Chapter 816 เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น
ใกล้วันเข้ามาแล้ว กับการแข่งขันเทพอาหารที่จะเกิดขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์จากจังหวัดต่าง ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองจักรพรรดิ จำนวนที่เหมือนว่าจะไม่ด้อยกว่างานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรเลย.
การที่ผู้ชมมากขนาดนี้ ผลน่าจะมาจากการเปิดค่ายกลสะท้อนก่อนเวลา การโฆษณาที่แปลกใหม่ทำให้ผู้ชมทั่วแผ่นดินสนใจ.
เหล่าผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่เดินทางมาจำนวนไม่น้อย แม้นว่าวิถียุทธ์จะไม่สูง ทว่าวิถีอาหารนั้นยอดเยี่ยมแน่นอน ต้องไม่ลืมว่าคนที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมนั้น จะต้องได้รับการรับรองจากการประลองระดับจังหวัดมาก่อน.
พูดไปก็แปลก ซ่งเป้าที่เป็นตัวเก็งผู้ชนะเลิศ ราวกับหายไปเลย ทำให้เขากลายเป็นคนที่ลึกลับเป็นอย่างมาก.
คนที่แข็งแกร่งที่สุด.
จะมาเป็นคนสุดท้ายอย่างงั้นรึ?
ดังนั้น เหล่าชาวยุทธ์ก็พอเข้าใจได้.
จุนซ่างเซียวที่เผยความสงสัยเป็นอย่างมาก ศิษย์ซีเหว่ยเทียนมีอะไรพิเศษ การแข่งขันยังไม่เริ่ม กับมีผู้คนพูดคุยถึงเขาไม่หยุด.
หลายวันมานี้ หลิวหว่านซีอยู่ศึกษาอาหารในตำหนักเจ้าเมือง แทบจะไม่ได้ออกไปใหนเลย.
การแข่งขันประจำจังหวัดซีเหนียนหยาง นางสามารถสงบใจได้ ทว่าการประลองเทพอาหารนั้น ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.
“สาวน้อย เวลานี้อย่าได้สนใจคนอื่น พยายามในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวให้กำลังใจ.
“อืม!”
หลิวหว่านซีที่ค่อย ๆ สงบใจ ทำให้นางไม่ได้กระวนกระวายมากเกินไป.
“ไป.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไปลงทะเบียนกัน.”
“อืม.”
สถานที่ลงทะเบียนนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง.
ขณะที่จุนซ่างเซียวนำศิษย์มานั้น ที่นี่มีเหล่ายอดฝีมือด้านอาหารอยู่มากมาย.
แม้นว่าจะมีคนมากมาย ทว่าคนที่เข้าร่วมนั้นก็ยังดูเป็นผู้เยาว์ คนที่มีอายุมากที่สุดน่าจะสามสิบกว่า ๆ เท่านั้น.
“ชื่อ.”
เจ้าหน้าที่ลงทะเบียน เป็นชายชราผู้หนึ่งเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “นิกายนิรันดร หลิวหว่านซี.”
“หืม?”
ชายชราที่เผยท่าทางประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นมามอง เห็นผู้เยาว์ทีเผยยิ้มแฉ่ง เขาก็จำได้ทันที นี่คือเจ้านิกายนิรันดรที่เสนอหน้าออกมาโฆษณาตัวเองอย่างบ้าคลั่งคนนั้นนั่นเอง.
เห็นแต่ในภาพค่ายกลสะท้อน ไม่คาดคิดตัวจริงจะเด็กขนาดนี้.
“เผยสิ่งรับรอง.”ชายชราเอ่ย.
ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันใหน ๆ ล้วนแต่มีกฎเกณฑ์ของมันเอง.
เป็นไปไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นที่รู้จักแล้วจะได้รับสิทธิ์ใด ๆ.
“กึก”
หลิวหว่านซีที่วางตราประทับ ผู้ชนะเลิศทำอาหารจังหวัดซีเหนียนหยางออกมา.
ชายชราที่ตรวจสอบและบันทึก เอ่ยออกมาว่า“สามวันหลังจากนี้ให้ไปยังสนามทิศใต้ของเมือง จำไว้ว่าอย่าไปสาย ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์.”
......
“นางคือหลิวหว่านซีผู้ชนะเลิศจังหวัดซีเหนียนหยางอย่างงั้นรึ?”
“เฮ้ เฮ้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเด็กขนาดนั้น.”
“ตระกูลโอวหยางที่มีประสบการณ์โชกโชน พ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวที่อายุสิบห้าสิบหกอย่างคาดไม่ถึง.”
“อย่าได้ประมาท นางชนะสามรอบด้วยคะแนนเต็มด้วยนะ.”
“กรรมการประเมินจากดินแดนบ้านนอก ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน หากเป็นการแข่งขันจังหวัดจงจุนล่ะก็ การจะได้คะแนนเต็มบอกเลยว่าฝันเท่านั้น.”
เหล่าผู้คนที่พูดคุยกันไปมา หลาย ๆ คนที่เผยท่าทางเหนือล้ำของตัวเองออกมา แม้แต่กล่าวดูแคลนหลิวหว่านซีเป็นอย่างมาก.
การแข่งขันในแต่ล่ะจังหวัดที่มีระดับต่างกัน พวกเขาที่อยู่ในดินแดนที่เหนือกว่า การที่เห็นคนได้คะแนนเต็มในจังหวัดซีเหนียนหยาง พวกเขาย่อมดูแคลนไม่เห็นอยู่ในสายตาแน่นอน.
หนำซ้ำ.
ทายาทตระกูลโอวหยางที่ได้ชนะเลิศได้คะแนนเต็ม เมื่อเข้าร่วมงานประลองเทพอาหาร ยังไม่ติดหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ.
พื้นที่แต่ละแห่งที่แตกต่างกัน.
ดินแดนที่ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่เหนือกว่า ย่อมมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่า คนที่อยู่พื้นที่ไกลออกไป.
“ข้าได้ยินมาว่า หลิวหว่านซีนั้นเป็นเพียงธิดานอกสมรสของตระกูลโอวหยาง.
“เรื่องนี้?”
สายตาของพวกเขาที่จ้องมองหลิวหว่านซี เผยความเหยียดหยันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม.
ในทวีปชิงหยุน แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ย่อมให้ค่าในสถานะไม่น้อย เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ที่สูงศักดิ์ ย่อมมีสถานะที่สูงส่งตั้งแต่เกิด และเหล่าทายาทนอกสมรสก็มักจะถูกดูแคลน แม้แต่คนทั่วไปก็ตาม.
“บิดาของนางนามโอวหยางจุน ในอดีตเป็นคนที่รักสนุกเป็นคุณชายเจ้าสำราญตัวยง....”
คนกลุ่มที่กำลังนินทาซึ่ง ๆ หน้า ที่รู้สึกขนลุกขึ้นทันที.
ไม่รู้ว่าราชาสัตว์จื่อหลินมาตั้งแต่เมื่อไหร่มาอยู่ด้านหลังพวกเขา แววตาที่เผยความเย็นชา.
เป็นเจ้านิกายที่สั่งเขามานั่นเอง.
อย่างไรก็ตาม.
ขณะที่เห็นหลิวหว่านซีก้มหน้าอยู่ตลอด เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที.
แม้นว่าราชาสัตว์จื่อหลินเชื่อมั่นมาตลอด ว่าตัวเองไม่ต้องทนอยู่ในนิกายนิรันดร ทว่าหนึ่งคนที่เขาประทับใจที่สุดก็คือหลิวหว่านซี อาหารของนางนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาขาดไม่ได้.
ตอนนี้มีคนปากหนัก ทำให้นางเศร้า ย่อมทำให้เขาไม่พอใจ.
เจิ้นเต๋อจวินไม่ได้มาด้วย.
ไม่เช่นนั้น เห็นคนที่ทำร้ายนางด้วยคำพูด คงจะกระตุ้นค่ายกลสายฟ้า เป่าคนทั้งเมืองจักรพรรดิอย่างไม่แยแสแน่!
ศิษย์ของนิกายนิรันดร หากเทียบอันตรายสิบดาว เย่ซิงเฉินคงได้เก้าดาวขึ้น ทว่าหลิวหว่านซีนั้นต้องสิบดาวแน่นอน เพราะว่าใครที่ข่มเหงนาง จะต้องถูกราชาสัตว์จื่อหลินและเจิ้นเต๋อจวินสั่งสอน
“เจ้า....เจ้าทำอะไร!”ชาวยุทธ์คนดังกล่าวที่เวลานี้กล่าวเสียงสั่น.
อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เจ้านิกายจุน ศิษย์ของท่านจะทำอะไร?”
“ไม่ได้มีอะไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “โรคเก่าของเขาคงกำเริบ.”
“ทุบ!”
“ตูมมมม -----”
ราชาสัตว์จื่อหลินที่ทุบไปยังใบหน้าของชายคนดังกล่าวนอนกองไปบนพื้น กระอักโลหิตออกมา.
เขาที่ลงมือเบา ๆ ไม่เช่นนั้นคงสังหารอีกฝ่ายไปแล้ว.
เหล่าชาวยุทธ์รอบ ๆ ที่หวาดผวา.
กล้าที่กระทำการเช่นนี้ในเมืองจักรพรรดิ นิกายนิรันดรช่างไม่เกรงกลัวกฎหมายจริง ๆ!
“จำใส่หัวเอาไว้.”
จุนซ่างเซียวที่กวาดตามอง “ใครกล้าข่มเหงศิษย์ของนิกายนิรันดรด้วยคำพูด จะต้องจ่ายราคา.”
หากสงสัยในความสามารถทำอาหารของหลิวหว่านซี เขาย่อมไม่ใส่ใจ ทว่ากับการเอ่ยกล่าวทำร้ายด้วยเรื่องอื่นเช่นนี้ จะต้องได้รับหมัดแห่งความเป็นธรรมอย่างโหดร้าย.
ชายในชุดพรตเต๋าสองคนที่จงใจกล่าวเหยียดหยันศิษย์ของเขาอย่างจงใจ อย่าว่าต่อให้อยู่ในเมืองจักรพรรดิเลย ต่อให้อยู่ในแดนสวรรค์ก็ต้องได้รับบทลงโทษ.
จุนซ่างเซียวกล่าวจบ ใบหน้าที่ไม่ยินดียินร้าย ทว่าเหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ ต่างหวาดผวาขึ้นมาในทันที.
ในเวลานั้น.
พวกเขาที่เข้าใจทันทีว่า คนผู้นี้ ไม่สามารถหาเรื่องยุแหย่ได้เด็ดขาด!
“จุนซ่างเซียว!”
อาวุโสคนดังกล่าวเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “กล้าทำร้ายคนในเมืองจักรพรรดิ เหล่าฟู่ผู้นี้จะต้องไปร้องเรียนเจ้าเมืองแน่!”
“ไม่จำเป็น.”
ในเวลานั้น เจ้าเมืองหานที่ปรากฏขึ้น “ข้าอยู่ที่นี่แล้ว.”
“เจ้าเมืองหาน!”
ทุกคนที่เผยแสดงความเคารพ.
อาวุโสคนดังกล่าวที่ชี้ไปยังราชาสัตว์จื่อหลินเอ่ยออกมาว่า“ศิษย์นิกายนิรันดรทำร้ายคน ขอให้เจ้าเมืองหานให้ความยุติธรรมกับศิษย์ข้าด้วย!”
“เจ้าเมืองผู้นี้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว.”
เจ้าเมืองหานเอ่ย “ฝ่ายตรงข้ามทำร้ายทายาทของท่านโดยบังเอิญ ไม่ได้ตั้งใจแต่อย่างใด.”
“......”
ทุกคนที่มุมปากกระตุก.
ขอเพียงไม่ได้ตาบอด ทุกคนย่อมรับรู้ว่าศิษย์ของจุนซ่างเซียวจงใจทำร้ายอีกฝ่ายอย่างจงใจ!
รู้แล้ว!
เจ้าเมืองหานกำลังปกป้องนิกายนิรันดร!
ใบหน้าของอาวุโสคนดังกล่าวที่อัปลักษณ์ เข้าใจได้ทันทีว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว “ในเมื่อเจ้าเมืองหานกล่าวเช่นนี้ เรื่องนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น.”
“ในเมื่อเข้าใจผิด ก็ให้ทุกอย่างจบลงเท่านี้.”เจ้าเมืองหานเอ่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
ชายชราที่ได้แต่เข้าไปช่วยทายาทสายตรงที่บาดเจ็บ.
ขณะที่จะจากไป ก็ได้ยินเสียงของจุนซ่างเซียวดังขึ้น“อยู่นอกบ้านต้องระวังความปลอดภัยด้วย อย่าได้ยืนอยู่บนถนน ไม่เช่นนั้นครั้งหน้าอาจถูกล้อรถเหยียบเอา เดี๋ยวจะทำให้คนในตระกูลต้องเสียน้ำตา.”
แม้นว่าจะเป็นคำพูดที่ดูนุ่มนวล ทว่ากับแฝงด้วยจิตสังหาร ทำให้ชายชราได้ยินคำพูดดังกล่าว รู้สึกเย็นยะเยือบขึ้นมาทันที คงต้องบอกกล่าวแจ้งเตือนเหล่าลูกหลานอย่าได้หาเรื่องนินทาศิษย์นิกายนิรันดรต่อหน้าพวกเขาเช่นนี้!