บทที่ 28 คุณชายอิ๋นฉี
บทที่ 28 คุณชายอิ๋นฉี
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อบ้านตระกูลหลินก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ท่านเจ้าเมืองเชิญมา หรือชายหนุ่มต่างถิ่นที่คุณหนูพากลับมา ทุกคนต่างก็รู้จักเสินอี้ผู้นี้?
ล้วนเป็นคนรู้จัก แล้วจะกำจัดปีศาจได้อย่างไร? อย่ามารวมหัวกันกินตระกูลหลินจนหมดสิ้นเลย!
ส่วนเฉินจี้ สีหน้าของเขากลับมืดลงเล็กน้อย
หากจะพูดว่าเมื่อกี้นี้สงสัยอยู่แค่เจ็ดแปดส่วน แต่หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่มในชุดดำ เขาก็สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนแล้วว่าอีกฝ่ายคือปีศาจ เพียงแต่สวมหนังมนุษย์อยู่เท่านั้น
สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก
น้ำเสียงของอีกฝ่าย... เฉินจี้รู้สึกคุ้นเคยมาก ถึงกับปลุกความทรงจำที่ไม่ดีขึ้นมาบ้าง
ปีศาจที่เข้าเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกือบทั้งหมดพูดกับเสินอี้แบบนี้ ขั้นตอนต่อไปคือให้เขาหาอาหารสดให้พวกมัน หรือไม่ก็ไปขโมยบุตรสาวของตระกูลไหนมาก็ได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาเผลอมองไปข้างๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ
บนใบหน้าของเสินอี้ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ปรากฏให้เห็น ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองกับคำพูดของชายหนุ่มในชุดดำแม่แต่น้อย
เขาปล่อยมือลง ยืนนิ่งๆ มองศพของหลิวฉีอย่างเงียบๆ สักพักจึงพูดว่า "ออกไปให้หมดก่อน"
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ พ่อบ้านตระกูลหลินอยากจะตบหน้าตัวเอง เขาพาใครมากันแน่? สถานการณ์ยังไม่วุ่นวายมากพออีกหรือไง!
คนนอกที่เชื่อข่าวลือก็ช่างมันเถอะ ตัวเขาเองทำงานเป็นพ่อบ้านให้ตระกูลหลินมาตั้งหลายปี ทำไมถึงยังคิดอะไรโง่ๆ แบบนี้!
ไม่ดูศาลาว่าการให้ดี นั่นมันศาลาว่าการที่ปราบปีศาจได้จริงๆ หรือยังไง?
พ่อบ้านอ้วนก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้อง เฉินจี้เงียบไม่พูดอะไร มองไปที่เสินอี้อีกครั้ง จากนั้นเขาหันไปดูชายหนุ่มชุดดำ พลางพิจารณาว่าเขาจะโจมตีตอนตนเองถอยออกไปหรือไม่?
เขาถอนหายใจโล่งอก เมื่อชายหนุ่มชุดดำไม่สนใจ "ข้าน้อยขอลา"
ทั้งสองคนเดินออกจากห้อง พอดีกับที่นักพรตโซ่วโถวกับอีกคนยืนอยู่ด้านหน้า เมื่อเขาเห็นท่าทางโกรธเคืองของพ่อบ้าน สีหน้าของนักพรตโซ่วโถวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"เห็นไหมข้าเคยบอกแล้ว ยังไงเขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่ม เขาใจร้อนเกินไป! ได้โชคลาภมาหน่อยก็มองตัวเองไม่ชัด ต้องเสียหน้าก่อนถึงจะยอมหยุด"
"ในหมู่พวกเรา ใครบ้างไม่มีโชคลาภ ใครบ้างไม่ใช่อัจฉริยะ ใครจะโง่เขลาเหมือนเด็กคนนี้?"
"คนโง่ก็คือคนโง่ ไม้ผุแล้วแกะสลักไม่ได้!"
ฟังเสียงหัวเราะเยาะของศิษย์พี่ จางถูหูย่อตัวลงนั่งอย่างเฉื่อยชา เด็ดหญ้าเขียวมาคาบไว้ในปาก เขากลับมามีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม
คำพูดเยาะหยันดังก้องในหูเฉินจี้ เขาจ้องมองอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าผุ้อาวุโสในยุทธภพที่เขาใฝ่ฝัน มันช่างแตกต่างจากที่เขาคิดไว้โดยสิ้นเชิง ถึงกับน่ารังเกียจมากขนาดนี้แทน
ใต้เท้าเสินแม้จะไร้ความสามารถ แต่เขาก็ไปที่หมู่บ้านวัดหลิวลี้เพียงลำพัง สังหารปีศาจได้สิบสามศพ และเงินเดือนเพียงสองเหรียญเงินสี่เหรียญทองแดงเท่านั้น
คนผู้นี้มาที่เมืองไป๋อวิ๋นนานหลายวันแล้ว แต่เขาไม่เคยลงมือสักครั้ง แถมยังอายุมากปากร้าย ใจแคบ เขาสมควรได้รับเงินเดือนหกร้อยเหรียญต่อเดือนงั้นเหรอ?
"ไอ้เด็กน้อย เจ้ามองอะไร?"
นักพรตโซ่วโถวเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาหันหน้าขวับ สายตาเย็นชาช่างน่ากลัว
เขาสามารถอดทนกับเสินอี๋ได้ เพราะอีกฝ่ายอยู่ขอบเขตเริ่มต้นที่เข้าใจเรื่องหลุดพ้นเช่นเดียวกัน แต่เมื่อไหร่ที่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ คนหนึ่งกล้าใช้สายตาแบบนี้มองเขา?
เสื้อคลุมยาวสีดำสนิทขยับโดยไม่ต้องใช้ลม มือที่เหมือนหนังหุ้มกระดูกโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ ห้านิ้วกำเหมือนกรงเล็บนกอินทรี
ออร่าอันรุนแรงพุ่งเข้าใส่เฉินจี้ทันที
เฉินจี้หน้าซีดเผือด เขากัดฟันแน่น
โดยปกติแล้วเขาเข้าใจดีถึงความสำคัญของการอดทน ถ้าเป็นอดีตเขาย่อมไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย ทำได้เพียงก้มหน้าขอโทษเพื่อยุติเรื่องราวเท่านั้น
แต่ตอนนี้มีเพลิงปริศนาพุ่งออกมาจากจิตใจเขา
ฝ่ามือที่วางบนด้ามดาบออกแรงกะทันหัน ใบดาบสีเงินส่องประกายออกจากฝัก ดึงดูดสายตาของทุกคน
"ศาลาว่าการกำลังสืบสวนคดี เมื่อไหร่ที่ผู้เชี่ยวชาญในยุทธภพอย่างเจ้ามาชี้นิ้วสั่ง!"
"ท่านหัวหน้าเสินทำงานให้ราชสำนัก เจ้าเป็นตัวอะไร กล้ามาส่งเสียงดังที่นี่ เงียบปากไปเดี๋ยวนี้!"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นักพรตโซ่วโถวเหมือนถูกฟ้าผ่า เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พูดอ้ำอึ้งว่า "ดี ดี ดีมาก เอาราชสำนักมาข่มขู่ข้า..."
พ่อบ้านตระกูลหลินกลัวตัวสั่น จนเผลอกัดปากตัวเอง
บอกตามตรง คนที่อยู่ในสำนักเหล่านี้เกลียดที่สุดคือถูกแผนกปราบปีศาจกดขี่ ถึงแม้ว่านักพรตโซ่วโถวจะดูเหมือนไม่มีความโกรธ แต่จริงๆ แล้วคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ย่อมมีวันที่ถอดเสื้อคลุมราชสำนักทิ้ง... เขาคิดว่าเสินอี้จะปกป้องเขาได้ตลอดงั้นเหรอ?
มีเพียงจางถูหูที่นั่งอยู่บนพื้นที่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาคายหญ้าออก อ้าปากหัวเราะเสียงดังโดยไม่มีเสียง
ในขณะเดียวกัน สายตาที่มองไปที่ประตูห้องก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
น่าสนใจ น่าสนใจ เขาไม่ชักดาบตอนเผชิญหน้ากับปีศาจ แต่พอศิษย์พี่พูดจาโจมตีสองสามประโยค เขาอดไม่ได้ที่จะชักดาบใส่ผู้ฝึกวิชาขอบเขตเริ่มต้น?
บุคคลแบบไหนกันถึงจะมีบารมีเช่นนี้ต่อหน้าลูกน้อง?
...
เมื่อเทียบกับความวุ่นวายด้านนอก ห้องข้างๆ กลับดูสงบสุข
ชายหนุ่มชุดดำสะบัดข้อมืออย่างเกียจคร้าน เดินไปที่ศพของหลิวฉี ดึงแขนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งออกอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ เคี้ยวช้าๆ อย่างเอร็ดอร่อย
"ที่แท้ก็เป็นเจ้าเอง เดิมทีคิดว่าจะต้องเสียเวลาพูดอีก ประหยัดเวลาข้าไปเยอะ ต่อไปไม่ต้องเกรงใจข้า ข้าเข้าใจกฎดี ต่อไปเรียกข้าว่าคุณชายอิ๋นฉีก็พอ" (寅七爷 คุณชายพยัคฆ์เจ็ด)
เสินอี้มองดูอีกฝ่ายกินอาหารอย่างใจเย็น สีหน้าสงบไม่มีความสุขหรือเศร้า
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาได้เห็นฉากแบบนี้มากมาย
คลื่นอารมณ์เพียงอย่างเดียวในใจของเขา คือหลิวฉีผู้เป็นปรมาจารย์ยุทธตาย และฉากตรงหน้าคือจุดจบของคนที่เอาชนะปีศาจไม่ได้
"ไม่ใช่ว่าคุณชายอิ๋นฉีอย่างข้าเป็นคนพูดนะ นางเคยบอกข้าไว้ว่าถ้ามีอะไรต้องการก็ไปหาเจ้าได้ แต่ข้ารอมาตั้งนานก็ไม่เห็นเจ้ามาหา เลยจำเป็นต้องลงมือเอง"
ชายหนุ่มชุดดำรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย "ต่อไปให้เจ้ามาหาข้าทุกๆ สามวัน เจ้าได้ยินไหม? อย่าขี้เกียจล่ะ ข้าอยู่ไม่กี่เดือนเท่านั้น"
เสินอี้ให้คนอื่นออกไป เพราะเขาต้องการถามคำถามเพียงข้อเดียว "นางอยู่ที่ไหน?"
"ทำไม? คุณชายอิ๋นฉีพูดเจ้าไม่ฟัง ต้องให้นางพูดเองเจ้าถึงจะเชื่องั้นเหรอ?" คุณชายอิ๋นฉีกลืนกินเนื้อและเลือดอย่างตะกละตะกลาม เขาขมวดคิ้วแน่น และก้าวเท้าไปหาอีกฝ่าย
เขายกศีรษะขึ้นจ้องมองเสินอี้ เช็ดคราบเลือดที่มุมปาก พูดอย่างหงุดหงิดว่า "นางออกไปเที่ยวเล่นนานแล้ว กลับไปหามารดาที่เป้ยหยา(เหนือผา) อีกสองวันถึงจะกลับมา ถ้าเจ้าทำให้ท้องของคุณชายอิ๋นฉีหิว เจ้าไม่ต้องรอให้นางมา ข้าจะจัดการเจ้าเอง"
ทันใดนั้น คุณชายอิ๋นฉีก็สังเกตเห็นว่า คิ้วของเสินอี้ขมวดเล็กน้อย... ดูเหมือนเขาจะผิดหวัง พูดให้ชัดเจนก็คือ เหมือนตอนที่เขาขุดโพรงกระต่ายตอนเด็ก คิดว่ามีลูกกระต่ายอยู่เต็ม แต่สุดท้ายกลับเจอแค่ตัวเดียว
ในวินาทีต่อมา อีกฝ่ายหันมามองตา
แววตาคู่นั้นค่อยๆ เย็นชาลง
ไม่รู้ทำไม คุณชายอิ๋นฉีรู้สึกหัวใจเต้นรัว กล้ามเนื้อทั้งตัวตึงเครียด นั่นคือความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณที่ร่างกายรู้สึกเมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย
ตั้งแต่ที่เขาเข้าสู่ขอบเขตเริ่มต้น เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้อีกเลย
"..."
เฉินจี้รู้สึกชาไปทั้งหน้า กำด้ามดาบแน่น
นักพรตโซ่วโถวยืนนิ่งอยู่ตรงข้าม พ่อบ้านตระกูลหลินอยู่ตรงกลาง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขาอยากจะวิ่งหนี
ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วลาน!
ตูม!
ประตูไม้แดงหนาหนักระเบิดออก เศษไม้กระจายเกลื่อน มีเงาดำพุ่งออกมา พ่นเลือดสีแดงสด
พลังมหาศาลพัดพาเงาดำนี้มา หล่นกระแทกพื้นหินจนแตก เงาดำกลิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายรอบ พลังจึงสามารถระบายออกไปได้จนหมดสิ้น
จางถูหูลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พ่อบ้านตระกูลหลินร้องโหยหวน กอดศีรษะพลางนั่งลง
นักพรตโซ่วโถวตัวสั่นเล็กน้อย หันหน้าไปมอง ส่วนเฉินจี้ยืนนิ่งถือดาบอย่างงุนงง ทุกคนมองไปที่ประตูบ้านพร้อมๆ กัน
หลังประตูที่แตก
เสินอี้ปัดฝุ่นที่แขนเสื้อ ใบหน้าไร้อารมณ์ ก้าวเท้าออกมาอย่างใจเย็น