บทที่ 11 ดาบสุริยันสังหารปีศาจ…ขอบเขตเริ่มต้น
บทที่ 11 ดาบสุริยันสังหารปีศาจ…ขอบเขตเริ่มต้น
(ในตอนแรก แปลผิดครับ ปีศาจเตียวที่เสินอี้ฆ่า คือปีศาจสุนัขขนเหลือง เพราะฉะนั้นราชาเตียวขนเหลือง จะเปลี่ยนเป็นราชาสุนัขขนเหลืองแทนนะครับ)
"วันนี้ตั้งใจจะมาดูเจ้าสาวที่เจ้าหาให้พวกเรา แต่ข้าดันได้กลิ่นพวกหมาขี้แพ้ เลยเข้ามาดูหน่อย"
"ไม่ต้องห่วง พวกเราพอใจกับผลงานของเจ้ามาก"
ลิงเฒ่าเหลือบมองเสินอี้ จากนั้นก็เอาหัวลิงไปใกล้หน้าของซ่งฉางเฟิง "แต่ตำแหน่งของเจ้าต่ำไป ทำงานยังต้องถูกไอ้คนไร้ค่าสั่งนู่นนี่นั่น ช่างน่าเบื่อหน่าย วันนี้ข้าจะจัดการมันให้ ช่วยให้น้องชายเสินได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีก"
"ข้าไม่ได้ฆ่าปีศาจสุนัขขนเหลือง..." ซ่งฉางเฟิงเบิกตากว้าง ดวงตากลมโตจนแทบจะหลุดออกจากเบ้า ส่งเสียงกรีดร้อง "ข้าจะลาออกจาก...อย่าฆ่าข้า...เสินอี้! ข้าไม่เคยทำอะไรเจ้าเลย! เจ้าบอกมันที!"
เมื่อเห็นท่าทางของเขา ปีศาจวานรทั้งสามตัวก็หัวเราะเสียงดัง
เสียงหัวเราะทั้งแหลมคมและน่ารำคาญ ทำให้เสินอี้รู้สึกหงุดหงิด น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาขึ้น "ปล่อยเขาไป"
ทันใดนั้น ใบหน้าของลิงเฒ่าก็เปลี่ยนสี
แม้มันจะเรียกเสินอี้ว่าน้องชาย แต่ก็เป็นการเรียกแบบล้อเลียน ในสายตาของพวกมัน เสินอี้ก็เป็นแค่ขี้ข้าที่ดูฉลาดและเชื่อฟังเท่านั้น
ไม่เช่นนั้นมันคงไม่เตรียมการต้อนรับแบบนี้หรอก
เมื่อไหร่ถึงตาไอ้ขี้ข้ามาสั่งการที่นี่?
ลิงเฒ่ายิ้มเหยียด เผยให้เห็นเขี้ยวสีเหลืองอ่อน มันเก็บความโกรธเอาไว้ มองดูอย่างสนใจ "ถ้าปล่อยมันไป ข้าจะได้อะไร?"
แม้จะไม่ได้คิดจะปล่อยซ่งฉางเฟิงจริงๆ แต่มันก็ยังสงสัยไอ้หน้ามนุษย์แต่ใจสัตว์อย่างเสินอี้
มันอยากรู้ว่าวันนี้มันกำลังเล่นละครอะไรอยู่?
เมื่อได้ยินคำถาม เสินอี้ก็ขมวดคิ้วมองหน้าลิงเฒ่า นิ่งคิดอยู่นาน จู่ๆ คิ้วก็คลายออก ราวกับเงื่อนไขที่จะเสนอ อีกฝ่ายย่อมไม่อาจปฏิเสธ
"ปล่อยเขาไป เจ้าจะได้ตายอย่างสบายขึ้น"
ทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องก็เงียบลง
ดวงตาของลิงเฒ่าเริ่มปรากฏจิตสังหาร "น่าสนใจ ถ้าข้าไม่ปล่อยล่ะ?"
เสินอี้เงยหน้าขึ้น พูดอย่างจริงจัง "ข้าจะเฉือนเจ้าจนเหลือแต่โครงกระดูก"
ก่อนที่ปีศาจวานรจะทันตั้งตัว ซ่งฉางเฟิงก็กลัวจนตาเบิกกว้าง เกือบจะกัดฟันจนแตก
เขาเริ่มเข้าใจแล้ว ว่าวันนี้คนแซ่เสินไม่คิดจะปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่!
จะเฉือนจนเหลือแต่กระดูก? ตกลงใครจะเฉือนใครกันแน่?
ปีศาจวานรที่ภูเขาตะวันออกไม่เหมือนปีศาจสุนัขขนเหลืองที่ชานเมืองตะวันตก ปีศาจสุนัขขนเหลืองมีลูกมากมาย หลากหลายสายพันธุ์ บางตัวก็อ่อนแอ บางตัวก็แข็งแกร่ง
แต่ถ้าเป็นปีศาจวานร พวกมันมีแค่ห้าตัวตั้งแต่แรก
ยกเว้นตัวแรกสุดที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่มานานแค่ไหน มันไม่เคยปรากฏตัวมานานแล้ว
ที่เหลือพี่น้องอีกสี่ต้ว ล้วนเป็นปีศาจที่ทรงพลัง
เอาง่ายๆ ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้ แต่พวกมันสามารถต่อสู้กับราชาสุนัขขนเหลืองได้อย่างสูสี
และตอนนี้ สามในสี่พี่น้องมาอยู่ตรงนี้แล้ว!
แน่นอน หลังจากได้ยินคำพูดของเสินอี้ แววตาของลิงเฒ่าในชุดขงจื๊อก็โหดเหี้ยมขึ้น
มันไม่ได้พูดเยาะเย้ย หรือแผดเสียงคำรามเพื่อข่มขู่ศัตรู
ลิงเฒ่าเพียงแค่ค่อยๆ เพิ่มแรงกดในมือ เล็บแหลมคมจิ้มเข้าที่เนื้อบนหน้าผากของซ่งฉางเฟิง บีบศีรษะของเขาจนดังเอี๊ยดอ๊าด ราวกับว่าจะระเบิดออกเหมือนแตงโมสุกในชั่วพริบตา
มันมองเสินอี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเฉยเมย หวังว่าศีรษะนี้จะสอนวิธีพูดให้กับอีกฝ่าย
ทันใดนั้น ลิงเฒ่าก็เผยให้เห็นความสงสัยในดวงตา และต่อจากนั้น ความสงสัยก็กลายเป็นความโกรธเกรี้ยว!
มันเห็นเสินอี้ไม่สนใจการกระทำของมันเลย แต่กลับหันหลังเดินไปที่ประตู ยืนอยู่หน้าปีศาจวานรสองตัวที่กำลังงุนงง
เสินอี้ยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง และเลือกตัวที่พังประตูเพื่อฆ่าคน
จากนั้น เสินอี้ก็ยกมือขึ้น ในเสี้ยววินาทีที่ปีศาจวานรไม่ทันตั้งตัว หมัดของเขาชกที่ท้ายทอยของมันอย่างรุนแรง!
พลังอันมหาศาลจากกำปั้นของเสินอี้ ทำให้ปีศาจวานรล้มลงกับพื้น ใบหน้าของมันจมลงไปในอิฐที่แตกสลาย
ปีศาจวานรอีกตัวในที่สุดก็รู้สึกตัวขึ้น มันร้องเสียงแหลม แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด แต่มันก็ยังไม่สูญเสียสติ
แขนที่ยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป วาดเป็นวงกลมในอากาศ กำหมัดที่ปกคลุมด้วยขนสีดำ ราวกับลูกตุ้มหนักพันจิน ทุบไปที่กระดูกสันหลังของชายหนุ่ม!
นี่ไม่ใช่การโจมตีแบบสัญชาตญาณอีกต่อไป แต่มันเป็นทักษะต่อสู้ที่ชำนาญมาก
แขนซ้ายของมันเตรียมพร้อมที่จะโจมตีครั้งต่อไป เพื่อตัดสินชีวิตของอีกฝ่ายหลังจากหักกระดูกสันหลัง
“……”
เสินอี้ก้มตัวกดลงกระแทกท้ายทอยของปีศาจวานรที่อยู่บนพื้นจนมันตาย ในวินาทีที่กรงเล็บกำลังจะทิ่มลงมา มืออีกข้างก็ปัดป้องออกไปอย่างสบายๆ
กรงเล็บที่ปกคลุมด้วยขนสีดำนั้นสามารถทุบกระดูกสันหลังได้อย่างสบาย แต่กลับถูกตวัดออกอย่างง่ายๆ เมื่อมันกระทบกับแขนของเขา พลังมหาศาลของกรงเล็บนั้นพังทลายลงทันที
ต่อจากนั้น เสินอี้ก็ใช้ห้านิ้วเรียวยาวจับที่ลำคอของมัน เขาออกแรงเพียงเล็กน้อย กระดูกสันหลังของมันก็หัก
ทั้งหมดที่กล่าวมา เขาไม่ได้หันกลับไปมองแม้แต่น้อย
จากนั้นเขาค่อยหันไป สายตาที่เย็นชาจ้องไปที่ปีศาจวานรที่อยู่ในมือของเขา ทุกครั้งที่มันดิ้นรน เขาก็เพิ่มแรงบีบบนมือมากขึ้น
"อั๊ก!!"
การเคลื่อนไหวของลิงเฒ่าในชุดขงจื๊อหยุดชะงัก มันไม่เข้าใจว่าทำไมคนผู้หนึ่งที่คุ้นเคย ถึงได้ทำอะไรที่เกินความคาดหมายของมันไปหมด
การตายของพี่น้องทำให้มันสติแตก
มันเผลอคิดจะใช้ซ่งฉางเฟิงในมือเพื่อสั่งให้หยุด แต่ก่อนที่จะพูดอะไร มันก็จ้องไปที่ใบหน้าของเสิ่นอี้ที่ไม่มีอารมณ์ใดๆ และมันก็รู้ตัวขึ้นมาทันที
ในมือของอีกฝ่ายคือพี่น้องของมัน และในมือของมัน...เกี่ยวอะไรกับเสินอี้
มันโกรธจัด เตะซ่งฉางเฟิงลอยขึ้นไปกลางอากาศ กระโดดข้ามโต๊ะไปพร้อมกับตะโกนว่า "หยุดนะ!"
เสียงกรีดร้องและเสียงระเบิดของศีรษะดังขึ้นพร้อมกัน
เสินอี้ดึงมือกลับ เช็ดคราบเหนียวสีแดงและสีขาวที่ปลายนิ้วอย่างเยือกเย็น
เขาหันไปมองเงาที่พุ่งเข้ามาจากกลางอากาศ วางมือบนด้ามดาบที่เอวอย่างเรียบเฉย เขากำลังจะชักดาบ แต่ทว่าการเคลื่อนไหวของเขาก็ช้าลงอย่างกะทันหัน
ในดวงตาสีเลือดของลิงเฒ่าในชุดขงจื๊อ หมอกควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมา และในทันใดนั้น หมอกควันสีดำก็พุ่งออกมาจากเส้นขนของมัน กลายเป็นโซ่ตรวนในพริบตา
โซ่ตรวนหมอกดำปล่อยพลังเย็นยะเยือกออกมา มันเหมือนมังกรที่กำลังพลิกตัว พุ่งเข้าหาเสินอี้!
"...."
เสินอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสิ่งเหมือนเวทมนตร์คาถา
พลังเย็นยะเยือกนั้นหนาวจนถึงกระดูก ราวกับจะแช่แข็งเขาทั้งตัว และดูเหมือนจะมีผลต่อจิตใจ
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากฝึกฝนร่างกายจนสมบูรณ์แบบแล้ว จะไม่มีอะไรในโลกแห่งความเป็นจริงที่สามารถคุกคามเขาได้ เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังที่เหนือกว่าในปีศาจวานรทั้งสามตัวนี้
แต่ ณ ตอนนี้ เขารู้สึกถึงความยุ่งยาก
ในความคิดของเขา ความเร็วในการชักดาบของเขาเปลี่ยนไป ไม่ได้รวดเร็วและว่องไวเหมือนแต่ก่อน มันช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ลมปราณในร่างกายพลุ่งพล่าน เสินอี้รู้สึกถึงความร้อนระอุผ่านผิวหนัง
ใบดาบเลื่อนออกจากฝักทีละนิ้ว หมอกสีแดงอ่อนเกาะบนใบมีด มันไหลรินเหมือนเลือด
ทันใดนั้น ใบดาบก็ฟาดผ่านอากาศ!
ลิงเฒ่าในชุดขงจื๊อเบิกตากว้าง มองดูชายหนุ่มที่อยู่ห่างออกไปเพียงสามฉื่อ ราวกับว่าเอื้อมมือไปก็สามารถฉีกใบหน้าของอีกฝ่ายได้ แต่เล็บแหลมคมกลับสั่นเทา ไม่สามารถเอื้อมออกไปได้
มันก้มหัวลงด้วยความงุนงง
มันเห็นเพียงชุดขงจื๊อขาดเป็นสองท่อน รอยฉีกเรียบเนียนมาก จากเอวลงมา ขาขนาดใหญ่สองข้างตกลงพื้น แต่ตัวมันเองยังลอยอยู่กลางอากาศ
"กริ๊ก"
เสินอี้เก็บดาบเข้าฝัก ก้าวข้ามศพสองท่อนของปีศาจวานรบนพื้น