บทที่ 29 เจ้าเป็นตัวอะไร?
บทที่ 29 เจ้าเป็นตัวอะไร?
"เจ้า... เจ้า..."
นักพรตโซ่วโถวเคยคุยกับชายหนุ่มในชุดดำมาก่อน เขารู้ดีว่าเบื้องหลังอีกฝ่ายมีภูมิหลังที่น่ากลัวเพียงใด
เหล่าปีศาจจิ้งจอกบนเป้ยหยา(หน้าผา) ทางทิศเหนือ แม้แต่ยายเฒ่าเกล็ดเขียวก็ไม่กล้าแตะต้องโดยง่าย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นเพียงปรมาจารย์ยุทธจากชิงโจวที่เดินทางมาเพียงลำพังเท่านั้น
การก้มหัวให้พวกมันไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย
สิ่งเดียวที่เขาคาดเดาไม่ได้คือ มีคนกล้าไม่ก้มหัว?
"อั๊ก…”
คุณชายอิ๋นฉีมีใบหน้าบิดเบี้ยว เลือดเนื้อที่กลืนไปก่อนหน้านี้ปนกับน้ำลายไหลย้อยออกมา
เขาอดทนต่ออาการชักกระตุก พลิกตัวลุกขึ้นเบิกตากว้างด้วยความโกรธ เสียงหายใจในลำคอค่อยๆ หนักขึ้น เสียงนี้ไม่เหมือนมนุษย์ แต่มันเหมือนสัตว์ป่ามากกว่า
"โฮกกก!"
เขาอ้าปาก เสียงคำรามดังก้องกังวานไปทั่ว
ถ้าอยู่ขอบเขตเริ่มต้นคงพอจะต้านเสียงคำรามนี้ได้บ้าง แต่มือปราบอย่างเฉินจี้ที่มีวิชาเพียงเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะพยายามทรงตัว แต่เขาก็ยังซวนเซจนล้มไปข้างหลังอย่างน่าอนาถ
ส่วนพ่อบ้านตระกูลหลินนั้นช่างน่าสังเวชยิ่งกว่า เขาทรุดตัวล้มลงกับพื้นทันที และสิ่งสกปรกก็เปื้อนกางเกงผ้าไหมของเขาจนเลอะเป็นสีเหลือง!
"จบแล้ว! มันจบแล้ว! ตระกูลหลินจบสิ้นแล้ว!"
เขาคร่ำครวญออกมา พลางแอบมองไปข้างหน้า
เสินอี้ราวกับไม่ได้ยินคำรามนี้ เขาเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ชักดาบยาวสามฉื่อออกจากฝักช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน
เมื่อเทียบกับการชักดาบของเฉินจี้ เขาไม่ได้ทำท่าทางดุร้ายหรือกัดฟันกรอด แต่กลับดูสบายๆ ราวกับเขาเห็นใบไม้ร่วงโปรยปราย แล้วดึงร่มกระดาษออกจากอกช้าๆ เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ทันทีที่เขาชักดาบออกมาจนสุด…
คุณชายอิ๋นฉีกลับหยุดคำรามทันที ความกลัวปรากฏขั้นในแววตา เขาหันหลังวิ่งหนีทันที!
ตอนอยู่ในบ้าน ทันทีที่อีกฝ่ายโจมตี เขาก็รู้สึกถึงออร่าปราณอันมหาศาลได้อย่างเฉียบคม นี่ไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้นอย่างแน่นอน... อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงในขอบเขตเริ่มต้น!
คุณชายอิ๋นฉีใช้ขาออกแรงพร้อมกับก้มตัว เขาพุ่งออกไปไกลหกวาในกระบวนท่าตอนเดียว
ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะหันกลับมามองแม้แต่น้อย!
เมื่อเห็นสภาพที่ดูยับเยินของคุณชายอิ๋นฉี แม้แต่ศิษย์พี่น้องร่วมสำนักวัชระก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
ทั้งๆ ที่อยู่ในขอบเขตเริ่มต้นเหมือนกัน ทำไมเจ้าถึงได้กลัวมากขนาดนี้?
"พวกเขามาจากราชสำนัก เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว"
นักพรตโซ่วโถวพูดประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงแปลกๆ ราวกับว่าเขาเกรงกลัวผู้ช่วยข้างกายของเสินอี้จริงๆ
จางถูหูเหม่อมองศิษย์พี่ของเขา จากนั้นถอนหายใจออกอย่างช้าๆ
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกคนงุนงงคือคุณชายอิ๋นฉีไม่คิดจะหยุด แต่เขากลับยิ่งวิ่งเร็วยิ่งขึ้น
วินาทีต่อมา เสินอี้เคลื่อนไหวร่างอย่างว่องไว สองสามก้าวก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังคุณชายอิ๋นฉีอย่างเงียบเชียบ
ดาบยาวในมือของเขาฟาดลงอย่างฉับพลัน พลังอันรุนแรงและโหดเหี้ยมที่พุ่งเข้าใส่ ทำให้คุณชายอิ๋นฉีรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาแล้วใช้ศอกต้านรับทันที
ฉับ!
ดาบยาวเฉือนลงอย่างรุนแรง มันบดขยี้พลังสีเลือดและสีเทาที่ผสมผสานกัน!
ใบดาบอันคมกริบฉีกผ่านเลือดเนื้อของคุณชายอิ๋นฉีออกราวกับกระดาษ กระดูกข้อศอกที่แข็งแกร่งหักออกด้วยเสียงดัง พลังดาบที่โหดเหี้ยมทะลุผ่านแขน ทิ้งรอยแผลลึกเห็นกระดูกบนแขนของอีกฝ่าย
รอยแผลลากยาวไปถึงไหล่ขวา ส่งเสียงกัดกร่อน ออร่าปราณกัดกินเนื้อหนังรอบๆ กลายเป็นน้ำเหลืองเลือดในพริบตา
ในขณะที่เลือดสาดกระเซ็น ขนสีเหลืองอ่อนงอกออกมาบนใบหน้าของคุณชายอิ๋นฉี ส่งกลิ่นเหม็นสาบของสัตว์ป่าลอยออกมาคละคลุ้ง
ลวดลายสีดำบนขนสีเหลืองอ่อนเผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา
"หนังมนุษย์" ที่สวมอยู่เริ่มฉีกขาด เผยให้เห็นปากกว้างที่เต็มไปด้วยเลือด และแล้วหัวพยัคฆ์ที่น่าหวาดกลัวปนสยดสยองก็ปรากฏตัวขึ้น
คุณชายอิ๋นฉีฝืนความเจ็บปวด สายตาพร่ามัวเต็มไปด้วยเลือด มันวิ่งหนีไปทางด้านข้างอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกับตะโกนด้วยความหวาดกลัวว่า "ไอ้เวรเอ้ย! นางไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"
ปรโยคเหล่านี้ดูเหมือนจะกระแทกจิตใจของนักพรตโซ่วโถว
เขามองเสินอี้ด้วยความตกตะลึง สายตาของเขาดูเหมือนกำลังมองคนตาย
จางถูหูทำเสียงปากจุ๊ๆ มองดูปีศาจพยัคฆ์ที่พุ่งเข้าหาเขา พลางเอื้อมมือไปที่ด้านหลังดึงมีดฆ่าหมูที่เรียบง่ายออกมา ในมือที่ใหญ่โตของเขา มีดฆ่าหมูสีดำสนิทนั้นดูเหมือนกับของเล่นอย่างไรอย่างนั้น
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาใช้สันมีด ยกแขนที่หนาขึ้น ฟาดลงอย่างรุนแรงใส่ฝ่ายตรงข้าม
ด้วยพลังอันโหดเหี้ยม ปีศาจพยัคฆ์ที่ตื่นตระหนกอยู่แล้ว มันไม่ทันตั้งตัว เลยถูกสันมีดกระแทกกลับไปหาเสินอี้ทันที!
มันพยายามคว้าอะไรก็ได้อย่างสิ้นหวัง ในสายตาสีเลือด ใบหน้าที่สะอาดตาปรากฏขึ้น อีกฝ่ายเอียงคอพลางมองมาที่มัน จู่ๆ เขาก็เคลื่อนไหวอย่างเรียบง่ายและเด็ดขาด
เสียงดัง "ฉับ!"
แสงเงินวูบผ่าน…
ร่างกายแยกออกจากกัน ตกลงสู่พื้นทีละส่วนจนฝุ่นผงฟุ้งกระจาย และขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นลำตัวเสือที่แข็งแรงและอ้วนพี
เสินอี้เก็บดาบเข้าฝัก ก้มตัวลงและใช้ห้านิ้วที่เรียวยาวทรงพลังแทงเข้าที่ท้องน้อยของอีกฝ่าย คลำหาอยู่ครู่หนึ่ง ดึงเอาแก่นแท้ปีศาจขนาดเล็กออกมา
【สังหารปีศาจพยัคฆ์ขอบเขตเริ่มต้น อายุขัยรวม 520 ปี เหลือ 132 ปี ดูดซับเสร็จสิ้น】
"เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง?!"
นักพรตโซ่วโถวจ้องมองศิษย์น้องด้วยความโกรธ "ข้าเตือนเจ้าไปกี่ครั้งแล้ว อย่ามาสร้างปัญหาให้ข้า!”
จางถูหูเก็บมีดฆ่าหมู เขาไม่ได้พูดอะไร ดึงหญ้าใบใหม่มาคาบไว้ในปาก จู่ๆ สีหน้าเขก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบถ่มมันออกมา "ถุย! บ้านเจ้าเลี้ยงสุนัขไว้หรือไง? แม่งกลิ่นเหมือนฉี่ เหม็นคาวเต็มปาก… แหวะ!"
"ขอบคุณ”
เสินอี้เก็บแก่นแท้ปีศาจพลางก้มหัว
"ข้าแค่คันมือ เห็นอะไรก็อยากตีเท่านั้น"
จางถูหูหันไปมอง เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
"ไอ้เวร...ไอ้สารเลว..." นักพรตโซ่วโถวถูกเพิกเฉย เขามือสั่นเทาด้วยความโกรธ
เสินอี้หันกลับมามอง สังเกตเห็นดาบในมือของเฉินจี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
"เอ่อ… ข้าน้อยตื่นเต้นนิดหน่อย เลยเอามันออกมาเรียกขวัญตัวเอง”
เฉินจี้ซ่อนดาบไว้ด้านหลัง ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความละอายใจ
อีกฝ่ายต้องฆ่าปีศาจอีกกี่ตัว ถึงจะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ใช่พวกเดียวกับปีศาจ?
แม้แต่เพลิงปริศนาที่ปรากฏออกมาก่อนหน้านี้ ลึกๆ แล้วเขาก็ยังสงสัยตัวเอง? ทำไมถึงไม่พอใจนักพรตผอมแห้งผู้นี้ที่นินทาเสินอี้ด้วย!
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…
เสินอี้พัฒนาฝีมือการต่อสู้เร็วเกินไปแล้ว! นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินจี้ได้เห็นเขาสังหารปีศาจตัวใหญ่ด้วยตาตัวเอง ด้วยการลงมือของเขา ปีศาจพยัคฆ์ตัวนี้ต่อต้านไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!
สิ่งเดียวที่พอจะปลอบใจตัวเองได้คือ เสินอี้ไม่ได้ใช้วิชาดาบปราบปีศาจ
แสดงว่าใต้เท้าเสินน่าจะฝึกฝนวิชาอื่นมาอย่างลับๆ มีแนวโน้มสูงว่าได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากผู้อื่น
"เอาล่ะ เอาศพปีศาจกลับไปที่ศาลาว่าการกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เต็มใจที่จะพูด เสินอี้จึงไม่ได้ซักไซ้
"ขอรับ" เฉินจี้ก้าวเดินอย่างว่องไว
ทันใดนั้น เสียงแหลมคมก็ดังขึ้นจากข้างๆ
"สหายตัวน้อย เขาไม่จำเป็นต้องเพิ่มขวัญให้ตัวเองหรอก เขาใจกล้าขนาดที่เกือบจะใช้ดาบฟันข้า และยังถามข้าว่าเป็นตัวอะไรอีกต่างหาก"
นักพรตโซ่วโถวเดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงเยาะเย้ย
การใส่เสื้อผ้าราชสำนักไม่ได้ทำให้คนหน้าโง่ดูมีเกียรติในสายตาของปรมาจารย์ยุทธหรอก แม้ข้าจะไม่ใช้วิธีสกปรก แค่เบื้องบนของเจ้าก็สามารถกดดันจนเจ้าพูดไม่ออกได้แล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินจี้ชะงักไปชั่วครู่ ความรู้สึกเสียใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
จริงๆ ตอนนี้เรื่องการกำจัดปีศาจก็ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาใหญ่โตเพิ่มเติมเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาจึงก้มหน้าลงพลางลูบใบหน้า เขากำลังคิดว่าจะขอโทษอย่างไรดี แต่กลับได้ยินคำถามที่เรียบเฉยของเสินอี้
"เจ้าพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?"
เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินจี้ก็ตัวแข็งค้่ง เขาตอบอย่างสิ้นหวังว่า "ขอรับ"
นักพรตโซ่วโถวแสยะยิ้มอย่างเย็นชา ยืนนิ่งด้วยท่าทางสบายๆ
เสินอี้พยักหน้า หันหลังกลับแล้วเดินมาหาเขา
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าเองก็ไม่ใช่คนใจแคบ เพียงแต่หัวหน้าเสิน เจ้าควรควบคุมลูกน้องของเจ้าให้ดี..."
นักพรตโซ่วโถวพูดไม่ทันจบ เขาก็เห็นเสินอี้ยืนอยู่ตรงหน้า วางมือบนฝักดาบ
เขาจ้องมองด้วยสายตาที่เรียบเฉย ริมฝีปากบางเผยอ น้ำเสียงมีร่องรอยของการเยาะเย้ยเล็กน้อย
"ดังนั้น"
"เจ้าเป็นตัวอะไร?”