ตอนที่แล้วบทที่ 26 นักพรตโซ่วโถวกับจางถูหู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 28 คุณชายอิ๋นฉี

บทที่ 27 เจ้ามาช้า


บทที่ 27 เจ้ามาช้า

เมื่อถูกนักพรตโซ่วโถวจ้องมอง  เฉินจี้รู้สึกอึดอัดปากแห้งคอแห้งขึ้นมาทันที

เพราะเขาเป็นชายหนุ่มเลือดร้อน เข้าทำงานในศาลาว่าการเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่ใจยังโหยหาชีวิตในยุทธจักร

เมื่อได้พบกับผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพ แม้กระทั่งมือที่จับด้ามดาบก็สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น

ในขณะที่รู้สึกตื่นเต้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนอารมณ์เล็กน้อย

แม้จะอยู่ในศาลาว่าการเหมือนกัน แต่คนระดับผู้อาวุโสยังเรียกใต้เท้าเสินว่า "สหายตัวน้อย"  สำหรับชื่อเสียงในยุทธภพนั้น ล้วนมาจากการต่อสู้ด้วยหมัดจริงๆ

เฉินจี้ส่ายหน้า นึกถึงภาพใต้เท้าเสินที่ร่างกายเปื้อนเลือดนั่งพิงต้นไม้ในทุ่งหญ้า  เบื้องหน้ามีศพที่ยังอุ่น เขารู้สึกว่าทุกอย่างสมเหตุสมผลแล้ว

"ผู้อาวุโสเกรงใจมากไปแล้ว"

เสินอี้กุมมือคำนับตอบ เดินต่อไปข้างหน้า ไม่ต้องการสานต่อบทสนทนาเพื่อชมเชยกันไปมา

 

อย่างไรก็ตาม นักพรตโซ่วโถวกลับพาอีกคนมาขวางไว้ "คนผู้นี้คือศิษย์น้องร่วมสำนักของข้า ฉายาว่า 'จางถูหู(คนแล่เนื้อแซ่จาง)'  เขามาจากชิงโจวเพื่อตามหาข้า เตรียมจะหางานทำในจวนเจ้าเมืองเช่นกัน"

เสินอี้พยักหน้าทักทาย จางถูหูก็พยักหน้าตอบรับเช่นกัน

"ข้ามีธุระ ข้าขอตัวก่อน"

หลังจากพูดจบเสินอี้ก็ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่นักพรตโซ่วโถวก็ขยับตัวเล็กน้อย เขายังคงขวางอยู่ข้างหน้าเช่นเดิม

"...."

เสินอี้มองอย่างใจเย็น

ดังคำกล่าวที่ว่า คนเรามีความฝันที่แตกต่างกัน เขาไม่ได้คิดว่านักพรตโซ่วโถวรับเงินทำงานเป็นเรื่องผิด ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาสวมชุดราชสำนักนี้ แล้วโดนตัดขาดจากยุทธภพ เขาก็อยากจะเข้าร่วมสำนัก ร่ำเรียนวิชา แล้วไปรับใช้ตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลเหมือนกับอีกฝ่ายเช่นกัน

แต่ถ้าอีกฝ่ายรับเงินแล้ว แต่สิ่งที่ทำคือสร้างปัญหาให้เขาโดยเฉพาะ นั่นมันจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

"พวกเรามีสามคนล้วนเป็นผู้หมกมุ่นอยู่กับศาสตร์แห่งการต่อสู้  ทำไมไม่หาที่ดื่มเพื่อสนทนากันสักหน่อยล่ะ?"

นักพรตโซ่วโถวหัวเราะคิกคัก เขายื่นมือไปโอบไหล่เสินอี้ "ข้าอายุมากกว่าเจ้ามาก ขอเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโส เจ้ายังหนุ่มมีไฟแรง เจ้ามานั่งสนทนากับข้าเสียเถอะ ไม่มีอะไรเสียหายหรอก"

แม้แต่เฉินจี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็รู้สึกถึงความอึดอัดในบรรยากาศ

ท่านเจ้าบ้านและพ่อบ้านต่างนิ่งเงียบ ดวงตาของพวกเขาหรี่มอง

พวกเขาไม่เชื่อในความสามารถของเสินอี้มากนัก

แต่เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาไม่เชื่อในการตัดสินของนักพรตโซ่วโถวยิ่งกว่า แต่พ่อค้าจะกล้าตั้งคำถามต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ได้อย่างไร?

หากคนจากศาลาว่าการสามารถจัดการได้ มันย่อมเป็นเรื่องดี แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะขัดขวาง เสินอี้เป็น เพียงเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ เขาจะกล้าทำอะไรต่อหน้าคนโปรดของท่านเจ้าเมืองได้อย่างไร

เสินอี้เงียบไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ เอามือของอีกฝ่ายออกจากไหล่ของเขา ปัดหัวไหล่เบาๆ  "ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของท่าน แต่ข้ายังมีธุระต้องทำในวันนี้ ขออภัย…”

 

ท่าทางของเขาทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที

แววตาของนักพรตโซ่วโถวเต็มไปด้วยความอับอาย ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ

จางถูหูหันศีรษะหนี  หนวดเคราหนาของเขาปิดบังรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก

"ถ้าข้าจำไม่ผิด หัวหน้าเสินเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ดูแลเรื่องปีศาจร้ายในเมืองไป๋อวิ๋นทั้งหมด ข้าบอกแล้วว่าที่นี่ไม่มีปีศาจ มันเป็นแค่คดีฆาตกรรมธรรมดาเท่านั้น ตระกูลหลินไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเจ้า หรือว่าเจ้าไม่เชื่อข้า?"

น้ำเสียงของนักพรตโซ่วโถวเย็นชาลง

เสินอี้เหลือบมองพ่อบ้าน เขาพูดอย่างใจเย็นว่า "นำทาง"

"อ๊ะ... ได้..."

เขาเป็นเพียงพ่อบ้าน ไม่กล้าเข้ายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งนี้ สิ่งเดียวที่เขาตกใจคือ อดีตนักพนันคนหนึ่ง  ตอนนี้สามารถสงบนิ่งต่อหน้า 'นักพรตโซ่วโถว' ได้

ที่เหลือเชื่อที่สุดคือ  'นักพรตโซ่วโถว' ดูเหมือนจะทำอะไรเขาไม่ได้นี่สิ?

 

ชายชราคิดในใจ ถ้ารู้แบบนี้ ท่านเจ้าบ้านไปที่ศาลาว่าการโดยตรงจะดีกว่า ไปรู้ท่านที่คฤหาสน์เจ้าเมืองทำไม...  มันไร้ประโยชน์จริงๆ!

พ่อบ้านความคิดล่องลอย รีบวิ่งไปที่ลานด้านข้างทันที

เมื่อทั้งสามคนหายไปจากสายตา

ท่านเจ้าบ้านกุมมือคำนับไหว้ซ้ำๆ  "ท่านทั้งสอง ข้าขออภัย หัวหน้าเสินก็แค่ทำตามหน้าที่ พวกท่านอย่าถือสาเลยนะ”

นักพรตโซ่วโถวหน้าตึง โบกแขนเสื้อแล้วเดินตามเสินอี้ไป

จางถูหูเดินตามหลัง เขาพูดอย่างสบายๆ  "ศิษย์พี่สนิทกับเขางั้นเหรอ?"

"ไม่เคยเห็นมาก่อน แค่เสียดายคนเก่ง คิดว่าต่อไปจะได้ทำงานใต้บังคับบัญชาของท่านเจ้าเมืองด้วยกัน จะได้ช่วยเหลือกัน ไม่คิดว่าจะเป็นคนโง่ไร้สมอง"

"อย่างนั้นเหรอ ข้ายังนึกว่าศิษย์พี่กลัวเขาจะรู้ว่าพวกเราหวาดกลัวปีศาจ คิดว่าท่านกลัวเสียหน้าซะอีก”

 

นักพรตโซ่วโถวได้ยินคำพูดที่แฝงนัยยะ เขาหันขวับกลับมา ใบหน้าตึงเครียด ใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบลงได้ "เจ้าเพิ่งมาจากชิงโจว คิดว่านี่เป็นแค่เมืองเล็ก เจ้าจะหยิ่งยโสก็ไม่แปลก แต่เจ้าจำไว้ให้ดี น้ำที่นี่ลึกกว่าที่เจ้าคิด"

เขาพูดจบแล้วเดินต่อไป "เจ้าคิดว่าเขาจะต่างอะไรกับเรา เดี๋ยวก็คงหาข้ออ้างออกมาเหมือนพวกเรา"

จางถูหูไม่พูดอะไร เพียงแค่นิ่งเงียบ

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน

เสินอี้และเฉินจี้ตามพ่อบ้านไปที่ห้องนอนด้านข้าง มองดูเขาค่อยๆ เปิดผ้าขาวออก เผยให้เห็นศพที่อยู่ด้านใน

เพียงแค่เห็น ความชื่นชมของเฉินจี้ที่มีต่อนักพรตโซ่วโถวก็เพิ่มขึ้นอีก

นี่มันเป็นความสามารถในการพูดโกหกที่ไร้ยางอาย

บนเตียงนอนมีศพชายร่างกำยำ แขนซ้ายเหลือเพียงครึ่ง หน้าท้องมีรูใหญ่ อวัยวะภายในถูกคว้านจนหมดเกลี้ยง

 

เบ้าตาทั้งสองข้างบนใบหน้าว่างเปล่า ไม่มีจมูก ใบหน้าด้านขวาถูกกัดกินจนเหลือเพียงกระดูก ไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อ

"เมื่อวานยังดีอยู่เลย แค่คืนเดียวเท่านั้น"

พ่อบ้านตระกูลหลินหลับตา ขยี้ใบหน้าแรงๆ พยายามไล่ความเย็นยะเยือกออกจากร่างกาย

เขายังจำได้ว่าตอนที่หลิวฉีมาถึงตระกูลหลินครั้งแรก เขาเป็นคนที่มีความสง่างาม องอาจ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นสภาพนี้

"ไม่มีใครรู้ว่าเขาตายยังไงเหรอ?" เฉินจี้ขมวดคิ้ว

ยอดฝีมือแห่งยุทธภพ ต่อให้ปะทะกับปีศาจร้าย เขาก็ไม่มีทางตายอย่างไร้ร่องรอยแน่ๆ

"คนที่พบเขาไม่ใช่คนของตระกูลหลิน"

พ่อบ้านตระกูลหลินถอนหายใจ เขาอยากพูดแต่ไม่กล้า หันกลับมามองเสินอี้ "ตอนที่ท่านส่งคุณหนูไป๋เว่ยกลับมา หลังจากที่คุณหนูหายดี นิสัยของท่านก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ความทรงจำกลับหายไปมาก  คุณหนูจำญาติหลายคนไม่ได้”

 

พูดถึงตรงนี้ พ่อบ้านทำปากจู๋ "ครึ่งเดือนก่อน คุณหนูบอกว่ามีเพื่อนสนิทที่รู้จักกันข้างนอกจะมาเยี่ยมบ้าน จริงๆแล้วเขาเป็นชายหนุ่ม เรื่องนี้ไม่ควรพูดออกไป คุณหนูยังเป็นสาวบริสุทธิ์ พวกท่านฟังแล้วก็เก็บไว้ซะล่ะ อย่าพูดออกไปให้คุณหนูเสียชื่อเสียง..."

เฉินจี้พยักหน้า

พ่อบ้านพูดต่อ "ท่านเจ้าบ้านสงสารคุณหนู อีกทั้งยังคิดว่าการมีเพื่อนสนิทอยู่ด้วย อาจจะช่วยให้คุณหนูฟื้นฟูความทรงจำได้ จึงให้ชายคนนี้พักอยู่ คุณหนูกับเขาก็สนิทสนมกันมาก พวกเราก็ต้อนรับเขาเหมือนแขกผู้มีเกียรติ”

"ศพของหลิวฉีถูกพบในห้องของเขา... แต่คุณหนูก็ดันไม่อยู่บ้านช่วงนี้..."

"ท่านนักพรตโซ่วโถวคุยกับเขาแล้ว บอกว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง..."

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เสินอี้ก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายในที่สุด

คนของตระกูลหลินมีบุคคลที่สงสัยอยู่แล้ว สาเหตุที่ไปหาท่านนักพรตโซ่วโถว ไม่ได้เพื่อตามหาปีศาจ แต่เพื่อกำจัดปีศาจต่างหาก

"เขาอยู่ที่ไหน?" เฉินจี้ถามโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

"ข้าอยู่ที่นี่"

เสียงพูดที่เกียจคร้านดังมาจากประตู

ชายหนุ่มในชุดดำยืนพิงอยู่ข้างประตู ยื่นมือขึ้นมาหาว บนใบหน้ามีริมฝีปากสีแดงและฟันสีขาว เขาเผยยิ้ม เขี้ยวสองซี่เพิ่มความเย้ยหยันให้กับรอยยิ้ม

เขาเลิกคิ้วพูดว่า "เจ้าคือเสินอี้? เจ้ามาช้าจัง"

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส มองเสินอี้ราวกับคนรับใช้ของเขาเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด