บทที่ 26 : ผู้นำตระกูลเย่ว์ตกตะลึง
บทที่ 26 : ผู้นำตระกูลเย่ว์ตกตะลึง
ตามปกติแล้ว, การที่ข่าวคราวของเย่หวู่ชางได้เเพร่กระจายไปถึงเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเซี่ย มันก็ไม่ควรจะส่งผลอะไรมากนัก
เเต่ในยามนี้, การต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทยาทได้มาถึงช่วงเวลาขัดแย้งถึงขีดสุด….ทุกสิ่งทุกอย่างจะเเตกต่างออกไปอย่างมาก
เเละตามแนวทางปกติในศึกสืบทอดบัลลังก์, ผู้ฝึกตนที่อยู่ในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปแทรกแซงจนกว่าจะถึงช่วงเวลาสำคัญ
ท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกตนในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงแต่ละคนนั้นหายากมาก…..เเถมแต่ละคนยังทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้สามารถทำอะไรก็ได้อย่างอิสระ ความแข็งแกร่งของราชวงศ์ต้าเซี่ยอาจจะลดลงหลายขั้น (ตีกันตายหมด)
เมื่อไม่มีการแทรกแซงจากผู้ฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วง…..ผู้ฝึกตนอาณาจักรปราการสวรรค์จึงกลายเป็นที่โปรดปรานสำหรับเหล่ารัชทายาทโดยธรรมชาติ
ไม่ต้องพูดถึงคนอย่างเย่หวู่ชางที่สามารถสังหารผู้ฝึกตนครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้ด้วยทักษะดาบอันน่าสะพรึงกลัวของเขา
แม้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายดาบสังหารวารีจะสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปบ้างเนื่องจากอายุขัยของเขากำลังจะหมดลง…..หากแต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังมิควรถูกมองข้าม
ดังนั้น, ความจริงที่ว่าเย่หวู่ชางสามารถจัดการอีกฝ่ายได้….นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาเเข็งเเกร่งมากเพียงใด
ด้วยเหตุนี้, เหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงได้เริ่มจัดเตรียมคนมาเจรจาต่อรองกับตระกูลเย่
อย่างไรก็ตาม, ทุกวันนี้ตระกูลเย่ยังคงวางเป็นกลาง…..ซึ่งนี่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งรัชทายาทแต่อย่างใด
แต่น่าเสียดาย, ถึงอย่างนั้นเหล่าองค์ชายทั้งหลายก็ยังคงพยายามเอาชนะใจตระกูลเย่
และนั่นก็มากพอให้เย่หวู่ชางเกือบจะเดาสาเหตุของการมาถึงของผู้นำตระกูลเย่ว์ได้แล้ว
มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอให้ช่วยเหลือองค์ชายสิบสี่ซึ่งเป็นผู้ที่ตระกูลเย่ว์ให้การสนับสนุน…..เพื่อให้ได้บัลลังก์
ยามเขาฟังข้อเรียกร้องของเย่ว์ไห่ ….เย่หวู่ชางก็ยิ้มน้อยๆอยู่ในใจ เเละไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่ายเท่าไหร่
แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมากกว่าองค์ชายคนอื่นๆเพียงเล็กน้อย….แต่น่าเสียดายที่เย่หวู่ชางไม่สนใจในสิ่งเหล่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่าการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์
ยามนี้เขาสนุกกับการเล่นโปกเกอร์กับเย่หวู่ชางและจ้าวชิงเกอมากกว่า
แม้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ในภายภาคหน้าอาจจะต้องการชำระบัญชีกับตระกูลเย่…..แต่ถ้าถึงตอนนั้น, เย่หวู่ชางก็ไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ให้เหล่าราชวงศ์
“ข้าขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของตระกูลเย่ว์….หากแต่ยามนี้ตระกูลเย่ของข้ายังอ่อนแอยิ่งนัก”
“เราจึงไม่ต้องการไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อชิงตำบัลลังก์…..ความตั้งใจขององค์ชายสิบสี่ ข้าซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเย่ย่อมเก็บไว้ในใจ, หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วท่านผู้นำตระกูลเย่ว์โปรดกลับไปเถิด!”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับอันเฉยเมยของเย่หวู่ชาง….แม้แต่เย่ว์ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
“ผู้นำตระกูลเย่ ขออภัยที่ข้าต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา…..แต่ตระกูลในต้าเซี่ยไม่อาจหลุดพ้นจากราชวงศ์, มันคงจะเป็นการดีกว่าที่เจ้าจะไม่ขัดพระบัญชา!”
“แม้ว่ายามนี้ท่านจะวางตัวเป็นกลาง ……เเต่ท่านไม่กลัวรึหากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังค์เเล้วเขาจะไม่หันคมดาบมาใส่ตระกูลท่าน?”
“ในราชวงศ์ต้าเซี่ย คนของราชวงศ์ไม่อาจถูกล่วงเกินได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนเป็นการข่มขู่
ดวงตาของเย่หวู่ชางก็หรี่ลงอย่างไม่ใคร่พอใจนัก
“ท่านผู้นำตระกูลเย่ว์ ท่านกำลังพูดในนามหรือองค์ชายสิบสี่….หรือท่านกำลังจะสอนข้าผู้เป็นผู้นำตระกูลเย่กันแน่”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ บรรยากาศรอบนอกถึงกับเย็นลงในชั่วพริบตา
เเต่ยามนี้เย่ว์ไห่ไม่คิดจะถอยกลับอีกแล้ว, เขาจ้องมองตรงไปที่เย่หวู่ชางด้วยสีหน้าเย็นชา…..ไร้ซึ่งความเคารพแต่อย่างใด
เย่หวู่ชางนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ตระกูลเย่ว์ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแตะต้องได้
เเละในแง่ของความแข็งแกร่งโดยรวม…..ตระกูลเย่ว์นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่านิกายดาบสังหารวารีเสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็เป็นอัจฉริยะ ……เเละในยามนี้เขาอยู่ในระดับอาณาจักรพระราชวังสีม่วง
ในช่วงรุ่งโรจน์ ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับผู้อาวุโสของนิกายดาบสังหารวารี
แม้แต่ในยามเข้าสู่เมืองหลวง, ก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจในราชวงศ์ต้าเซี่ย…..เขาก็ยังมีอำนาจบางอย่างอยู่ในมือ
ดังนั้น, ภายใต้ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ …..เขาย่อมโกรธเคืองกับท่าทีหยิ่งผยองของเย่หวู่ชาง เเละไม่คิดสำรวมกิริยาอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าเย่ว์ไห่กล้าท้าทายเขา, ร่องรอยของการเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่หวู่ชาง
โดยไม่มีการลังเลอีกตค, เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ว์ไห่
บูมมมมมม!
ทันใดนั้น, เย่ว์ไห่ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังระเบิด เเละหนังศีรษะของเขาก็รู้สึกด้านชาทันที
ดวงตาของเย่หวู่ชางทำให้เขารู้สึกถึงสัตว์ร้ายที่ดุร้ายในสมัยโบราณ
ดูเหมือนว่าด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเพียงเท่านี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เผชิญหน้ากับกลิ่นอายเเห่งความตาย
เเต่เขายังไม่เชื่อและต้องการพยายามขัดขืน
อย่างไรก็ตาม, ในยามนี้เจตนาดาบอันน่าสะพรึงกลัวก็ลอยวูบวาบผ่านดวงตาของเย่หวู่ชาง
อึก!
โดยไม่มีเวลาตอบสนอง เย่ว์ไห่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
ครู่ต่อมา, ดวงตาของเขาก็เลื่อนลอย ใบหน้าของเขาซีดเผือด, เเละมีเลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก
หากแต่เขาเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บของตนเองอย่างสิ้นเชิง และจ้องมองไปที่เย่หวู่ชางอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเอง
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความแข็งแกร่งของเย่หวู่ชางจะน่ากลัวถึงเพียงนี้
ในช่วงเวลาที่เจตนาดาบของเย่หวู่ชางปรากฏขึ้น…..เขารู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม
เเละเมื่อมองดูดวงตาอันเย็นชาของเย่หวู่ชาง เย่ว์ไห่ก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขาเริ่มติดขัด
เขาไม่สงสัยเลยว่าหากเขาไม่ใช่ลุงของเย่ว์รู่ชวง….ป่านนี้เขาคงได้ตายไปแล้ว
ยามนี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
นี่เขาทำอะไรลงไป?.....เขากล้าที่จะกระตุกหนวดอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร!
ในเวลาเดียวกัน, ทันทีที่เย่หวู่ชางเปิดเผยเจตนาดาบของตน….ชายวัยกลางคนที่เดินออกมาข้างนอกก็หยุดกะทันหันและมองไปยังทิศทางของเย่หวู่ชาง พร้อมพึมพำออกมา
“น่าสนใจ, สถานที่ห่างไกลเช่นนี้กลับซ่อนพญามังกรเอาไว้…..เจตนาดาบขั้นที่สามระดับสูงสุด, ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
เจตนาขอดาบขั้นที่สามนั้นหายากมาก แม้แต่ในสถานที่อย่างเมืองโบราณชางหยวนเองก็เช่นกัน
สังเกตได้จากการฝึกฝนของมู่ซีเหยา…..เเม้เเต่อัจฉริยะชั้นยอดอย่างนางก็บรรลุได้เพียงเจตนาดาบขั้นที่สองเท่านั้น
……..
ในห้องโถงด้านใน
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเงียบ ไปสักพัก….ในที่สุดเย่ว์ไห่ก็เป็นคนแรกที่ทำลายบรรยากาศนี้
เขาเปลี่ยนทัศนคติก่อนหน้าพลางพูดว่า
"เรื่องวันนี้เป็นการตัดสินใจของข้าเเต่เพียงผู้เดียว…..ข้าหวังว่าผู้นำตระกูลเย่จะยังคงไว้ไมตรีต่อตระกูลเย่ว์!"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้, ความตึงเครียดของเย่หวู่ชางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ท้ายที่สุดแล้ว คนผู้นี้ก็เป็นลุงของเย่ว์รู่ชวง…..เว้นเสียงแต่เย่ว์รู่ชวงและตระกูลเย่แตกหักกัน, ไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่เขาจะหักสัมพันธ์กับตระกูลเย่ว์
ยิ่งไปกว่านั้น, มารดาของเย่ว์รู่ชวงยังคงอยู่กับตระกูลเย่ว์
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาพยักหน้าและพูดว่า "ไม่เป็นไร, ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ผู้นำตระกูลเย่ว์สติไม่สมบูรณ์พร้อมนัก เราจะหารือเรื่องนี้กันอีกทีภายหลังดีหรือไม่?"
นี่เป็นการปฏิเสธเย่ว์อย่างไม่สุภาพ……แต่ ณ จุดนี้ เย่ว์ไห่ไม่กล้าโกรธเคืองอีกต่อไป
เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และทั้งสองฝ่ายก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ไม่นานหลังจากนั้น เย่ว์รู่ชวงก็ส่งคนมาเชิญพวกเขา
เมื่อเห็นดังนั้น, พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลักโดยทันที
……………………….