้ฉันจะลบชื่อนั้นทิ้งซะ”

“ดาบปีศาจ?”

รีเจียนยิ้ม

ยังไงก็ตาม

'ราชาดาบขาว'

ฉันเห็นมันในรายงาน

สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านดาบที่ไม่เคยแพ้ใครในการดวลหนึ่งร้อยครั้ง

ว่ากันว่าเหล่าฮีโร่ตั้งฉายาให้เขาว่า 'ราชาดาบขาว' เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

"ตายซะเถอะ! ตำแหน่งนักดาบที่ดีที่สุดของโมเบียสต้องเป็นของฉัน!”

ชูตราเอื้อมมือไปจับฝักดาบ และชักดาบออกมาด้วยความเร็วสูงจนมองไม่ทัน

ทักษะการใช้ดาบที่รวดเร็ว มองเห็นได้เพียงรูปร่าง ถ้าไม่มีจิตวิญญาณแห่งดาบก็คงมองไม่ทันแน่นอน

“ราชาดาบขาว”

"……หา?"

“ฉันขอยืมดาบหน่อย”

รีเจียนปรากฏตัวต่อหน้าชูตรา และคว้าดาบไปจากมือของเขา

ทันใดนั้น แสงดาบก็ส่องประกายวาบ

จากนั้น ลูกเรือ 25 คน

กองกำลังพิทักษ์ 19 นาย ที่เป็นถึงฮีโร่ระดับ 6 ดาว

ฮีโร่ทั้งหมด 47 คน รวมถึงคนอื่น ๆ ถูกรีเจียนจักการและกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อในพริบตา

“……หา?”

ชูตรามองไปยังกองกำลังบนสะพานที่เพิ่งถูกสังหารด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

รีเจียนเก็บดาบของชูตรากลับเข้าฝัก

“มันเป็นดาบที่ดีเลยทีเดียว ไม่ต้องห่วง ฉันใช้มันอย่างระมัดระวังแล้วกันนะ”

“เหอะ”

ชูตราเดินออกจากสะพานไปด้วยสีหน้าสับสน

ยูเน็ตขมวดคิ้ว

“นายให้นายท่านต้องมาเห็นภาพที่นองเลือดแบบนี้ได้ยังไง?”

"ขออภัยด้วยครับนายท่าน"

กัปตันที่ยืนอยู่ด้านหน้ามีสีหน้าสับสนและตกใจเล็กน้อย

'นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันขอให้ปิดการถ่ายทอดสด'

ถ้าภาพนองเลือดแบบนี้ถูกถ่ายทอดออกไป ยอดขายเกมคงตกฮวบแน่ ๆ

ฉันยิ้มและเดินผ่านกัปตันไปโดยไม่แยแสว่าเขามีท่าทีอย่างไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด