ตอนที่ 75 ความโกรธของผู้ถือหุ้น จินหวง
“ประธานจ้าว ฉันขอแนะนำให้รู้จัก!”
“นี่คือประธานคนใหม่ของบริษัทเรา ซูเหวิน ประธานซู”
เมื่อสังเกตเห็น จ้าว เทียนซิง และคนอื่นๆ เริ่มโกรธขึ้นมา รองประธานเผิง ก็เปิดปากอีกครั้ง
เขาผายมือไปทาง ซูเหวิน พร้อมกับกล่าวแนะนำ
ด้วยการแนะนําของเขา จ้าว เทียนซิง และคนอื่นๆ ก็มองไปที่ ซูเหวิน ในทันที
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่าย.. ยังเป็น ชายหนุ่ม คนหนึ่ง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
แต่เพียงหลังจากนั้น จ้าว เทียนซิง ก็ยกยิ้มขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าบริษัทของพวกคุณเปลี่ยนประธาน.. ไม่คิดเลยว่าจะยังอายุน้อยเช่นนี้ น่าแปลกใจจริงๆ”
ซูเหวิน ที่ได้ยินเขาทำเพียงยิ้มรับเท่านั้น
“คือ..กฎหมายไม่ได้กําหนดว่าคนหนุ่มสาวไม่สามารถรับตําแหน่งประธานได้ ใช่ไหมครับ?”
หลังจากพูดจบ เขาได้ชี้ไปที่ที่นั่งสองสามที่ตรงหน้าเขา โบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง
จ้าว เทียนซิง ที่เห็นก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
เขา และผู้ถือหุ้นหลายคนนั่งลงทันทีตรงข้ามอีกฝ่ายหนึ่ง
“ใช่..ว่าไม่ได้มีกำหนดไว้ เพียงฉันแค่สงสัยเท่านั้น”
“ยังไงก็ตาม คุณคือคนที่โทรมาหาฉันเมื่อวานใช่ไหม?”
“ศิลปินทั้งสิบคนของบริษัท จินหวง ของเรา เป็นคุณที่เปิดเผยออกไป?”
จ้าว เทียนซิง ไม่ได้คิดจะพูดไร้สาระ เขาตัดเข้าเข้าสู่หัวข้อหลักโดยตรง
สีหน้าของเขาก็อึมครึมตามไปด้วยเช่นกัน..
ซูเหวิน พยักหน้า : “ถูกต้อง..เป็นผมที่เป็นคนทํา”
“มันช่วยไม่ได้.. พวกคุณ จินหวง ไม่เคารพกฎเกณฑ์แต่เริ่ม และต้องการแย่งชิงผู้คน ในเรื่องนี้ก็ไม่สามารถมาตำหนิเราได้”
“พวกคุณควรรู้ว่าความนิยมของ พี่ถาน ในปัจจุบันนั้นกําลังมาแรงมาก และเขาเป็นท็อปสตาร์ของเราใน ช่านซิง แม้ว่าคุณจะอยากแย่งชิงเขาไป แต่มันดันมาขาดทุนเกินกว่าที่พวกคุณ คาด..คิดไว้”
หลังจากพูดอย่างนั้น ซูเหวิน ก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง
ระหว่างพูดคุยเขาก็ไม่ลืมที่จะรินชาให้กับทุกคนไปด้วย
“นั้นเป็นคุณ? เป็นคุณที่ทําให้ศิลปินนับสิบคนของบริษัทเราถูกล้อมกรอบ และเสื่อมเสียชื่อเสียง?”
“คุณ..มันบ้าไปแล้วเหรอไง คุณมันต้องการทำอะไรกันแน่ แล้วนี่คุณรู้ไหมว่าบริษัทของเราต้องสูญเสียผลกำไรไปเท่าไรเพราะคุณ?”
ทันทีที่ได้ยิน ซูเหวิน ยอมรับ ผู้ถือหุ้นทุกคนก็แทบจะฉุนขาดทันที
พวกเขามองไปที่ ซูเหวิน แทบจะจับเขามากินเนื้อทั้งเป็น และนอนบนหนังเขา(1)
และทั้งหมดมันเป็นเพียงเพราะชายหนุ่มคนนี้ บริษัทของพวกเขาถึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก
แล้วจะไม่ให้พวกเขาทุกคนโกรธได้ยังไง?
“คุณเรียกเรามาหาในวันนี้ ..หมายความว่าไง?”
จ้าว เทียนซิง ไม่ได้แสดงความโกรธในทันที แต่เขากลับถามออกไปด้วยสีหน้ามืดมน
แต่เห็นได้จากสีหน้าของเขาว่าเขากำลังระงับความโกรธในใจอยู่มากแค่ไหน
ไม่อย่างนั้นมันอาจจะระเบิดไปนานแล้ว
“ฮ่าฮ่า ยังคงเป็น ประธานจ้าว ที่ยังคงมีเหตุผล”
“ผมไม่มีความคิดอื่นใด เหตุผลที่ผมเชิญคุณมาที่นี่ในวันนี้.. ก็เพียงเพื่อบอกคุณว่า พี่ถาน จาก ช่านซิง เป็นไปไม่ได้ที่จะไปเข้าร่วมกับ จินหวง”
“ดังนั้น ผมหวังว่าเราทุกคนจากนี้ไปเล่นไปตามวิถีของตัวเอง น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง(2) ..น่าจะดีกว่านะ”
ซูเหวิน กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
ซึ่งมันง่ายพอๆ กับการพูดถึงว่าจะกินอะไรเป็นมื้อเย็น
อย่างไรก็ตาม…
พอคําพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงข้ามก็ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง
ผ่านไปสิบวินาทีเต็มๆ กว่าจะตอบสนองได้
จากนั้นพวกเขาก็พากันหัวเราะออกมาทันที
ราวกับกำลังได้ยินเรื่องตลกที่ตลกที่สุดในโลก..เวลานี้
“ประธานซู นี่คือกำลังล้อเล่นกับพวกเราเหรอ? หลังจากล้อมกรอบพวกเราแล้ว ตอนนี้กลับยังมาบอกว่าน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองได้อีก?”
“ถูกต้อง! ประธานซู คุณทําร้ายศิลปินนับสิบคนในบริษัทเรา แถมตีตราพวกเขา ในหนึ่งวันมีบริษัทสิบกว่าแห่งถอนการลงทุน ทําลายผลประโยชน์ไปไม่รู้เท่าไหร่ ตอนนี้พอน้ำท่วมแล้วมาบอกว่าน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง คุณคิดอยากคํานวณเราแล้ว แต่ตัวคุณกลับไม่คิดว่าสิ่งที่คุณพูดออกมามันดูไร้สาระเหรอไง?”
“หยุดพูดเรื่องที่มันดูเพ้อฝันได้แล้ว คุณรุกราน จินหวง ของเรา ยังจะมาอยากให้เราทุกคนลืมเรื่องนี้ แล้วอะไรๆ ในโลกมันจะไปมีราคาถูกขนาดนี้ไปได้ยังไง?”
ไม่ต้องรอให้ จ้าว เทียนซิง พูด ผู้ถือหุ้นทุกคนก็พูดขึ้นก่อนแล้ว
พวกเขาทั้งหมดโกรธจนอยากจะฆ่า ซูเหวิน ให้ตายลงตรงนี้
ชายหนุ่ม ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ..ได้เปิดเผย และล้อมกรอบศิลปินของพวกเขา
และตอนนี้มีหน้าบอกว่าน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง?
“ผู้ถือหุ้นทุกคนพูดถูก..”
“ตอนนี้ คุณ และบริษัทของฉัน มีความเกลียดชังที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้.. แล้ว..คิดว่าเราจะปล่อยมันไปเหรอ?”
“นอกจากนี้ ใช่.. ตอนนี้ น้องถาน ได้รับความนิยมอย่างมาก เพื่อเป็นการชดเชยแก่เรา พวกคุณเองควรจะปล่อยให้เขาเข้าร่วมกับ จินหวง ของเราไม่ใช่หรือ?”
จ้าว เทียนซิง ก็โกรธเช่นกัน
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ และความมืดมนอย่างมาก
ก่อนหน้านี้.. เขายังคิดว่า ถานอี้ จะต้องเข้าร่วมกับ จินหวง
หากมาอยู่ที่ จินหวง เขาย่อมทำกำไรได้มากกว่า
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายได้ทําลายชื่อเสียงของศิลปินนับสิบคน และความสูญในเวลานี้ใหญ่หลวงมาก
อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ได้ตั้งใจจะขอโทษเท่านั้น แต่กลับยังบอกพวกเขาว่าอย่าได้มีความคิดเกี่ยวกับ ถานอี้ ด้วย และนี่..มันไม่ใช่เรื่องตลก?
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จ้าว เทียนซิง พูดอีกครั้ง
“ฮึ่ม! ประธานซู อย่าโทษฉันว่าไม่เตือนคุณ”
“ฉันยังมีข้อมูลลับของ ถานอี้ อยู่ในมือ ถ้าทำให้ฉันโกรธ ถึงตอนนั้นก็อย่าได้โทษฉันที่เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของเขา”
“คุณลองคิดดูสิว่าเขาเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวงการบันเทิงตอนนี้ ถ้าฉันเผยแพร่เรื่องอื้อฉาวของเขาออกไป กระแสตอบรับจากสังคมมันจะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ฉันคิดว่าไม่จําเป็นต้องให้ฉันพูดหรอกนะ ประธานซู?”
พูดจบ จ้าว เทียนซิง ก็แสยะยิ้มแล้ว
รอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัว อึมครึม และโหดเหี้ยมมาก
ในมุมมองของเขา ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้คือ ทางตัน (มัจฉาตายตาข่ายขาด(3)นั้นเป็นเรื่องใหญ่)
ในเมื่อดึง ถานอี้ ให้มาเข้าร่วมกับ จินหวง ไม่ได้ งั้นก็ไม่ทางเลือกนอกจากเปิดเผยภาพ และวิดีโอออกไป
ให้ ช่านซิง ได้ลิ้มรสสัมผัสกับความเจ็บปวดของการสูญเสียศิลปินไปด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของทุกคน ซูเหวิน กลับไม่ได้จริงจังเลยกับมัน เขายกยิ้มขึ้นอย่างสงบ แล้วพูดว่า : “ฮ่าฮ่า ..เป็นอย่างนั้น?”
“ก่อนอื่นเลย พวกคุณบอกว่าผมล้อมกรอบใส่ร้ายพวกเขา ในเรื่องนี้ผมไม่เห็นด้วย การใส่ร้าย หมายถึงคนที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำอะไรเลย และถูกคนอื่นใส่ร้ายในภายหลัง อย่าง พี่ถาน เนี่ยแบบนี้ที่เรียกว่าถูกใส่ร้าย”
“และผมที่เปิดเผยศิลปินสิบคนไปนั้น นั่นมันเป็นความผิดพลาดของพวกเขาเองจริงๆ ซึ่งผมแค่ถือว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้คือ เปิดเผยพวกเขา”
“แต่ผมรู้ว่า ตอนนี้ต่อให้ผมพูดแบบนี้ไป พวกคุณคงฟังไม่เข้าหูอย่างแน่นอน ดังนั้นผมจึงยังมีเรื่องดีๆ บางอย่างมาให้พวกคุณดูด้วย พวกคุณเองลองดูก่อนเถอะ.. แล้วค่อยมาพิจารณาว่าจะเปิดเผย พี่ถาน หรือไม่ ก็ยังไม่สาย..ไป จริงไหมครับ?”
เมื่อพูดจบ ซูเหวิน ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
คลิกที่เอกสาร และหมุนโทรศัพท์เลื่อนไปวางไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย
“นี่คืออะไร?”
เขาดูโทรศัพท์เครื่องนี้ แล้วดูไปที่เอกสารบนหน้าจอ
จ้าว เทียนซิง ขมวดคิ้ว และอดไม่ได้ที่จะสงสัยแล้ว
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคลิกเอกสารเพื่อดู
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เมื่อ จ้าว เทียนซิง ดูไฟล์ในโทรศัพท์เสร็จสิ้น ตัวเขาก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมา ..โดยไม่รู้ตัว
ดวงตาของเขาเบิกกว้างมองไปที่ ซูเหวิน มันมีทั้งความตกใจ และความกลัวในสายตาของเขา
“นี่... นี่… มันเป็นไปได้ยังไง?”
“คุณได้ข้อมูลทั้งหมดนี้..มาจากไหน?”
จ้าว เทียนซิง พูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ ไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
และการแสดงออกที่เกินจริงของเขาทําให้ผู้ถือหุ้นทุกคนเกิดสงสัยขึ้นมาทันที
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ของ ซูเหวิน ขึ้นมาดู
ทันใดนั้นพวกเขาก็แสดงสีหน้าตกใจไปเช่นเดียวกัน
“เป็นไปได้ยังไง? มันเป็นไปได้ยังไง?”
“ทำไมคุณถึงมีข้อมูลลับมากมายเกี่ยวกับศิลปินในบริษัทของเรา?”
“คุณ...คุณเป็นใครกันแน่?”
ทุกคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
พวกเขาดูข้อมูลนี้ในโทรศัพท์ และรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
โอ้..พระเจ้า เมื่อกี้พวกเขาเห็นอะไร?
ไฟล์ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือนี้ นอกจากศิลปินสิบคนของ จินหวง ที่ถูกเปิดเผยออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีเรื่องอื้อฉาว และการกระทำผิดของบุคคลอื่นๆ อีกมากกว่า 20 คนอยู่ด้วย
นี่...
ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่อีกด้านก็เงยหน้าขึ้นมอง ซูเหวิน อีกครั้ง
นัยน์ตาของพวกเขาเวลานี้เผยให้เห็นความตกใจ และความหวาดกลัว
ศิลปินของบริษัท จินหวง แอบทำเรื่องอื้อฉาวมากมายแค่ไหน พวกเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ
แต่ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ เขาทําอย่างไร เขารวบรวมหลักฐานได้เป็นกองๆ อย่างนี้ได้ยังไง?
ภาพจากล่องวงจรปิด, ประวัติการสนทนา, บันทึกการลงทะเบียนของโรงแรม, รูปถ่าย …
ในขณะนี้ ผู้ถือหุ้นทุกคนไม่สงสัยอะไรอีกแล้ว
ตราบใดที่อีกฝ่ายเต็มใจ ข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต
สําหรับ จินหวง แล้ว ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะอย่างยิ่ง
(1)[จับเขามากินเนื้อทั้งเป็น และนอนบนหนังเขา (吾当生擒汝,食汝肉,寝汝皮)] - เป็นการแสดงความโกรธออกมาอย่างรุนแรง และความปรารถนาที่จะแก้แค้น
(2)[น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง (井水不放河水)] - ต่างคนต่างอยู่ไม่เกี่ยวข้องกัน
(3)[มัจฉาตายตาข่ายขาด (鱼死网破)] - หมายถึงการต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย