บทที่ 25 : ความอยากรู้อยากเห็นของมู่ซีเหยา
บทที่ 25 : ความอยากรู้อยากเห็นของมู่ซีเหยา
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ตอบสนอง, เย่จื้อซินและเย่จือหลานซึ่งเดินตามหลังเย่ว์รู่ฉวง….จู่ๆก็โผล่หัวเล็กๆ ของพวกเขาออกมามองดูเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฉากนี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับเธอมากยิ่งขึ้น
“รู่ชวง….นี่เจ้า!” มู่ซีเหยาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายตกตะลึง, เย่ว์รู่ชวงก็อธิบายอย่างใจเย็นและพูดอย่างสง่างาม
"อย่างที่ท่านเห็น ข้าเป็นแม่ของลูกสามแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น…..ลูกคนที่สี่ก็กำลังจะเกิดด้วย!"
หลังจากพูดจบ เธอก็ดึงเด็กน้อยทั้งสองคนแล้วพูดว่า
"เร็วเข้า รีบทักทายท่านป้าเร็ว!"
เมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เด็กทั้งสองก็ยืดหลังตรงในทันที ก่อนทักทายอย่างเคร่งขรึม
"สวัสดีเจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านป้า!"
"อา…..อา!"
ณ ขณะนี้
แม้แต่มู่ซีเหยาผู้รอบรู้ก็ยังไม่สามารถโต้ตอบได้ชั่วขณะ
เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงครั้งแรกที่เธอพบกับเย่ว์รู่ชวง
ทั้งสองได้พบและเป็นเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องในเวลาอันรวดเร็ว
ครั้งหนึ่ง พวกเธอเคยทำข้อตกลงที่จะเดินทางไปด้วยกัน กลายเป็นอัจฉริยะที่เลื่องชื่อ มุ่งมั่นที่จะไปถึงอาณาจักรที่ไม่มีใครเทียบได้ในอนาคต
ในเวลานั้นพวกเธอทั้งสองเต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความมีชีวิตชีวา
หากแต่เมื่อเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน
วันหนึ่ง, เย่ว์รู่ชวงได้เปลี่ยนจากการเป็นอัจฉริยะไปสู่ขยะที่ไร้ประโยชน์
ในตอนนั้น, มู่ซีเหยาเต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก…..เธอทำถึงขนาดรบกวนให้อาจารย์ของเธอมาตรวจสอบเป็นการส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม, กลับไม่มีใครสามารถหาเหตุผลที่แท้จริงของเรื่องนี้ได้
เเละเพื่อให้เย่ว์รู่ชวงพัฒนาต่อไป
….มู่ซีเหยาได้มอบทรัพยากรจำนวนมากให้กับเธอ, แม้กระทั่งสิ่งนั้นจะทำให้การฝึกฝนของมู่ซีเหยาช้าลงก็ตาม
เเต่ในที่สุด…..เมื่อทรัพยากรมากมายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเเก้ปัญหาได้, เย่ว์รู่ชวงจึงไม่ยอมรับทรัพยากรที่เธอนำไปให้อีกต่อไป
กาลเวลาผ่านไป, มู่ซีเหยาเริ่มมีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆเเละระยะเวลาของการเก็บตัวฝึกตนของเธอก็นานขึ้นเป็นเงาตามตัว
การติดต่อระหว่างพวกเธอจึงน้อยลงไปเรื่อยๆเช่นเดียวกัน
เเต่เมื่อเร็วๆนี้ เมื่อเธอได้รู้ว่าเย่ว์รู่ชวงไม่เพียงแต่บุกทะลวงไปสู่อาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์ได้เท่านั้น….แต่ยังทะลวงไปถึงระดับผู้ฝึกตนอาณาจักรปราการสวรรค์ในคราวเดียว
ในเวลานั้น, ไม่มีใครมีความสุขมากไปกว่ามู่ซีเหยา
ดังนั้น, เธอจึงขออนุญาตโดยตรงจากอาจารย์ให้เธอออกมาพบกับเย่ว์รู่ชวงและปฏิบัติตามข้อตกลงก่อนหน้า
……..
ยามเมื่อเห็นสิ่งนี้ เย่หวู่ชางก็รู้ว่าทั้งสองมีอะไรจะพูดกันมากมาย
ดังนั้นเขาจึงไม่อยากรบกวนพวกเธอทั้งสองคนอีกต่อไป
จากนั้น, การจ้องมองของเขาก็เปลี่ยนไปที่เย่ว์ไห่ที่อยู่ข้างๆ
"หัวหน้าตระกูลเย่ว์, ข้ามีเรื่องที่ต้องการปรึกษาหารือกับท่าน..…พวกเราไปที่อื่นกันดีกว่า"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ว์ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นอาของเย่ว์รู่ชวง….ในตอนที่พวกเขากลายกลายเป็นญาติกันในคราแรก,เย่หวู่ชางเรียกเขาว่าท่านลุง
ยามนี้เขาได้เปลี่ยนคำถูกเรียกเป็นหัวหน้าตระกูลเย่ว์แล้ว มันหมายความว่าความห่างเหินระหว่างสองตระกูลเริ่มกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
เเต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ยามเมื่อพวกเขาได้รับข่าวเกี่ยวเกี่ยวกับอันตรายที่ตระกูลเย่กำลังเผชิญอยู่…..พวกเขามัวแต่ระวังนิกายดาบสังหารวารีและเลือกที่จะยืนอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลย
เรียกได้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้, ล้วนเป็นความผิดของพวกเขาเองทั้งสิ้น
พวกเขาเพียงคิดว่าตระกูลเย่จะต้องพินาศ….เเละไม่ได้คาดหวังว่าเย่หวู่ชางจะผงาดขึ้นมา
เขาไม่เพียงแต่ช่วยให้ตระกูลเย่รักษาสถานการณ์ไว้ได้เท่านั้น…..แต่ยังกวาดล้างนิกายดาบสังหารวารีไปจนสิ้นอีกด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความจริงที่ว่าเขาได้สังหารผู้ฝึกตนครึ่งเก้าอาณาจักรพระราชวังสีม่วงนั้น…..ได้ถูกแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง และแม้แต่ราชวงศ์ต้าเซี่ยเองก็ยังตกตะลึง
เเละเมื่อคิดถึงภารกิจที่เขาต้องมาที่นี่ในวันนี้….หัวใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะจมดิ่งลง
แต่เขาก็ยังคงฝืนยิ้มออกมาเเละพูดว่า “ไปคุยกันเถอะ!”
ยามนี้ทั้งสองจึงเดินออกไปจากที่นี่และไปยังห้องโถงที่อยู่ด้านข้าง
……..
เมื่อเห็นสิ่งนั้นผู้พิทักษ์วัยกลางคนก็ยืนขึ้นและพูดว่า "ข้าจะออกไปเดินเล่น!"
ไม่นานก็เหลือเพียงสองคนอยู่ในห้อง
มู่ซีเหยาขมวดคิ้วน้อยๆเเละเอ่ยขึ้นมา
"รู่ชวง เจ้าเพิ่งแต่งงานเข้าตระกูลเย่มาเพียงสองสามปี เเต่ยามนี้เจ้าตั้งครรภ์มาสี่ครั้งแล้ว….ตระกูลเย่ปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเครื่องจักรผลิตทายาทใช่หรือไม่"
เย่ว์รู่ชวงได้ยินจึงยิ้มเเล้วตอบกลับเบาๆ "พี่หญิง ท่านคิดหรือว่าบนโลกนี้จะมีใครบังคับข้าได้หรือ…..หากข้าไม่ต้องการ"
ด้วยคำพูดเหล่านี้มู่ซีเหยาถึงกับเงียบทันที
เพราะเธอเองก็รู้จักเย่ว์หรู่ชวงเป็นอย่างดี …..เเละรู้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถบังคับเย่ว์หรู่ชวงได้
เเถมที่เธอแต่งงานกับเย่หวู่ชาง มันเป็นเพียงเพราะเธอไม่ต้องการที่จะอยู่ในตระกูลเย่ว์และทนต่อสภาพอัปยศเช่นนั้น
ยามเห็นท่าทางที่อ่อนโยนและเงียบสงบของเย่ว์รู่ชวง ควบคู่ไปกับความเปล่งประกายยามเป็นมารดาที่กำลังแตะท้องของตนเองเบาๆ…..มู่ซีเหยาก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเข้าไปอีก
“แล้วเย่หวู่ชางดีถึงเพียงนั้นเลยหรือ …..เจ้าถึงยอมสละทุกสิ่งและทุ่มเททั้งหมดให้เขาถึงเพียงนั้น?”
“พี่หญิง, เรื่องนี้หากท่านมีโอกาสในอนาคตท่านจะเข้าใจข้าเอง!”
ทันใดนั้น, จู่ๆเย่ว์รู่ชวงก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ พลางมองมู่ซีเหยาขึ้นๆลงๆ และพยักหน้าน้อยๆอย่างไม่ตั้งใจ
“พี่หญิง เหตุใดถึงไม่มาอยู่ด้วยกันล่ะ…..สามีของข้าเป็นคนดีจริงๆนะ หากไม่มีเขาข้าคงไม่มาถึงจุดนี้ได้”
“เเละมันคงจะดีมากเลยหากพี่หญิงมาช่วยดูแลเขาด้วยกันกับข้า!”
เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมา, มู่ซีเหยาก็เบิกตากว้างก่อนจะตีเย่ว์รู่ชวงด้วยความโกรธ
“เจ้าเด็กเหลือขอ, เจ้าพูดอะไรออกมา…..กล้าดียังไงมาหยอกล้อข้าเเบบนี้!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้เย่ว์รู่ชวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
“ฮิฮิ พี่หญิง สามีของข้าร้อนแรงมากจริงๆนะ…..หากท่านได้ใช้เวลากับเขา ท่านจะรู้ว่าเขาเก่งแค่ไหน!”
“เจ้าเด็กนี่!”
มู่ซีเหยามองเย่ว์รู่ชวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ จนทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าพูดอะไรให้มากความอีก
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง, ในใจของเธอจู่ๆก็นึกถึงฉากที่เย่หวู่ชางก้าวเท้าเข้ามา
พวกเธอทั้งสองพูดคุยกันอีกเป็นเวลานาน…..ก่อนที่มู่ซีเหยาจะเปิดเผยจุดประสงค์ของเธอในที่สุด
“รู่ชวง เจ้าไม่คิดที่จะกลับไปจริง ๆ หรือ?”
“อาจารย์บอกว่า ตราบใดที่เจ้ากลับไป นางจะช่วยให้เจ้าฟื้นคืนสู่ตำแหน่งนักบุญแห่งเมืองโบราณชางหยวน……เเละหากยามนั้นมาถึงทรัพยากรที่เจ้าจะได้รับก็จะเป็นสิ่งที่ตระกูลเย่ไม่สามารถเทียบเคียงได้!”
เมื่อเย่ว์รู่ชวงรู้ว่าอีกฝ่ายมาเพื่อพาเธอกลับไป…..เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
“พี่หญิง ข้าสบายดี สามีข้าอยู่ที่ไหนข้าก็จะอยู่ที่นั่นด้วย!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเย่หวู่ชางผู้ลึกลับ
"ยิ่งกว่านั้น ข้าไม่คิดว่าการติดตามสามีของข้าจะแย่ไปกว่าการอยู่ในเมืองโบราณชางหยวน!"
เมื่อเห็นการแสดงออกถึงความรักของเย่ว์รู่ชวง…..มู่ซีเหยาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาเบาๆ
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อคำพูดของเย่ว์รู่ชวง
ตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลเย่จะเทียบกับเมืองโบราณชางหยวนได้อย่างไร
เเต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเย่ว์รู่ชวง…..มู่ซีเหยาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะโน้มน้าวเธออีกต่อไป
…….
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่เย่ว์ไห่ได้มาถึงห้องด้านข้างเเละนั่งลงแล้ว…เย่หวู่ชางก็นั่งลงตามเขา
“ท่านผู้นำตระกูลเย่ว์, เชิญท่านเข้าเรื่องเลยดีกว่า!”
เมื่อเห็นว่าเย่หวู่ชางไม่มีความตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนอย่างรื่นรมย์ เย่ว์ไห่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงในการมาครั้งนี้
…………………