บทที่ 14 ความลับของตำราวายุและอัสนี
บทที่ 14 ความลับของตำราวายุและอัสนี
คืนนั้นเสินอี้นอนไม่หลับ
เขาพลิกตัวไปมา พยายามอดทนจนกระทั่งฟ้าสาง
แม้จะรู้ว่าหลินไป๋เว่ยถูกปีศาจสุนัขจิ้งจอกปิดกั้นจุดสำคัญทั่วร่างกาย ไม่ต้องพูดถึงการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ แม้แต่ร่างเก่าที่ดื่มสุราเป็นประจำก็สามารถสังหารนางได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกอดดาบไว้ใต้แขน ทำให้สามารถชักดาบออกมาต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
แต่เขาก็ยังไม่คุ้นเคยกับการที่มีคนนอนอยู่ข้างหลังอยู่ดี
อีกอย่าง เสินอี้ไม่เชื่อจริงๆ ว่าหลินไป๋เว่ยพูดจาไปเรื่อยในเรื่องที่เกี่ยวกับวิชา แต่เขาแน่ใจว่านางน่าจะมีศาสตร์การต่อสู้จริงๆ อย่างน้อยสองสามอย่าง
ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมพูดความจริง
เสินอี้หลับตาลงแกล้งทำเป็นหลับ แต่ในใจกลับคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ ว่าถ้าเขาใช้กำลังขู่หรือว่าเอาอาหารไปแลก เขาจะได้อะไรมาบ้างไหม?
ถ้าเป็นความคิดของร่างเดิม เขาคงช่วยทางการปิดบังเรื่องความวุ่นวายของปีศาจ และทำเพียงแค่หลอกล่อแผนกปราบปีศาจให้ผ่านไป แล้วปีศาจสุนัขจิ้งจอกก็จะเข้ามาแทนที่ตัวตนของบุตรสาวตระกูลหลินอย่างสมบูรณ์ ส่วนผู้หญิงคนนี้ ร่างเดิมคงจะจัดการอย่างตามใจชอบ
แต่เสินอี้ทำไม่ได้
เขาต้องการเข้าร่วมแผนกปราบปีศาจ เมื่อความสัมพันธ์ของเขากับปีศาจสุนัขจิ้งจอกถูกเปิดเผย เขาจะรู้สึกเหมือนตกลงไปในโคลน และเขาจะไม่สามารถล้างมันออกได้ แม้ว่าเขาจะกระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ตาม
ชายหนุ่มผู้เป็นวีรบุรุษ กลับถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยคดีใหญ่หลวง ช่างน่าสงสารเสียจริง!
เสินอี้คิดไปคิดมา วิธีแก้ไขตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวคือฆ่าหลินไป๋เว่ย นำไปฝังที่ไหนสักแห่ง แม้ว่าแผนกปราบปีศาจจะค้นพบอะไร เขาก็จะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อ้างว่าตัวเองถูกหลอกลวงโดยปีศาจสุนัขจิ้งจอก
ยังไงซะ คนตายก็พูดไม่ได้ แถมยังมีโอกาสหลอกถามวิชาอีกด้วย
“……”
ปลายนิ้วเขาลูบไล้ไปมาบนฝักดาบ แล้วค่อยๆ จับมันเบาๆ
เสินอี้ลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ ดวงตาของเขาแดงก่ำจากการอดนอน เขาลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ
เมื่อได้ยินเสียง หลินไป๋เว่ยที่นอนอยู่ปลายเตียงก็ลืมตาขึ้นงัวเงีย เช็ดน้ำลายที่มุมปาก "ฟ้าสว่างแล้วหรือ?"
เสินอี้เหลือบมอง แล้วย่างเท้าออกจากห้องไปเฉยๆ
เมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารที่พยายามปกปิดไว้ในสายตาที่เฉยชา หลินไป๋เว่ยก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที นางอ้ำอึ้งพูดว่า "เอ่อ ข้าก็ไม่ได้กรนนะ ทำไมเจ้าตื่นมาอารมณ์เสียล่ะ"
ประมาณหนึ่งถ้วยชาต่อมา
เสิ่นอี้คาบแป้งทอด ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู โยนห่อกระดาษน้ำมันเข้ามาโดยสีหน้าเรียบเฉย
หลินไป๋เว่ยฉีกออกดู เป็นซาลาเปาร้อนๆ หลายชิ้น
นางเผลอกลืนน้ำลาย สองตาเป็นประกาย ฟันขาวเรียบๆ ของนางกัดลงไปทันที เคี้ยวไปพลางพูดไปว่า "ทำไม...ไม่มีเนื้อ..."
เสินอี้หยิบเสื้อนอกที่สะอาดมาตัวหนึ่ง มองนางด้วยสายตาขุ่นเคือง "ที่มีเนื้อเรียกว่าโหรวเจียหมัว เจ้าไม่มีเงิน เจ้ากินแบบนี้ไปก่อนก็แล้วกัน"
(โหรวเจียหมัว คืออาหารข้างถนนที่มีต้นกำเนิดมาจากอาหารของมณฑลฉ่านซี และรับประทานกันอย่างกว้างขวางทั่วทั้งประเทศจีน ในสหรัฐบางครั้งเรียก "แฮมเบอร์เกอร์จีน")
แม้จะรวมทั้งสองชาติ เขาก็ไม่เคยฆ่าใครมาก่อน
แต่ไม่ได้หมายความว่าเสินอี้ไม่กล้าลงมือ เขาล้มลุกคลุกคลานกับปีศาจมาแล้ว มนุษย์ที่อ่อนแอกว่านั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เขาแค่รู้สึกว่าการฆ่าคนแบบนั้นมันดูไร้เหตุผล ทำให้เขาดูโง่เง่า
แน่นอนว่า วิธีแก้ไขก็ไม่ได้มีแค่วิธีเดียว
แค่เขาสามารถจัดการปีศาจสุนัขจิ้งจอกจากตระกูลหลินได้ก่อนแผนกปราบปีศาจรู้ ก็ถือว่าทุกอย่างเรียบร้อย
ส่วนผู้หญิงตรงหน้า เขาก็ไม่อยากเห็นหน้าให้รกตา
เสินอี้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้อง
เมื่อเสียงฝีเท้าของเขาเดินจากไป หลินไป๋เว่ยหยุดเคี้ยวอาหาร มองออกไปนอกประตูอย่างครุ่นคิด ท่าทางของนางดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
นางรู้ดีว่าเมื่อถึงระดับของเสินอี้ ความปรารถนาที่จะไปถึงขอบเขตนั้นช่างน่ากลัวเพียงใด
แม้จะโดนเอาคมดาบจ่อคอ แต่หลินไป๋เว่ยก็ไม่มีทางเปิดเผยอะไร
นี่คือกฎที่ถูกกำหนดเอาไว้
หากฝ่าฝืน คนที่ข่มขู่ก็คงสิ้นชีวิต ส่วนตัวนางเองก็คงไม่จบด้วยดี
“ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังอดทนได้ ความอดทนนี่เกือบจะเทียบเท่าข้าเลยนะ”
หลินไป๋เว่ยดมกลิ่นหอมของซาลาเปา เลียริมฝีปาก กัดมันลงไปอีกคำ
……
ถนนสายตะวันออก เมืองไป๋อวิ๋น
เสินอี้ชะลอฝีเท้า เรียกแผงระบบออกมา
【ศาสตร์การต่อสู้ในปัจจุบัน】
ทักษะทะลวงกระดูก (ระดับสูง)
ทักษะดาบปราบปีศาจ (สมบูรณ์แบบ): ขอบเขตเริ่มต้น ทักษะดาบสุริยันสังหารปีศาจ
หมัดทะยานไล่เมฆา (สมบูรณ์แบบ): เชี่ยวชาญหมัดและฝ่ามือ
แปดก้าวอสรพิษวิญญาณ (สมบูรณ์แบบ)
ตำราล้ำค่าวายุและอัสนีส่วนต้น (สมบูรณ์แบบ)
[อายุขัยที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน: ยี่สิบเจ็ดปี]
[อายุขัยปีศาจที่เหลือ: สองร้อยยี่สิบสองปี]
……
เขาเลือกนั่งลงในตรอกซอยที่ไม่มีผู้คน
เสิ่นอี้ถ่ายโอนอายุขัยของปีศาจลงในตำราล้ำค่าวายุและอัสนีส่วนต้นอย่างคล่องแคล่ว
วิชาการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบแล้ว การลงทุนต่อไปนั้น ไม่รู้ว่าจะได้ผลตอบแทนหรือไม่?
เพียงแค่ทักษะดาบสุริยันสังหารปีศาจแตะขอบเขตเริ่มต้น มันให้อายุขัยอีกยี่สิบเจ็ดปี
และสิ่งที่เสินอี้ต้องการตอนนี้คือ...พยายามให้ตำราวายุและอัสนีถึงขอบเขตเริ่มต้น!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่สนว่าจะต้องใช้อายุขัยไปอีกแค่ไหน!
[ปีแรก โฮสต์จ้องมองตำราวายุและอัสนีที่คุ้นเคย เริ่มย้อนนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา... ]
[ปีที่ห้า ไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบหรือหมัด โฮสต์ก็เชี่ยวชาญจนถึงขีดสุด ร่างกายของโฮสต์ถูกชำระล้างด้วยพลังงานจากสวรรค์และปฐพี แต่ประสบการณ์ทั้งหมดในครึ่งชีวิตแรก กลับสูญเสียประสิทธิภาพไปในตอนนี้]
[ปีที่ยี่สิบ โฮสต์ปิดด่านบ่มเพาะ สัมผัสถึงพลังแห่งสวรรค์และปฐพี พยายามสัมผัสสิ่งที่ทำให้คุณโหยหา]
[ปีที่สามสิบเจ็ด ตำราวายุและอัสนีคือวิธีการกลั่นยา ใช้พลังงานแก่นแท้กลั่นตัวโฮสต์เอง โฮสต์เริ่มคิดได้ว่าสิ่งต่างๆ ในยา และสิ่งต่างๆ ในโลก ดูเหมือนพวกมันจะไม่แตกต่างกัน โฮสต์รู้สึกเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง]
……
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาปีแล้วปีเล่า
เสินอี้ไม่สามารถเข้าใจความทุกข์ทรมานจากการที่เวลาผ่านไป แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
เพียงแค่เขาคิดลองสวมบทบาทเป็นตัวละคร เขาก็รู้สึกขนลุก
[ปีที่หกสิบ โฮสต์คุ้นเคยกับพลังแห่งสวรรค์และปฐพีราวกับเพื่อนเก่าแก่ แต่โฮสต์ไม่สามารถทำให้พลังเหล่านั้นกลมกลืนกับร่างกายของได้ โฮสต์ได้มองไปที่ดาบข้างกาย]
[ปีที่แปดสิบสอง โฮสต์ใช้ทักษะดาบสุริยันสังหารปีศาจนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่โฮสต์ใช้พลัง เลือดหนังและพลังชีวิตของโฮสต์ก็ถูกสูบไปทีละน้อย ร่างกายที่ผ่านการชำระล้างด้วยพลังแก่นแทัในอดีต เริ่มเสื่อมโทรมลงจากการใช้พลังแก่นแท้ของตัวเองมาหลายปี]
【ปีที่เก้าสิบ โฮสต์ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนตัวเองให้กลับมาเป็นคนธรรมดา แต่โฮสต์ก็ยังไม่ยอมวางดาบ】
[ปีที่หนึ่งร้อยห้า เลือดเนื้อของโฮสต์เหี่ยวแห้ง ไม่มีสิ่งใดให้โฮสต์แปลงเป็นพลังงานอีกต่อไป โฮสต์ฟาดฟันทักษะดาบสุริยันสังหารปีศาจที่คุ้นเคย ล้มลงกับพื้น มือที่สั่นเทาทำให้โฮสต์ไม่เชื่อสายตาตัวเอง โฮสต์หลับตาลง]
【ปีที่หนึ่งร้อยหก จนกระทั่งสายลมเย็นยะเยือกไหลผ่านผิวหนัง รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าที่ตึงเครียดของโฮสต์ในที่สุด โฮสต์รู้ตัวแล้วว่า ตัวเองเดาถูก】
【ปีที่หนึ่งร้อยยี่สิบ ความคิดของโฮสต์ถูกต้องแล้ว ในเมื่อไม่สามารถเข้าใจได้ ก็ปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะใกล้ตาย ใช้สัญชาตญาณในการดูดพลังจากสวรรค์และปฐพี หลายปีมานี้ โฮสต์ทำซ้ำพฤติกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง และคุ้นเคยกับวิธีการดึงพลังแก่นแท้เข้าสู่ร่างกายมากขึ้น】
【ปีที่หนึ่งร้อยสี่สิบหก ในที่สุดเจ้าก็พัฒนาขั้นตอนทั้งหมดให้สมบูรณ์แบบ และบันทึกไว้ในตำรา เรียกว่า "ตำราวายุอัสนีพิชิตปีศาจ"】
【อายุขัยปีศาจที่เหลือ: เจ็ดสิบหกปี】
……
เสินอี้กัดฟันแน่น ความรู้สึกอ่อนแรงอย่างกะทันหันก็แล่นเข้าสู่ร่างกาย
เขาใช้มือยันพื้นไว้ ลมหายใจติดขัดและอ่อนแรง
แต่ข้อมูลที่ปรากฏในหัวของเขา ทำให้เสินอี้ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเลย แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เพียงแค่ชีวิตของปีศาจวานรสามตัว แลกกับวิธีการเข้าถึงขอบเขตเหนือธรรมชาติ
แถมอายุขัยยังใช้ไม่หมด มันคือกำไร...กำไรมหาศาล!
“ตำราวายุอัสนีพิชิตปีศาจ” ที่ใช้อายุขัยแลกมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี จริงๆ แล้วไม่ได้ลึกลับซับซ้อน
ร่างกายมนุษย์มีจุดฝังเข็มทั้งหมด 362 จุด
มีเพียงสิบสองจุดใหญ่เท่านั้นที่เหมาะสมสำหรับการดูดซับพลังแก่นแท้สวรรค์และปฐพี พร้อมกับเก็บสะสมไว้
และในแง่ของการฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ สิ่งที่เขาทำคือใช้วิธีที่โง่เขลางี่เง่าที่สุด หาสิบสองจุดนี้ให้เจอ และฝึกฝนวิธีการกลั่นพลังแก่นแท้สวรรค์และปฐพีผ่านจุดเหล่านี้