ตอนที่ 80 ความตายทางสังคมของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
“ความคิดถึงของท้องทะเลไม่มีจุดสิ้นสุด~”
“สุดท้ายไปบรรจบกับท้องฟ้าที่เส้นขอบฟ้า~”
“ถ้าความรักเดินทางมาไกลพอแล้ว~”
“ก็ควรจะได้พบกับความสุข~”
“......”
“......”
“ตลอดเวลาฉันยังคงมีรอยยิ้มที่เธอชอบ~”
“ตลอดทางฉันตามหาความสุขที่หายไป~”
เสียงใสที่ไพเราะของ จาง หานหาน
เสียงร้องที่ร้องออกมาแต่ละครั้งราวกับสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
แต่ที่น่าแปลกก็คือ
แม้ว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงที่ซาบซึ้งกินใจมาก แต่เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็แอบพากันปิดปาก และแทบจะกลั้นเสียงขำตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
…ไม่มีอะไรนอกจาก ดอกไม้งาม เซี่ย
การร้องเพลงของเธอ จริงๆ แล้ว... มันไม่น่าฟังเลยสักนิด
เดิมที เซี่ย ซินเหยา ร้องเพลงได้ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว
บวกกับที่เธอตื่นเต้น และเป็นกังวลมากเกินไปหลังจากขึ้นเวที
สิ่งนี้จึงนําไปสู่ปัญหาต่างๆ ของ ดอกไม้งาม เซี่ย ของเรา เช่น ร้องเพลงผิดจังหวะ คร่อมจังหวะบ้าง แย่งร้อง และปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย
“จะทํายังไงดี เธอ... เธอเป็นดอกไม้งาม เซี่ย ของเรา ฉันไม่อยากหัวเราะเธอจริงๆ”
“ใช่แล้ว! เธอเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เทพธิดาที่สมบูรณ์แบบในใจฉัน ไม่สิ นางฟ้าที่สมบูรณ์แบบในใจของฉัน เธอร้องเพลงได้อย่างไรแบบนี้..”
“อ๊ากกก~.. ดอกไม้งาม เซี่ย เธอสวยเหลือเกิน แต่น่าเสียดายที่เสียงของ…”
“ขอเถอะ.. หูคู่นี้ของฉันแทบไม่เคยได้ยินเสียงอะไรแบบนี้มาก่อน…”
เพื่อนร่วมชั้นต่างพากันกระซิบกระซาบกันด้วยเสียงต่ำด้านล่าง
แทบรอไม่ไหวที่จะขอให้ตัวเองไม่มีหู
ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของ ดอกไม้งาม เซี่ย, ในใจของพวกเขา
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา
แม้แต่ จาง หานหาน ที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที เธอก็แทบจะกลั้นขำตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
เธอเป็นนักร้องมืออาชีพ
ไม่ว่าจะเจออะไรเธอก็ไม่เคยหัวเราะออกมา
แต่ครั้งนี้ จาง หานหาน เธอทําอะไรไม่ถูกจริงๆ สาวน้อยคนนี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ เห็นได้ชัดว่าเธอมีใบหน้าราวกับนางฟ้า แต่เมื่อร้องเพลง เธอกลับทำให้คนอื่นต้อง ..‘ประหลาดใจ’ มาก
นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดด้วยซ้ำ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ สาวน้อยคนนี้ ไม่มีเซนส์ทางด้านดนตรีเลย
จังหวะมันเละเทะไปหมด
เมื่อกี้มีหลายครั้งที่เธอถูกเบี่ยงเบนไปจากเดิมโดยท่วงทํานองของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ..คนที่อยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตามากที่สุด ก็คือ ตัวของ เซี่ย ซินเหยา เอง
ในขณะนี้ เธอ.. เกือบจะร้องไห้แล้ว
เธอมีความรู้สึกเหมือนเป็ดที่ถูกจับขึ้นวางบนตะแกรง และถูกย่างบนไฟ (ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน(1))
เพราะ เซี่ย ซินเหยา เองก็รู้สึกได้ ดูเหมือนว่าเธอทำมันได้ไม่น่าพอใจจริงๆ
โดยเฉพาะในบริบทของ จาง หานหาน
น่าเสียดายที่เพลงนี้ยังร้องไม่จบ เธอจึงไม่สามารถลงจากเวทีได้ทันที
และในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เอง เซี่ย ซินเหยา ก็ร้องเพลงนี้จบลงไปในที่สุด หลังจากที่เธอต้องทนทรมานไปอยู่หลายนาที
ทันใดนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เสมือนเป็นนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก และได้รับอิสรภาพ
สิ่งที่ทําให้เธอมีความสุขก็คือ ไอดอลของเธอ จาง หานหาน ไม่ได้รังเกียจเธอเพราะเธอร้องเพลงได้ไม่น่าฟัง แต่กลับยิ้มพยักหน้ารับ แล้วเข้ามากอดเธอแน่นมาก
เซี่ย ซินเหยา รู้สึกซาบซึ้งใจทันที
ในทางตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกเกลียด ซูเหวิน แทบตายอยู่ข้างในใจ
คุณดูสิว่า ไอดอลของคนอื่นดีกับตัวเองแค่ไหน
แต่คุณลองดูผู้ร้ายอย่างเขาอีกครั้งสิ รู้ทั้งรู้ว่าเธอร้องเพลงไม่เก่ง กลับยังวางแผนใช้ความอบอุ่นมาเพื่อหลอกให้เธอขึ้นไปบนเวที
และดูหลังจากที่เธอขึ้นเวที ผู้ชายคนนั้นยังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายวิดีโอไว้อีกด้วย
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่หลายคนทั้งมหาลัยต่างก็บันทึกวิดีโอจากโทรศัพท์มือถือของพวกเขา
ฮือ ฮือ ฮือ~
คราวนี้ ..จบแล้ว ร้องเพลงน่าเกลียดก็ช่างมันเถอะ แต่นี่กลับต้องมาถูกถ่ายวิดีโอเก็บไปเป็นที่ระลึกอีก
อยากจะบอกว่า ..นี่ เป็นความตายทางสังคมไปอย่างชัดเจนจริงๆ!
เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ ฉันมันดันไปหลงกล เพื่อนร่วมชั้น ซู เข้าให้จริงๆ
เซี่ย ซินเหยา ตัดสินใจแล้ว
หลังจากจบคอนเสิร์ตคืนนี้ เธอจะต้องคิดหาทางลงโทษ เพื่อนร่วมชั้น ซู ซูเหวิน ให้ได้
เมื่อคิดเรื่องนี้ เซี่ย ซินเหยา ก็พลางก้าวเดินลงมาจากเวที
เมื่อเธอกลับมาที่แถวหน้า และยืนอยู่ต่อหน้า เพื่อนร่วมชั้น ซู เธออดไม่ได้ที่จะจิ๊ปาก อย่างหงุดหงิด และเธอก็โกรธเขามาก
“อ่ะ.. นี่ให้คุณ”
ดูเหมือนว่า เมื่อเขารู้ว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย โกรธแล้ว ซูเหวิน ก็พลางยิ้มหัวเราะ
ทันใดนั้นเขาก็หยิบกล่องเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นส่งให้เธอ
นี่เป็นของขวัญชิ้นหนึ่งที่เขาเตรียมไว้ก่อนแล้ว ตั้งแต่เขากลับไปบ้านเมื่อวานนี้
เป็นเพราะกลัวว่า เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย จะโกรธ วันนี้เขาเลยเตรียมของขวัญมาเพื่อขอโทษเธอโดยเฉพาะ
“นี่คืออะไร?”
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ที่กําลังโกรธอยู่ เมื่อเห็น ซูเหวิน ส่งกล่องที่ดูสวยงาม และประณีตมาให้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
“ช็อคโกแลตทรัฟเฟิล”
ซูเหวิน หัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดออกไป
“ช็อคโกแลตทรัฟเฟิล?”
เซี่ย ซินเหยา เหมือนกับสะดุ้งตกใจเบาๆ แล้วพูดด้วยความประหลาดใจไปว่า : “คุณ…คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันชอบกินช็อคโกแลตทรัฟเฟิล?”
เซี่ย ซินเหยา ประหลาดใจแล้ว
เธอจำได้ว่าเธอไม่เคยบอก เพื่อนร่วมชั้น ซู!
“อะแฮ่ม! พวกเราเป็นคนบอกเขาเองแหละ”
“ใช่แล้วๆ วันก่อน ซู สุดหล่อ ได้ส่งข้อความ VX มาให้เรา และถามว่าเธอชอบกินอะไรมากเป็นที่สุด ดังนั้นเราจึงบอกเขาไปว่าเธอชอบกินอะไรมากที่สุดไปอย่างไร”
ในเวลานี้ จี้หยวี่ และวัง ซิ่วซิ่ว พากันหัวเราะแล้ว
“ปรากฎว่าเป็น..พวกเธอ”
“ดีมาก.. พวกเธอสองคนนี่ ยืนอยู่ข้างเขา หรือข้างฉันกันแน่หะ?”
เซี่ย ซินเหยา เอามือเท้าเอว และสีหน้าเธอดูจะยิ่งโกรธมากขึ้น
เพื่อนซี้สองคนนี้ เพิ่งเล่าเรื่องส่วนตัวของเธอให้กับ เพื่อนร่วมชั้น ซู ฟังก็ช่างมันเถอะ แต่ทำไมหลังจากนั้นพวกนี้ถึงไม่ยอมมาบอกเธอเลย น่าโมโหจริงๆ
เธอตอนนี้รู้สึกว่าในไม่ช้าก็เร็ว เธอจะต้องถูกเพื่อนสนิทสองคนนี้ทรยศหมดแน่
และก็ เพื่อนร่วมชั้น ซู เมื่อก่อนนี้เขาดูค่อนข้างซื่อสัตย์ ทําไมตอนนี้ถึงเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ได้กันนะ? รู้ทั้งรู้ว่าคนอื่นทำได้ไม่ดีก็ยังทำมัน
หรือเขารู้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วรึเปล่า เลยเตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้า?
“ฮึ่ม!”
“อย่าคิดว่าถ้าคุณซื้อใจฉันด้วยสิ่งนี้ แล้วฉันจะให้อภัยคุณ”
เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มที่แข็งค้างอยู่บนใบหน้า
ถึงแม้ว่าเธอจะอยากได้ช็อกโกแลตกล่องนี้จริงๆ
เพราะยังไงนี่มันก็เป็นของขวัญที่มาจาก เพื่อนร่วมชั้น ซู..
“นี่ไม่ใช่ของที่ผมซื้อมา ผมทําขึ้นเองกับมือ และแทบจะใช้เวลาทั้งวันเลย”
“และผมพูดได้ว่านี่จะเป็นช็อคโกแลตที่อร่อยที่สุดเท่าที่คุณเคยลิ้มลองมาเลยก็ได้..”
ซูเหวิน ไม่ได้ล้อเล่น ในครั้งนี้เขาพูดอย่างจริงจัง
ท้ายที่สุดเขามีทักษะเชฟระดับชั้นนำของโลก
เขาไม่เพียงแต่มีทักษะในการทำอาหารคาวเท่านั้น แต่ในเรื่องของหวานมันก็เป็นสิ่งที่เขาถนัดที่สุดด้วยเช่นกัน
“อา?” เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย สับสนแล้ว
ทำเองกับมือ?
จริงเหรอ?
แต่เมื่อมองดูด้วยสายตาที่จริงจังของ เพื่อนร่วมชั้น เซี่ย
เซี่ย ซินเหยา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้โกหก
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหัวใจสั่นไหวขึ้นมา..
ผู้ชายคนหนึ่งเต็มใจทําช็อคโกแลตให้คุณด้วยมือของเขาเอง
เกรงว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธได้ ใช่ไหม?
ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ เซี่ย ซินเหยา เท่านั้น
แม้แต่ วัง ซิ่วซิ่ว กับจี้หยวี่ ก็ยังอิจฉา
เดิมทีพวกเธอคิดว่า ซูเหวิน เมื่อเขารู้ว่า เสี่ยวเหยา ชอบช็อคโกแลต ดังนั้นเขาเลยซื้อช็อคโกแลตมาให้โดยตรง
แต่ที่ไหนได้คนอื่นกับทำช็อกโกแลตขึ้นมาด้วยมือตัวเอง
ความล้ำค่าทางจิตใจนี้ มันมีค่ามากกว่าการซื้อกระเป๋าแพงๆ มูลค่าหลายหมื่นหยวนให้กับผู้หญิงเสียอีก!
แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ใกล้ๆ โดยรอบก็แสดงท่าทีตกตะลึงแล้ว
พวกเขามองไปที่ ซูเหวิน แล้วพากันตระหนักได้ในทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ ซูเหวิน คนยากจนคนนี้สามารถอยู่กับ ดอกไม้งาม เซี่ย ได้
และมันดูไม่น่าแปลกใจเลยที่ ดอกไม้งาม เซี่ย ดูจะหลงรัก ซูเหวิน มาก
คุณลองดูกิจวัตรของคนอื่นสิ
ทำช็อกโกแลตด้วยมือของตัวเองแล้วมอบให้กัน
มันมีเสน่ห์เย้ายวนดึงดูดใจแค่ไหน..
“ไอ..อะแฮ่ม ช่างมันเถอะ ครั้งนี้ฉันจะให้อภัยคุณแล้วกัน”
“หากมีครั้งหน้า ฉันจะไม่สนใจคุณอีกต่อไปแล้ว”
เซี่ย ซินเหยา รับกล่องของขวัญที่ ซูเหวิน ส่งมาให้ทันที
แม้คำพูดที่ออกมาจากปากจะยังเหมือนไม่ได้ให้อภัย
แต่แววตาที่เปล่งประกายในดวงตาของเธอนั้นมันได้เผยให้เห็นว่าเธอชอบของขวัญชิ้นนี้มากแค่ไหน
ให้ตายเถอะ เห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้เธอยังโกรธอีกฝ่ายหนึ่งอยู่!
เธอไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะยอมแพ้ภายในเวลาอันสั้นขนาดนี้ได้ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ!
และในขณะที่ เซี่ย ซินเหยา ยังคงดื่มด่ำอยู่กับความสุข
ทันใดนั้น เสียงเชียร์ก็ดังก้องไปทั่วทั้งสนามกีฬาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ไปพร้อมกับเสียงกรี๊ดของผู้คนนับไม่ถ้วน บนเวทีบุคคลที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับ ซูเหวิน ก็ปรากฏตัวออกมาในที่สุด
แล้วจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ ถานอี้?
ถานอี้ ในคืนนี้มาในชุดสีทองอร่าม ดูอลังการมาก
ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมาก็ทักทายอย่างเป็นกันเองกับนักศึกษาหลายหมื่นคน
ดูเหมือนผู้คนจะดูมีชีวิตชีวามาก
หลังจากผ่านเหตุการณ์ บริษัท จินหวง
เขาดูเหมือนจะกลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
และเมื่อเขาพูดว่าเพลงแรกที่เขานำมา เป็นเพลงใหม่อีกเพลงหนึ่ง
แน่นอนว่าย่อมทำให้ผู้ชมในสนามพากันคลั่งไคล้อย่างมาก
ไม่กี่นาที รอจนเพลงหนึ่งร้องเสร็จ
สนามกีฬาทั้งหมดก็พลันเงียบลง และดูเหมือนจะยังไม่มีใครฟื้นคืนสติได้เลย
เพราะเพลงนี้ ..ไพเราะมาก
ซึ่งมันฟังดูเพราะอย่างเหลือเชื่อจริงๆ
ในเวลานี้.. ในขณะที่ทุกคนยังคงดื่มด่ำกับเสียงเพลงอันไพเราะเมื่อกี้ ถานอี้ ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ต่อไป ผมจะร้องเพลงอีกเพลงหนึ่ง”
“แต่เพลงนี้ ผมหวังว่าจะได้ร้องประสานเสียงกับใครสักคน.. หนึ่ง”
“และก็บังเอิญพอดีที่ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเทียนเวย เขามีชื่อว่า ซูเหวิน ไม่รู้ว่า พี่น้องซู คุณมีความสนใจจะขึ้นเวทีมาร้องเพลงบ้างไหม?”
(1)[ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน (赶鸭子上架)] - เป็นคำอุปมาเพื่อบังคับให้ใครบางคนทำบางสิ่งที่เกินความสามารถของตน