บทที่ 23 : ทะลวงระดับอย่างบ้าคลั่ง
บทที่ 23 : ทะลวงระดับอย่างบ้าคลั่ง
ในวันหนึ่ง
ออร่าอันทรงพลังก็ได้ปะทุขึ้นมาในตระกูลเย่
ฝูงชนทั้งตระกูลต่างตกใจกับปรากฏการณ์นี้อย่างมาก
เเต่ทันใดนั้น, เย่หวู่ชางก็โบกมือเพื่อเปิดใช้งานค่ายกลรวบรวมวิญญาณระดับเก้าเเละปกปิดออร่านี้โดยตรง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้อาวุโสหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า
"ท่านผู้นำ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนวงใน, เย่หวู่ชางจึงไม่ปิดบังและเเจ้งพวกเขาโดย
"นี่คงเป็นการตื่นขึ้นของสายเลือดวิหคสีชาดของชิงเกอ!"
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา, เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ตกตะลึงอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดหวังว่าฮูหยินรองจะครอบครองสายเลือดวิหคสีชาดจริงๆ
วิหคสีชาดนั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณ……มีข่าวลือว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งสามารถเผาเเม้เเต่สวรรค์ได้ด้วยเปลวไฟเพียงดวงเดียว
ใครก็ตามที่มีเกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์โบราณเช่นนี้…..ย่อมเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน
เเละเมื่อคิดว่าตระกูลเย่จะมีอัจฉริยะที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นอีกคน….พวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน, ความชื่นชมของพวกเขาที่มีต่อเย่หวู่ชางก็มาถึงจุดสูงสุด
ฮูหยินคนแรกเคยเป็นนักบุญตามพรสวรรค์ของเธอ…..และตอนนี้ฮูหยินคนที่สองก็ได้ปลุกสายเลือดวิหคสีชาด
ความสำเร็จในอนาคตของพวกเธอนั้นไร้ขีดจำกัด
ท่านผู้นำตระกูล, ท่านไม่เพียงแต่มีความแข็งแกร่งเท่านั้น….แต่ความสามารถในการเลือกภรรยาของท่านยังยอดเยี่ยมมากที่สุดในโลกอีกด้วย!
เย่หวู่ชางได้พาพวกเขาไปที่ภูเขาด้านหลังโดยตรง….รอให้จ้าวชิงเกอปลุกสายเลือดของเธอให้เสร็จสิ้น
เเละเมื่อพวกเขามาถึง, เย่ว์รู่ชวงก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
เธอยังคงอุ้มเด็กสองคนไว้ในอ้อมแขน, คนหนึ่งคือเย่จือเฟิงและอีกคนคือเย่จื้อหลัน
ข้างๆเธอเย่จื้อซินที่อายุน้อยกว่าสี่ขวบเเละกำลังจับมือเย่จือหลานพร้อมยืนอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นสิ่งนี้, เย่หวู่ชางก็รีบเดินไปข้างหน้า อุ้มเด็กคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนของเขา แล้วลูบหัวเย่จื้อซินเพื่อชมเชย
คำชมของพ่อทำให้หมั่นโถวตัวน้อยพอใจมาก….เเละด้วยมรดกอันสมบูรณ์แบบจากใบหน้าที่สวยงามของเย่ว์รู่ชวง, จึงส่งผลให้บุตรของนางมีรอยยิ้มที่งดงามและดูน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน
ในที่สุดเสียงร้องของสัตว์ศักดิ์สิทธ์โบราณก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
เสียงร้องของวิหคสีชาดที่ลุกโชนขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลังจากนั้น, พวกเขาก็เห็นร่างสง่างามที่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงเพลิงสะดุดตา
ด้วยรูปร่างที่ร้อนแรงควบคู่ไปกับการคลอดบุตรเมื่อเร็วๆนี้….มันได้ส่งผลเรือนร่างของเธอก็สง่างามเป็นอย่างมาก
ที่หว่างคิ้วของเธอ สามารถมองเห็นเครื่องหมายของวิหคสีชาดได้จางๆ
จ้าวชิงเกอผู้ปลุกสายเลือดวิหคสีชาด ไม่เพียงแต่ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรควบแน่นแกนกลางโดยตรงเท่านั้น……แต่ยังเพิ่มความงดงามให้กับรูปลักษณ์ของเธออีกขั้นหนึ่งด้วย
ก่อนหน้านี้รูปลักษณ์ของเธอด้อยกว่าเย่ว์รู่ชวงอยู่เล็กน้อย….เเต่ยามนี้พวกเธอแต่ละคนมีจุดแข็งของตัวเอง, เป็นความงดงามที่แตกต่างกัน
………
"ท่านพี่!"
เธอมองเย่หวู่ชางด้วยความรัก ความกตัญญู และความเสน่หาในดวงตาโดยไม่ปิดบัง
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่หวู่ชาง บางทีเธอคงไม่มีวันปลุกสายเลือดนี้ขึ้นมาได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เย่หวู่ชางก็ยิ้มและพูดว่า
"ยามนี้เจ้าได้เป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ เเล้วเช่นกัน….เจ้าไม่จำเป็นต้องอิจฉาพี่หญิงรู่ชวงต่อไปอีกเเล้วนะ"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้….จ้าวชิงเกอก็หุบยิ้มทันที
แม้ว่าเธอจะไม่เคยพูดเรื่องนี้ แต่ทั้งเย่หวู่ชางและเย่ว์รู่ชวงต่างก็รู้ว่าเธอใส่ใจมากกับความไร้พรสวรรค์ของเธอ
หากแต่ยามนี้เธอปลุกสายเลือดวิหคสีชาดขึ้นมาได้แล้ว….เธอจึงมีความหวังที่จะสามารถอัญเชิญหรือแปลงร่างเป็นวิหคสีชาดเพื่อต่อสู้, อีกทั้งความเข้าใจในการใช้พลังธาตุไฟและทักษะการต่อสู้ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในอนาคต, เธอจะไม่มีปัญหาในการไล่ตามเย่วู่ชางและเย่ว์รู่ชวงให้ทัน….หรือแม้กระทั่งไปถึงระดับเดียวกันได้
เมื่อเห็นเช่นนี้, เย่ว์รู่ชวงก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่เย่วู่ชาง
จากนั้นจึงมอบเด็กในอ้อมกอดให้เขา และพาจ้าวชิงเกอออกไปพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
เมื่อเห็นดังนี้เย่หวู่ชางก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อมีลูกถึงสี่คน, เขาก็ทั้งเจ็บปวดและมีความสุขในเวลาเดียวกัน
เมื่อมองดูลูกคนโตและบุตรคนที่สองที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสาเเละน่าเอ็นดูนี้….เย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เย่ว์รู่ชวงนั้นเก่งในทุกด้าน…..เสียอย่างเดียวคือเธอเข้มงวดกับบุตรมากเกินไป
สำหรับบุตรสาวโต เธอปฏิบัติต่อลูกให้เป็นผู้หญิงที่ประณีตเเละละเอียดอ่อนในการฝึกฝน…..ปลูกฝังมารยาท, พฤติกรรม, และคำพูดของบุตรสาวมาตั้งแต่เล็กๆ
และบุตรคนที่สองในฐานะบุตรชายคนโต…..เขาได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นผู้นำตระกูลในอนาคตเช่นเดียวกัน
สิ่งนี้จึงทำให้พวกเขาดูโตเกินกว่าวัยที่ควร
เย่หวู่ชางพยายามพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน….แต่เย่ว์รู่ชวงก็บอกปัดเขาในทันที
เเละเขาเองก็รู้ด้วยว่าตระกูลเกือบทั้งหมดในโลกนิรันดร์ได้ปลูกฝังผู้สืบทอดและบุตรสายตรงในลักษณะนี้
ดังนั้นเมื่อใดก็ที่เขามีเวลา…เขาก็จะพาเด็กๆออกไปสนุกสนานตามลำพัง
สิ่งนี้ทำให้เด็กน้อยทั้งสองผูกพันกับเขามาก….เเละเฉพาะต่อหน้าเย่หวู่ชางเท่านั้นที่พวกเขาสามารถปลดปล่อยนิสัยเด็กๆของพวกเขาออกมาได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้, เขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเล็กๆของลูกๆด้วยความรัก
……..
หลังจากนั้น….เขาก็ใช้เวลาครึ่งเดือนในการดูแลภรรยาและบุตรอย่างเหมาะสม
ในท้ายที่สุด หลังจากที่คำวิงวอนขอความเมตตาของเย่ว์รู่ชวงและจ้าวชิงเกอไร้ผล….พวกนางก็ตัดสินใจขับไล่เขาออกมาฝึกตนด้วยความโกรธ
เขายังได้ยินด้วยซ้ำว่าทั้งสองสาวกำลังพิจารณาที่จะรับภรรยาเพิ่มให้กับเย่หวู่ชาง
แต่เย่หวู่ชางก็ปฏิเสธมันทั้งหมด….เขาไม่มีวันสนใจผู้หญิงธรรมดา
เมื่อกลับไปที่สถานที่ฝึกตนเเละมองดูคะแนนโชคลาภที่เหลืออีก 700,000 คะแนน
เขาก็ตัดสินใจปรับปรุงศักยภาพของตนเอง
ในบรรดาทักษะการต่อสู้ที่ระบบตอบแทนในครั้งนี้, มีหนังสือเกี่ยวกับทักษะการใช้ดาบและหนังสือเกี่ยวกับทักษะการฝึกร่างกาย
ไม่จำเป็นต้องลังเล เขาใช้คะแนนโชคลาภ 100,000 คะแนนยกระดับพวกมันขึ้นสู่ระดับสูงสุดโดยตรง
เเละหลังจากการปรับปรุงทักษะเเล้ว…..ความเข้าใจต่อเจตนาดาบของเขาก็ก้าวเข้าสู่ระดับใหม่
โดยไม่เสียเวลา, เขาใช้คะแนนโชคลาภที่เหลือเพื่อปรับปรุงฐานการฝึกตนของเขาเอง
[ใช้คะแนนโชคลาภ 80,000 คะแนน ฐานการฝึกตนของโฮสด์ได้ทะลวงไปสู่ขั้นที่ห้าของอาณาจักรปราการสวรรค์!]
[ใช้คะแนนโชคลาภ 100,000 คะแนน ฐานการฝึกตนของโฮสด์ได้ทะลวงไปสู่ขั้นที่หกของอาณาจักรปราการสวรรค์!]
[การใช้คะแนนโชคลาภ 150,000 คะแนน ฐานการฝึกตนของโฮสต์ได้ก้าวไปสู่ขั้นที่เจ็ดของอาณาจักรปราการสวรรค์!]
[ใช้คะแนนโชคลาภ 250,000 คะแนน การฝึกตนของโฮสด์ได้ทะลวงไปสู่ขั้นที่แปดของอาณาจักรปราการสวรรค์!]
ในชั่วพริบตา, การฝึกตนของเขารุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว…..ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ในขณะนี้, เขารู้สึกว่าแม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาจักรพระราชวังสีม่วง….เขาก็มีพลังพอที่จะประมือได้
เเละหลังจากการใช้คะแนนในครานี้…. เขาก็เหลือคะแนนโชคลาภติดตัวเพียง 20,000 คะแนนเท่านั้น
ดังนั้น, หากเขาต้องการที่จะก้าวหน้าต่อไป…..เขาจะต้องสะสมคะแนนโชคลาภอีกครั้ง
โชคดีที่หลังสู้รบปรบมือกันอีกครึ่งเดือน….ภรรยาทั้งสองของเขาก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง
คราวนี้เป็นเย่ว์รู่ชวงที่ตั้งครรภ์ก่อน ตามมาด้วยจ้าวชิงเกอ
อย่างไรก็ตามวันครบกำหนดคลอดกลับไม่ห่างกันจนเกินไป
ในช่วงเวลานี้, เย่หวู่ชางไม่ได้ออกจากตระกูลเย่ไปใหน
แต่ข่าวเกี่ยวกับตำนานของเขาก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเซี่ย และแม้แต่ราชวงศ์ก็รู้ว่าผู้ฝึกดาบอัจฉริยะได้ปรากฏตัวในราชวงศ์ต้าเซี่ยแล้ว
เวลาเริ่มผ่านไปอย่างช้าๆ….จากนั้นสามเดือนก็ผ่านไป
ในช่วงเวลานี้, เย่หวู่ชางใช้เวลาเกือบทั้งวันไปกับการเฝ้าดูการเติบโตของเด็กๆเท่านั้น
หากแต่การมาถึงของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็ได้ขัดขวางความสงบสุขนี้
การมาถึงของกลุ่มคนจากเมืองโบราณชางหยวน
………………………