บทที่ 58: ความผันผวนในชีวิตของคนใจสู้ (ตอนฟรี)
บทที่ 58: ความผันผวนในชีวิตของคนใจสู้
ซูฟ่านมองดูลูกศิษย์ที่ยุ่งวุ่นวายของเขา จู่ๆ เขาก็รู้สึกค่อนข้างพอใจ การมีลูกศิษย์ที่ดีย่อมทำให้เขาสามารถเกษียณได้ก่อนเวลา
ไม่นานนัก อาหารกลางวันมื้อใหญ่ก็ปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหาร
“ไม่เลว ไม่เลว ทักษะการทำอาหารของพวกเจ้าพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงที่ข้าไม่อยู่” ซูฟ่านหยิบหมูตุ๋นแดงชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปากของเขาแล้วชิม
“ไม่เลวเลย ทักษะการทำอาหารของเจ้าตอนนี้เก่งขึ้นแล้ว หากการฝึกตนของเราล้มเหลว เจ้าก็ยังสามารถเปิดร้านอาหารได้” ซูฟ่านยิ้มขณะที่เขาพูดกับลูกศิษย์ตัวน้อยทั้งสอง
ตอนนี้ซูกังอายุ 11 ปี และซูเยว่เซียนอายุ 9 ปี ในวัยนี้ในชาติที่แล้ว พวกเขาก็ยังคงเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา อย่างไรก็ดี ในโลกนี้ ลูกศิษย์ของเขาก็เริ่มซักผ้า ทำอาหารและทำงานบ้านได้แล้ว จู่ๆ ซูฟ่านก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งคู่กำลังเติบโต และโภชนาการก็เป็นสิ่งสำคัญ” ซูฟ่านพูดขณะจิบซุปอีกครั้ง เขาเพลิดเพลินไปกับอาหารอร่อย
ตอนนี้วัตถุดิบสำหรับซูฟ่านมาจากข้าวของที่ผางกู่จัดเตรียมไว้ให้ หากพวกเขาต้องการส่วนผสมใดๆ พวกเขาก็เพียงต้องบอกเขา
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น และผางฟู่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องอาหาร
“ทันเวลาพอดี มากินข้าวด้วยกันสิพี่ผาง วันนี้ท่านโชคดีนะ มาลิ้มรสทักษะการทำอาหารของลูกศิษย์ของข้าหน่อย”
“ข้ารู้สึกว่ามันอร่อยกว่าที่...”
ก่อนที่ซูฟ่านจะพูดจบ เสียงระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง หวังยู่หลุนและภรรยาของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับลูกโดยถือกล่องอาหารมาตามปกติ
หวังยู่หลุนเมื่อเห็นซูฟ่านก็แสดงนัยน์ตาที่มีสีผิดปกติและมีเสียงปรากฏขึ้นในใจของเขา
“นำบุคคลนี้มาหาข้า แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป” เสียงนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมองไปที่หวังยู่หลุน แววตาของซูฟ่านก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เด็กคนนี้น่าจะกำลังถูกครอบงำอยู่
“ทันเวลาพอดี พวกเจ้าทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นมากินข้าวด้วยกันเถอะ” ซูฟ่านพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า ข้ากินไปแล้วก่อนที่จะมาที่นี่ พวกท่านกินข้าวกันเลยเถอะ” เมื่อพูดจบ ผางฟู่ก็ยืนขึ้นเพื่อกล่าวคำอำลาทุกคน
คนที่เหลือต่างก็กินข้าวด้วยกัน ด้วยวิชาอิ่มเอมของเขา ซูฟ่านก็เริ่มเช็ดจานบนโต๊ะทั้งหมด เขาบริโภคอาหารในปริมาณของคนยี่สิบคนได้
หลังจากรับประทานอาหารจนอิ่มแล้ว ซูกังและซูเยว่เซียนก็พาลูกชายของหวังยู่หลุนไปเล่นกับหยิงหยิง
ในขณะนี้ บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไป
“พวกเจ้ามีรสนิยมไม่เบาถึงกล้ามาครอบงำน้องชายของข้า” ซูฟ่านพูดอย่างใจเย็นพลางจิบชา สายตาของเขาชำเลืองมองไปที่หวังยู่หลุนกับมู่หรงเฉียนเอ๋ออย่างเย็นชา
ทันใดนั้น ราวกับว่าหวังยู่หลุนได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแววตาที่เร่าร้อนขณะที่เขาจ้องมองไปที่ซูฟ่าน
“นายน้อย ท่านสนใจที่จะมาเข้าร่วมเผ่าปีศาจของเราหรือไม่? หลังจากแผนการใหญ่เสร็จสิ้น ท่านจะสามารถปกครองทั้งเซียงโจวได้เลยนะ” หวังยู่หลุนผู้ถูกครอบงำกล่าว
“เจ้าครอบงำน้องชายของข้าแบบนี้ ช่างไม่เกรงกลัวฟ้าดินกันเลยนะ?” ซูฟ่านพูดอย่างไม่แยแส ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาสบตากับหวังยู่หลุน เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าหวังยู่หลุนกำลังถูกครอบงำ หรือพูดให้ถูก มันก็คือการถูกสะกดจิตโดยไม่รู้ตัว
ในขณะนี้ หวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อต่างก็สวมชุดเกราะพลังวิญญาณเริ่มล้อมรอบซูฟ่าน
“พวกเจ้าคงรู้เกี่ยวกับข้ามาจากความทรงจำของหวังยู่หลุนแล้วใช่ไหม? ถึงอย่างนั้นพวกเจ้าก็ยังคิดที่จะใช้สิ่งที่ข้าสร้างเพื่อต่อกรกับข้างั้นหรอ?”
“นั่นไม่สำคัญ เพราะในไม่ช้าเจ้าก็จะกลายเป็นหนึ่งในพวกเราแล้ว”
แสงสีม่วงส่องออกมาจากดวงตาของหวังยู่หลุน หากใครมองมันอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็จะเห็นวงเวทย์ที่แปลกประหลาดกะพริบอยู่ในดวงตาของเขา
“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเก่งที่สุดในเรื่องอะไร” ซูฟ่านถามด้วยรอยยิ้มมุมปาก
ในขณะนั้นเอง ลำแสงวิญญาณสองลำก็พุ่งชนตรงกลางคิ้วของทั้งสองคนโดยตรง
ทันใดนั้น สวรรค์และปฐพีก็เปลี่ยนไป
ในโลกสีขาวบริสุทธิ์ หวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก
“เคลื่อนย้ายมิติ เจ้าอยู่ขอบเขตมหายาน!!” หวังยู่หลุนอุทานด้วยความตื่นตระหนก
ในขณะนี้ ร่างของซูฟ่านก็ปรากฏขึ้นในโลกนี้
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
“เจ้าสามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับของนิกายได้ ซึ่งก็ถือว่าน่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดเดียวที่เจ้าทำก็คือการอาศัยอยู่ในร่างกายของน้องชายข้า อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาแล้วข้าจะหาตัวเจ้าไม่พบ”
ในขณะนี้ เสียงแปลกๆ สองเสียงก็เริ่มสะท้อนเป็นจังหวะในโลกสีขาวบริสุทธิ์ มันเร็วและถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ละจังหวะดูเหมือนจะกระทบกับจิตวิญญาณของคนๆ หนึ่ง
“สิ่งมีชีวิตทุกชนิดรวมถึงมนุษย์ต่างก็มีแรงสั่นสะเทือนในตัวเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกสิ่งแปลกปลอมบุกรุกเข้ามา การสั่นสะเทือนของเขาก็จะผิดปกติไป”
เมื่อความถี่ทั้งสองดังขึ้น ผิวของหวังยู่หลุนและมู่หรงเฉียนเอ๋อก็ซีดลง พวกเขาต้องการจะโจมตีซูฟ่าน แต่พวกเขาก็พบว่าพวกเขาได้สูญเสียการควบคุมร่างกายของพวกเขาไปแล้ว
ซูฟ่านมองไปที่ทั้งสองและพูดต่อ “เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมนี้ เราก็เพียงแค่ต้องเร่งความถี่ของการสั่นสะเทือนของพวกเขาเอง และสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นก็จะถูกบังคับให้ออกมาเอง”
ในขณะนี้ ความถี่ของเสียงทั้งสองก็ได้เร่งขึ้นจนถึงขีดสุดจนกระทั่งมีเสียง 'คลิก'
ร่างเงาปีศาจจิ้งจอกสองตัวปรากฏตัวขึ้น และสายตาของหวังยู่หลุนกับมู่หรงเฉียนเอ๋อก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
“พี่ซู ขอบคุณ ครั้งนี้ท่านได้ช่วยครอบครัวของเราทั้งหมดเอาไว้” ทั้งสองแสดงความขอบคุณโดยทันที ในตอนที่เขาเข้าไปพัวพันกับปีศาจจิ้งจอกทั้งสามตัวและกำลังจะจบชีวิตของเขาลง คำพูดที่ซูฟ่านพูดก่อนที่เขาจะออกไปปฏิบัติภารกิจก็ได้เปลี่ยนการตัดสินใจของเขา
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยอมตกลงไปในนรกอันน่ามึนเมานี้
“มันก็แค่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ พวกเจ้าคงจะทนทุกข์ทรมานกันมากเลยสินะในขณะที่ข้าไม่อยู่” ซูฟ่านกล่าวปลอบใจ
มือขนาดมหึมายื่นออกมาและจับเงาที่กำลังตกใจทั้งสองเอาไว้
“ขอข้าดูก่อนว่าน้องชายของข้าผ่านอะไรมาบ้าง แล้วข้าจะตอบแทนพวกเจ้าเป็นสองเท่า สำหรับเรื่องวิธีการทรมานนั้น... ข้าก็มีให้เลือกมากมายเลย” ซูฟานพูดพลางยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อเขาเคลื่อนผนึกมืออีกครั้ง งูตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้นในอากาศเปล่า มันค่อยๆ ชอนไชและเจาะเข้าไปในสมองของเงาปีศาจจิ้งจอกตัวหนึ่งโดยตรง
“พี่ซู ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ ตอนนี้เราจับพวกมันได้แล้ว แค่ทำลายพวกมันทิ้งก็พอแล้ว” จู่ๆ หวังยู่หลุนก็ขัดจังหวะ และจ้องมองไปที่มู่หรงเฉียนเอ๋ออย่างกระวนกระวายใจเป็นครั้งคราว
“เราจะทำเช่นนั้นได้ยังไง? ความทุกข์ทรมานที่เจ้าทนรับมาจะต้องได้รับการชดใช้คืนเป็นสองเท่า ในฐานะพี่ชายของเจ้า ข้าจะปล่อยมันไปเฉยๆ ได้ยังไง?”
ทันทีที่ซูฟ่านพูดจบ เงาที่ถูกงูชอนไชลึกเข้าไปในสมองก็ร่างระเบิดออกมาและตามมาด้วยความเจ็บปวดอันรุนแรง ฉากต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกสีขาวอันบริสุทธิ์นี้แสดงให้เห็นประสบการณ์ของปีศาจจิ้งจอกตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่
สงครามสองอาณาจักร? การรุกรานจากโลกปีศาจ?
“มีบุคคลที่ทรงพลังจากหลายนิกายในทวีปกลางที่ปราบปรามทางเข้ามิติอยู่ จากนั้นจอมปีศาจก็ใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ส่งสมาชิกเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญในการควบคุมวิญญาณและสร้างความสับสนเข้ามาสู่โลกนี้ผ่านความผันผวนของมิติ”
เมื่อซูฟ่านเห็นฉากทั้งหมด มันก็ดูเหมือนจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดอันยิ่งใหญ่ แต่ภาพชุดถัดไปที่เขาเห็นก็ทำให้มู่หรงเฉียนเอ๋อแทบจะระเบิด
ในภาพ หวังยู่หลุนตกลงไปในฉากแห่งความมึนเมาและราคะ และที่สำคัญ เขาไม่ต่อต้าน!
ในขณะนี้ มู่หรงเฉียนเอ๋อก็เกือบจะอาละวาดแล้ว ดวงตาของเธอเปล่งประกายเย็นชาเมื่อมองไปที่หวังยู่หลุน แต่กระนั้นเธอก็ยังยับยั้งไม่ลงมือเพราะเห็นแก่ซูฟ่าน
มีเพียงซูฟ่านเท่านั้นที่ยังคงชื่นชมฉากบนท้องฟ้าอย่างกระตือรือร้น
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนใจสู้เช่นนี้” ซูฟ่านกล่าวด้วยความยินดีกับความโชคร้ายของหวังยู่หลุน
“เฉียนเอ๋อ ให้ข้าอธิบายก่อน! ในเวลานั้นข้าถูกควบคุม คนที่ทำมันไม่ใช่ข้า” หวังยู่หลุนอธิบายให้มู่หรงเฉียนเอ๋อฟังอย่างเร่งรีบ
“ข้าไม่ฟัง!”
...
*จุดจบสายพ่อบ้านใจเด็ด