บทที่ 176: สมบัติเซียนเยว่ ผู้ใดกล้าแตะต้อง? อย่าหาว่าข้าไร้เมตตา!
บทที่ 176: สมบัติเซียนเยว่ ผู้ใดกล้าแตะต้อง? อย่าหาว่าข้าไร้เมตตา!
ในดินแดนเหอเป่ยทางเหนือ ที่พำนักของอ๋อง
กุนซือจูกัดได้บุกเข้าไปในห้องอักษรด้วยสีหน้าตื่นเต้น "ท่านอ๋อง ข่าวดี! มีข่าวดีเป็นอย่างมาก!”
ยามนี้มีเพียงอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือเท่านั้นที่อยู่ในห้องอักษร
เนื่องจากสิ่งไม่พึงประสงค์หลายอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ทำให้เขาเข้ามาจมปลักในห้องอักษรเพื่ออ่านตำราและแสวงหาความสงบภายในใจ หลีกเลี่ยงการติดต่อกับบุคคลภายนอก
เมื่อเห็นกุนซือของเขารีบวิ่งเข้ามาอย่างกระสับกระส่าย ท่านอ๋องจึงขมวดคิ้วและวางตำราในมือลง "กุนซือ ไฉนเจ้าจึงดูสุขใจมากเช่นนี้?"
“ฝ่าบาท มีข่าวใหญ่มาก!” จูกัดกล่าวอย่างตื่นเต้น “สมบัติ…สมบัติเซียนเยว่ได้ถูกค้นพบแล้ว!”
“สมบัติของเซียนเยว่?” ท่านอ๋องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและอุทานด้วยความประหลาดใจว่า "เป็นสมบัติที่ราชวงศ์เซียนเยว่เหลือทิ้งไว้งั้นหรือ?"
“ถูกต้องแล้วขอรับ ฝ่าบาท!” จูกัดพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“การหามันพบเป็นไปได้ด้วยหรือ? เจ้าพูดปดอยู่หรือเปล่า? เป็นเวลากว่า 200 ปีมาแล้ว หลายคนต่างหมดความพยายามในการค้นหาสมบัติ หากมันมีอยู่จริงก็คงจะถูกพบไปนานแล้ว!” ท่านอ๋องดูจะไม่เชื่อเลย
“ท่านอ๋อง เป็นความจริงขอรับ! ให้ข้าเล่าให้ท่านฟังเถิดว่าเรื่องราวมันเป็นมาเช่นไร…”
กุนซือเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดจากแผนที่ขุมทรัพย์ให้ฟัง
"ท่านอ๋อง ข้าได้ตรวจสอบข้อมูลที่เด็กน้อยเปิดเผยแล้ว มันตรงกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เป็นความลับบางฉบับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะรู้ได้เลย! ดังนั้นข่าวนี้จึงมีมูลที่จะเป็นความจริงสูง!“จูกัดกล่าวด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง”ท่านอ๋อง หากเราพบสมบัติเซียนเยว่ ซึ่งมันคงมากพอกับอาณาจักรหนึ่ง ปัญหาทางการเงินของเราจะได้รับการแก้ไข ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเราจะเป็นจริงได้!"
จิตใจของท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยเหนือคล้อยตามในทันที!
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเขาในยามนี้คือการขาดแคลนเงิน!
การไม่มีเงินทําให้ยากต่อการทำทุกสิ่งอย่าง เขาไม่อาจทำเหมือนยามในอดีตได้ เพียงออกงานเล็กน้อยมันก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับอ๋องอย่างเขาแล้ว!
แต่หากพวกเขาสามารถหาสมบัติเซียนเยว่ได้ ปัญหาการขาดแคลนเงินทองก็จะได้รับการแก้ไขทันที!
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสมบัติอันน่าอัศจรรย์พวกนี้ เราก็จะมีอํานาจมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทําให้พวกเขามีโอกาสขึ้นครองบัลลังก์มากกว่าอ๋ององค์อื่น!
พอเขาคิดเรื่องเหล่านี้มากเพียงใด ลมหายใจของเขาก็ถี่มากขึ้นเท่านั้น
“ท่านกุนซือ นี่เป็นข่าวดีมากจริงๆ! หากเราพบสมบัติเซียนเยว่เข้า โอกาสที่แผนของเราจะประสบความสําเร็จยิ่งมากขึ้น! เราไม่สามารถเสียเวลาได้แล้ว เจ้าต้องจัดกลุ่มยอดฝีมือไปสำรวจเทือกเขาชิงหลงทันที อย่าให้ผู้อื่นไปถึงที่นั่นก่อนเราได้!” ท่านอ๋องกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ขอรับท่านอ๋อง!” จูกัดเดินออกไปอย่างมีความสุข
ด้วยเหตุนี้ ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยตอนเหนือจึงส่งยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ไปสํารวจเทือกเขาชิงหลงอย่างลับๆ
ในทางใต้ อ๋องแห่งเจียงใต้ก็ได้รับข่าวนี้และรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
"เราต้องได้สมบัติเซียนเยว่มาครองให้จงได้!"
แม้ว่าเขาจะร่ำรวย แต่ต่อให้เขาสั่งสมเงินมาตลอดชีวิตของเขา มันก็ไม่สามารถเทียบได้กับสมบัติของเซียนเยว่แม้แต่เสี้ยวเดียว
หากเขาสามารถได้รับสมบัติชิ้นนี้มาครอง มันจะเป็นแรงผลักดันให้ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของเขา
ดังนั้นเขาจึงส่งกองกําลังของเขาไปทันที
"พวกเจ้าต้องออกเดินทางไปที่เทือกเขาชิงหลงทันที ค้นหาสมบัติเซียนเยว่! เมื่อเจ้าพบมันแล้ว ให้คิดหาวิธีที่จะนำมันกลับมา! หลังจากทำสำเร็จ ข้าจะให้รางวัลพวกเจ้าทุกคนอย่างไม่เห็นแก่ตัว! ไม่เพียงแต่ด้วยเงินเท่านั้น แต่ข้าจะเลื่อนฐานะของเจ้าและมอบตําแหน่งอันสูงส่งให้ รวมทั้งภรรยาและลูกๆ ของพวกเจ้าด้วย!"
“ขอรับท่านอ๋อง!”
"ในการเดินทางครั้งนี้ พวกเจ้าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจากหลายด้าน ดังนั้นต้องระมัดระวังเข้าไว้! ถ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะประเอาสมบัติเซียนเยว่มา ก็อย่าให้ใครได้มันไป เข้าใจไหม?"
“ขอรับท่านอ๋อง!”
หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว กองกำลังของอ๋องแห่งเจียงใต้ก็ออกเดินทางเช่นกัน
เจ้าแคว้นแดนอื่นที่มีความทะเยอทะยานและแม้แต่ผู้ที่มีความทะเยอทะยานในโลกวรยุทธ์ล้วนส่งผู้คนของตนไปยังเทือกเขาชิงหลง
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้พัดพานมาบรรจบกันในดินแดนอู๋ซี
ในที่พํานักของอ๋องแห่งอู๋ซี
“นายท่าน มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแล้ว! มีบางอย่างที่แย่มากขอรับ!” ชายวัยกลางคนที่ดูค่อนข้างน่าเกลียดได้รีบเข้าไปในห้องโถงด้านในด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านกุนซือ ไฉนท่านถึงตื่นตระหนกเช่นนี้?” ชายร่างท้วมกล้ามโตที่สวมเครื่องแบบนายพลได้ถามกลับ
บุคคลผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอ๋องแห่งอู๋ซี ผู้ปกครองสูงสุดของอู๋ซี ส่วนชายที่ตื่นตระหนกและน่าเกลียดผู้นี้เป็นกุนซือของเขาเอง นามแท้จริงของเขาไม่มีผู้ใดทราบ แต่ด้วยความช่วยเหลือของเขา จึงทำให้อ๋องผู้นี้ได้ทำการใหญ่มากมายสำเร็จหลายครั้ง เขาจึงเรียกอีกฝ่ายว่าเฟิงชู
เฟิงชูได้วิ่งไปหาอ๋องแห่งอู๋ซีและสูดหายใจสองสามครั้ง ก่อนที่จะกล่าวว่า “นายท่าน สมบัติเซียนเยว่ได้ถูกค้นพบแล้ว มันอยู่ใกล้กับทางลับที่เราใช้ในการขนส่งเสบียงและอาวุธในเทือกเขาชิงหลง!”
อ๋องแห่งอู๋ซีขมวดคิ้วแน่น "ท่านกุนซือ บอกเรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นให้ข้าฟังที!"
“ขอรับนายท่าน”
เฟิงชูได้บอกรายละเอียดทุกอย่างถึงเรื่องขุมทรัพย์ที่ค้นพบ
หลังจากฟังแล้ว อ๋องแห่งอู๋ซีก็กระสับกระส่าย ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโหลิต "สมบัติของเซียนเยว่!"
ตั้งแต่เขายังเยาว์วัย เขาเคยได้ยินตํานานของสมบัติเซียนเยว่ ซึ่งเป็นสมบัติที่มีมูลค่าอย่างน้อย 300 ล้านตำลึง เป็นเงินเพียงพอที่จะทัดเทียมกับอาณาจักรที่มั่งคั่งหลายแห่ง!
หากใครสามารถได้รับสมบัติเซียนเยว่มาครอง พวกเขาจะกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!
เขาเพ้อฝันหลายครั้งว่ามันจะเป็นยังไงถ้าเขาสามารถเป็นเจ้าของสมบัติเซียนเยว่ได้!
หากเขาได้มันมา เขาจะไม่ขาดแคลนอาวุธและเสบียงอีกต่อไป!
ทําไมเขาต้องทําลายชื่อเสียงและเสียสละผลประโยชน์ของเขาด้วยการร่วมมือกับราชวงศ์ต้าเยว่ด้วย?
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสมบัติเซียนเยว่ที่รอคอยมานานนั้นถูกซ่อนไว้ใกล้ทางลับที่พวกเขาขนส่งเสบียงและอาวุธในเทือกเขาชิงหลง!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมันอยู่ใต้จมูกของเขาเอง!
นี่มันเหมือนกับ...
สวรรค์กำลังช่วยเหลือข้า!
อ๋องแห่งอู๋ซีจึงหัวเราะอย่างมีชัย "ท่านกุนซือ นี่เป็นโอกาสอันน่ายินดีอย่างชัดเจน ไฉนท่านถึงบอกว่ามันเป็นข่าวไม่ดีกันเล่า? ท่านล้อเล่นข้าอยู่หรือเปล่า? ฮ่าฮ่า..."
เฟิงชูจึงตอบอย่างกระวนกระวายใจว่า "นายท่าน ถ้าสมบัติอยู่ที่อื่น มันคงจะเป็นโอกาสที่น่ายินดีอย่างยิ่ง! แต่เนื่องจากสมบัตินี้ถูกซ่อนอยู่ในดินแดนของเรา มันจึงกลายเป็นหายนะใหญ่หลวง!”
“ยามนี้ข่าวเกี่ยวกับสมบัติเซียนเยว่ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว ยอดฝีมือและกองกำลังจากทุกดินแดนได้ส่งคนมาสำรวจเทือกเขาชิงหลง! คนเหล่านี้ไม่อาจรับมือได้ง่าย และหากเราขัดแย้งกับพวกเขา การบาดเจ็บล้มตายคงหลีกเลี่ยงไม่ได้!”
“ข้ามีทหารเป็นล้าน ไฉนเลยต้องหวาดกลัว?” อ๋องแห่งอู๋ซีประกาศกร้าวอย่างเย่อหยิ่ง
“นายท่าน แม้ว่าเราจะมีกองกำลังมากมาย แต่เราก็ไม่สามารถจัดการทุกคนในโลกหล้าได้!” เฟิงชูยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
“ที่นี่คืออาณาเขตของข้า และข้าก็เป็นผู้ดูแล ข้าจะไม่ยอมให้ใครมากล้าถือดีต่อหน้าข้า!” อ๋องแห่งอู๋ซียังคงกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง "ท่านกุนซือ ไปรวบรวมทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของเราทันที ปกป้องเส้นทางสําคัญของเทือกเขาชิงหลงเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปโดยเด็ดขาด! นอกจากนี้ รวบรวมกองกําลังไปสํารวจภูเขาและค้นหาสมบัติด้วย! แม้ว่าเราจะต้องขุดลงไปในดินสามจั้ง แต่เราก็จะต้องเอาสมบัติกลับคืนมา!”
เฟิงชูถึงกับตกตะลึง “นายท่าน จะใช้คนของเราไปขุดหาขุมทรัพย์แทนงั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องตระเตรียมทำสงครามหรอกเหรอ? ราชวงศ์ต้าเยว่ได้เร่งเรามาหลายครั้งแล้วนะขอรับ!”
“เราค่อยไปจัดการเรื่องพวกเขาในภายหลัง เรื่องสงครามทำยามใดก็ย่อมไม่มีปัญหา! สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาสมบัติ!” อ๋องแห่งอู๋ซีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า "สมบัติเซียนเยว่จะต้องไม่ตกเป็นของใครนอกจากข้า! ถ้าผู้ใดกล้าวางนิ้วบนมัน พวกมันจะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปราณี!"
พลังที่น่าสะพรึงได้เล็ดลอดออกมาจากเขา!
ความโกลาหลที่เกิดจากสมบัติเซียนเยว่ได้ดึงดูดความสนใจของราชวงศ์อู๋อย่างไม่ต้องสงสัย
ในระหว่างการประชุมราชสำนัก จักรพรรดินีก็เอ่ยถามว่า "เรื่องสมบัติเซียนเยว่ ท่านเสนาบดีคิดเฉกเช่นไรกันงั้นหรือ?"
"ฝ่าบาท ถ้าไม่มีไฟเกิดขึ้น ที่ไหนเลยจะมีควัน!" เสนาบดีกรมกลาโหมหลี่ไคกวงได้ยืนขึ้นและกล่าวตอบเสียงดังว่า "กระหม่อมได้ยืนยันข่าวเรื่องสมบัติเซียนเยว่โดยการตรวจสอบและอ้างอิงโยงกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ของวังแล้ว รวมทั้งเมื่อพิจารณาถึงความโกลาหลที่เกิดขึ้นนี้ มันก็เป็นข่าวลือที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือมาก! กระหม่อมขอแนะนําว่าเราไม่ต้องคํานึงถึงความถูกต้องของข่าว เพียงส่งคนไปตรวจสอบเถิดพ่ะย่ะค่ะ!"
"หากสมบัติมีอยู่จริง เทือกเขาชิงหลงมันก็ตั้งอยู่ในอาณาเขตอาณาจักรอู๋เรา ถือว่าเป็นของเราโดยชอบธรรม! ถ้าสมบัติไม่มีอยู่จริง คิดเสียว่ามันเป็นการออกสำรวจที่สูญเปล่า ไม่ได้มีสิ่งใดต้องเสียหาย!"
จักรพรรดินีพยักหน้า “คำพูดของท่านเสนาบดีหลี่ก็สมเหตุสมผล เช่นนั้นเราควรมอบหมายเรื่องนี้ให้ผู้ใดหรือ?”
ในยามนั้นเอง หลินเป่ยฟานก็ก้าวไปข้างหน้าและกล่าวเสียงดังว่า "ฝ่าบาท มอบหมายหน้าที่นี้ให้กระหม่อมเถิด! หากสมบัติมีอยู่จริง กระหม่อมจะหาทางนำมันกลับมามอบให้!”
เหตุผลที่เขากระตือรือร้นมากเช่นนี้ เพราะเขาต้องการไปสร้างปัญหาที่นั่น!
นอกจากนี้ เขาก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเขาจะไปหากำไรจากที่นั่นได้หรือเปล่า!
“ฝ่าบาท ผู้อำนวยการใหญ่หลินยังหนุ่มแน่น มีความสามารถ ชาญฉลาดและกล้าหาญ เขาเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจนี้! ด้วยเหตุนี้มอบหมายหน้าที่ให้ผู้อำนวยการใหญ่หลินเถิดพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเชื่อว่าเขาจะทำงานนี้สำเร็จได้แน่!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! ผู้อำนวยการใหญ่หลินมีความเฉลียวฉลาด ประสบความสำเร็จในการทำคุณงามความดีหลายอย่างให้แก่ราชสำนัก กระหม่อมเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ยากเกินไปสำหรับเขาแน่! การมอบหมายเรื่องนี้ให้ผู้อำนวยการใหญ่ กระหม่อมมั่นใจว่ามันต้องสำเร็จ!”
"ฝ่าบาท มอบหมายหน้าที่นี้ให้ผู้อำนวยการใหญ่หลินเถิดพ่ะย่ะค่ะ!"
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
"กระหม่อมก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"
…
เหล่าเสนาบดีทุกคนเห็นด้วย ไม่ใช่เพราะพวกเขาใจดี แต่เพราะพวกเขาอยากเห็นหลินเป่ยฟานตายเสียที!
สําหรับงานที่อันตรายยิ่งยวดเช่นนี้ หากคิดแส่สอดหางเข้าไป มีหรือจะไม่ตาย?
ในที่สุดความปรารถนาของพวกเขาก็จะเป็นจริงเสียที!
ทว่าจักรพรรดินีกลับไม่เต็มใจที่จะด่วนตัดสิน…
เพราะคนผู้นี้อาจหนีไปได้ตลอดเวลา เทือกเขาชิงหลงอยู่ไกลมาก ถ้าเกิดเขาไม่กลับมากันเล่า?
นอกจากนี้ ท่านหญิงเซียนเยว่ยังโฉมงามมากจนเขาอาจหลงใหลเสน่ห์นางเข้า!
สตรีผู้นี้มีผิวขาวนวล งดงามและร่ำรวยมาก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่อาจต้านทานการล่อลวงเหล่านี้ได้?
ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปไหนแน่!
ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดินีจึงกล่าวด้วยความเป็นห่วง “ท่านหลิน แต่ที่นั่นอันตรายเกินไป! ท่านเป็นเพียงบัณฑิต ท่านจะไปทำอะไรที่นั่นได้กัน? การอยู่ที่นครหลวงย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่า! เสนาบดีหลี่ ท่านไปแทนดีไหม?”
เสนาบดีกรมกลาโหมหลี่ไคกวงถึงกับเงียบกริบไป
เขาแทบอยากกระอักเลือดออกมา!
"นี่มันเลือกที่รักมักที่ชังชัดๆ" เขาได้แต่คิดในใจ
ฝ่าบาท แม้ว่าท่านจะเลือกที่รักมักที่ชัง แต่ก็อย่าทำออกนอกหน้าเช่นนี้สิ!
ถ้ามันอันตรายสําหรับหลินเป่ยฟาน แล้วข้าจะต้องไปแทนจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือไงกัน?
“แค่ก แค่ก… ฝ่าบาท กระหม่อมก็เป็นเพียงบัณฑิตที่ไม่มีทักษะการต่อสู้เช่นกัน ข้าไม่เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้เลย! ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าที่จะมีผู้ที่มีความสามารถไปจัดการเรื่องนี้!” หลี่ไคกวงก้าวถอยหลังออกไป
จักรพรรดินีไม่ได้กล่าวอะไรต่อ นางเริ่มพิจารณาคิดถึงกรมต่างๆ ที่ควรลงมือ
องค์รักษ์เสือแพร สำนักตะวันออก สำนักตะวันตก ทหารรักษาการณ์ สำนักพิทักษ์คุณธรรม...
ทหารรักษาการณ์ของพระราชวังมีไว้เพื่อปกป้องพระราชวังโดยเฉพาะ อาจไม่เหมาะให้ไปล่าสมบัติ
ส่วนสำนักตะวันออกและสำนักตะวันตกเป็นกองกำลังส่วนตัวของนาง ไม่ควรนำออกไปใช้เล่นๆ
ส่วนองค์รักษ์เสือแพรก็ถูกใช้เพื่อจัดการดูแลเหล่าขุนนาง ไม่ควรนำพวกเขามาใช้อย่างเปิดเผยสักเท่าไรนัก
ยิ่งไปกว่านั้น สมบัติเซียนเยว่นี้เป็นของปลอม ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องส่งกองกําลังจริงไปเลย ทว่าเราก็ต้องร่วมการแสดงครั้งนี้ด้วย
เช่นนั้นก็เหลือเพียง…
"ให้สำนักพิทักษ์คุณธรรมเรื่องนี้!"
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” หัวหน้ากั๋วได้ก้าวมาข้างหน้าเพื่อรับคำสั่ง
จักรพรรดินีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "หัวหน้ากั๋ว เรื่องนี้มีความสําคัญอย่างยิ่ง และต้องไม่มีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้น! หากคุณมีคำถามใด ท่านสามารถปรึกษากับท่านหลินได้ เขามีไหวพริบและมีกลยุทธ์อยู่เสมอ เขาคงจะสามารถช่วยท่านได้!”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” หัวหน้ากั๋วตอบเสียงดังฟังชัด
สุดท้ายเรื่องนี้ก็ถูกตัดสินแล้วว่าผู้ใดต้องส่งตัวไป!