Chapter 810 ชายหนุ่มผู้ร่ำรวย
เด็กหนุ่มจ่ายหนึ่งล้านอย่างง่ายดาย โดยที่ดวงตาแทบไม่กระพริบ!
ถึงกับทำให้จุนซ่างเซียวขอเป็นสหายทันที!
“ยังหิวอีกรึ? ข้าวผัดคงไม่อิ่ม.”
“อีกอย่างในข้าวผัดก็ไม่ได้มีสารอาหารมากมาย.”
“จื่อหลิน เจ้าไปยังแม่น้ำจับปลาหลีฮือกลับมา จะได้ให้ตู้ตู้ทำผัดเปรี้ยวหวานปลาหลีฮือกินกัน.”
เจ้านิกายจุนที่ต้อนรับอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น ทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้เล็กน้อย.
“ปลาหลี่ฮื้อผัดเปรี้ยวหวานอย่างงั้นรึ?”
ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งตกใจ“ดูเหมือนว่านี่คือผู้ชนะเลิศทำอาหารจังหวัดซีเหนียนหยาง แม่นางหลิวหว่านซีที่เป็นคนทำอย่างงั้นรึ?”
“เจ้าได้ยินมาก่อนอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวที่ตกใจ.
“แน่นอน!”
เด็กหนุ่มเอ่ย “งานอดิเรกที่ข้าชอบที่สุด ก็คือ ชิมอาหารทั่วโลก!”
ใช่
งานอดิเรกเขานั้นเหมือนกับเจิ้นเต๋อจวิน.
น่าเสียดายที่พลังบ่มเพาะต่ำไปหน่อย ไม่ได้เป็นที่สนใจของเหล่านิกายใหญ่ เดี๋ยวก่อน....หากเจ้าเด็กนี้ร่ำรวย ก็น่าจะได้รับการยอมรับจากนิกายใดนิกายหนึ่งไม่ใช่รึ?
“แค๊ก ๆ”
จากนั้นจุนซ่างเซียวก็กระแอมและชี้ไปยังหลิวหว่านซี“นางคือหลิวหว่านซี ปลาหลีฮื้อผัดเปรี้ยวหวานเป็นฝีมือนางเอง.”
“อ๋า!”
เด็กชายที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต เอ่ยออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ“เจ้า....เจ้าก็คือหลิวหวานซี???”
“อืม.”หลิวหว่านซีพยักหน้ารับ.
“โอ้วสวรรค์!”
ชายหนุ่มยืนขึ้น พร้อมกับยกมือหยิกหน้าตัวเอง“นี่ข้าไม่ได้ฝันอย่างงั้นรึ? เป็นนางจริง ๆ!”
จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลังแนะนำตัวเอง “ข้าจุนซ่างเซียว เจ้านิกายนิรันดร.”
เด็กชายหาได้สนใจเขาอย่างชัดเจน ยังคงจับจ้องมองไปยังหลิวหว่านซี พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“ไม่สงสัยเลยว่าข้าวผัดอร่อยขนาดนี้ แท้จริงก็คือผู้ชนะเลิศงานทำอาหารประจำจังหวัดนี่เอง!”
“สหายน้อย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่รู้ว่าเจ้ามีสถานะใด?”
“แม่นางหลิว.”
เด็กชายเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “หากว่าได้กินปลาหลี่ฮื้อผัดเปรี้ยวหวานของเจ้า คงทำให้ข้าได้รับการอวยพรอีกสามชาติ!”
“......”
จุนซ่างเซียวมุมปากกระตุก.
ประมุขนิกายระดับประเมินสามA เลยนะ คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเฉยเมยใส่ นี่เรื่องอาหารของเด็กคนนี้ สำคัญกว่าข้าเลยรึ?
“จื่อหลิน เจ้ายังทำอะไรอยู่.”จุนซ่างเซียวเอ่ย “ยังไม่รีบไปจับปลาอีก.”
“รับทราบ!”
ราชาสัตว์จื่อหลินเร่งรีบออกไปทันที.
ปรกติแล้วเขาที่เป็นราชาสัตว์ การทำเรื่องเช่นนี้น่าละอายนัก ทว่าคิดถึงปลาหลีฮื้อผัดเปรี้ยวหวานที่หลิวหว่านซีทำ เขาก็รู้สึกจริงจัง และตื่นเต้นขึ้นมาทันที.
“สหายน้อย ศิษย์ของข้าต้องเดินทางไปเข้าร่วมงานประลองเทพอาหาร การต้องมาทำอาหารให้เจ้า บางที่อาจทำให้แผนการเดินทางล่าช้า.....”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เด็กชายที่ราวกับเข้าใจความหมาย ยกมือเกาศีรษะและเอ่ยออกมาว่า“ข้าไม่มีเงินแล้ว.”
ไม่มีเงินแล้ว?
ใบหน้าของจุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางผิดหวังชัดเจน.
“...”
ชายหนุ่มเอ่ย “ข้ามีศิลาวิญญาณธรรมชาติหนึ่งหมื่น หากแม่นางหลิวไม่รังเกียจ ข้ายินดีที่จะจ่ายเป็นค่าเสียเวลาในการเดินทาง.”
“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจเลย.”จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม.
ก่อนหน้าจ่ายหนึ่งล้าน ตอนนี้จ่าย 10,000 ศิลาวิญญาณธรรมชาติ เด็กชายผู้นี้ควรค่าที่จะคบหาระยะยาวจริง ๆ!
อย่างไรก็ตาม ไฉนเลยเขาถึงได้เดินทางคนเดียวกัน?
ไม่หวาดกลัวที่จะถูกคนปล้นเลยรึ?
หรือว่าจะมีคนแอบซุ่มคอยคุ้มกันเขาลับ ๆ หากไม่มีอันตรายก็จะไม่ออกมา.
คนรวยในโลกนี้ มันจะทำอะไรที่แปลกประหลาดอยู่แล้ว.
ระบบ“.......”
ว่าแต่คนอื่น ไม่คิดรึว่าสมองของตัวเองก็มีปัญหาอยู่.
เด็กชายที่ใช้จ่ายมือเติบเป็นอย่างมาก เขาส่งศิลาวิญญาณธรรมชาติ 10,000 ออกมาง่าย ๆ คิ้วแทบไม่ขยับ ราวกับว่าไม่อยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย.
“ปลามาแล้ว!”
ราชาสัตว์จื่อหลินที่นำปลาหลี่ฮื้อจากทะเลสาบมาหลายตัว.
จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม “ตู้ตู้ เจ้าก็ทำปลาหลี่ฮื้อผัดเปรี้ยวหวานให้กับสหายน้อยคนนี้ได้ชิมหน่อย.”
“ตกลง.”
หลิวหว่านซีที่สวมชุดกันเปื้อน ก่อนที่จะชำแหละปลา ขอดเกล็ด บั้งปลา ด้วยทักษะที่น่าเหลือเชื่อ.
เด็กชายถึงกับต้องอุทาน“ช่างเป็นวิชาที่ร้ายกาจยิ่งนัก แม่นางหลิวถือเป็นสุดยอดแม่ครัว!”
......
หลังจากผ่านไปสองก้านธูป.
ปลาหลี่ฮื้อผัดเปรี้ยวหวานที่ถูกตักใส่ถ้วยและราดน้ำซอสเข้มข้นเป็นประกาย.
เพราะว่านางสามารถก้าวเข้าไปใกล้เจ้าของสูตรดั้งเดิม ทำให้ทุกการกระทำของนางแทบจะสมบูรณ์แบบจนไม่มีข้อบกพร่องเลย.
“เชิญ.”หลิวหว่านซีเอ่ย.
“อืม.”
ชายหนุ่มที่นำโต๊ะส่วนตัวนำออกมาวาง.
มีจานรอง ช้อนซ่อมมีดและตะเกียบ เพียงแค่มองก็บอกได้แล้วว่าพวกมันสร้างขึ้นมาจากทองคำทั้งหมด!
“เย้ดเข้.”
จุนซ่างเซียวถึงกับต้องอุทานออกมา “รวยจริง ๆ!”
เขาที่ใช้เพียงแค่ตะเกียบไม้ไผ่ จานชามทั่วไป ทำมาจากพลาสติกที่ซื้อมาจากร้านค้าระบบ นี่ก็ถืออว่าสุดยอดสำหรับเขาแล้ว.
ดวงตาของหลิวหวานซีทีเผยความประหลาดใจเช่นกัน.
นางที่ไม่ได้สนใจเครื่องเรือนที่แพงนั่นแต่อย่างใด ทว่าฝ่ายตรงข้ามที่เคลื่อนไหวเป็นแบบแผนเป็นอย่างมาก.
เด็กชายที่ค่อย ๆ ใช้ตะเกียบ อย่างเป็นระเบียบแบบแผน ค่อย ๆ บรรจงในการคีบอาหารเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “กินยังกะผู้เชี่ยวชาญ!”
ชายหนุ่มที่ค่อย ๆ นำอาหารเข้าปากช้า ๆ.
เขาที่ไม่เคี้ยวในทันที ทว่าเขาใช้ลิ้นที่รับรสชาติของอาหารอย่างช้า ๆ.
ผ่านไปอย่างเชื่องช้า.
คิ้วขมวด ผ่อนคลาย ขมวดอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า......
ใบหน้าของเด็กชายที่เปลี่ยนไปมาไม่หยุด ราวกับว่ากำลังต่อสู้อย่างหนักหน่วงในสนามรบ.
โหยน้องชาย!
นี่เจ้ากินอาหารจริง ๆ!
จุนซ่างเซียวที่แทบกระวนกระวาย อยากพุ่งเข้าไป จับอาหารยัดใส่ปากของเขาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย.
หลังจากเพ่งพิศ เด็กชายก็เริ่มเคี้ยว.
ฟันขยับครั้งหนึ่ง ก็หยุด เขาที่หลับตาลง ราวกับให้วิญญาณได้ซึมซับและล่องลอยไปไกลแสนไกล.
“ติ๊ง-ต๊อก!”
“ติ๊ง-ต๊อก!”
น้ำตาที่ไหลที่มุมสายตา อาบแก้มหล่นลงบนโต๊ะ.
ชายหนุ่มที่กลืนอาหารลง จากนั้นก็วางตะเกียบ ยกมือปาดน้ำตา สะอื้นเบา ๆ“ได้กินอาหารที่อร่อยขนาดนี้ เกิดมาชาตินี้ไม่เสียใจแล้ว!”
“.......”จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.
หากไม่เพราะรูปร่างอีกฝ่ายอายุยังน้อย คำพูดดังกล่าวนั้น ราวกับคนผ่านประสบการณ์มาเนิ่นนาน
“เกรงว่า!”
ชายหนุ่มที่ถอดแหวนออกมา“อาหารอร่อยขนาดนี้ เพียงแค่หนึ่งหมื่นศิลาวิญญาณคงไม่พอ นี่อีก 10,000 โปรดรับไปเถอะ!”
จุนซ่างเซียวที่รับมา พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“สหายน้อยกินอาหารอย่างพิถีพิถัน เปิ่นจั้วเห็นว่าเจ้าเป็นยอดฝีมือด้านการชิมอาหารอย่างแน่นอน!”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยความละอาย “แม้นว่าข้าจะขี้เกียจ ทว่าเรื่องการชิมอาหารนั้นเปรียบได้เหมือนกับการศึกษา อาหารที่กินเข้าปากแต่ละอย่างสำหรับข้าย่อมแตกต่างจากคนอื่น.”
“คนที่หมดสติเพราะหิวทั้งที่เชี่ยวชาญการชิมอาหาร เปิ่นจั้วไม่เคยเห็นมาก่อน!”จุนซ่างเซียวกล่าว.
ชายหนุ่มที่เผยยิ้ม พร้อมกับเก็บโต๊ะของตัวเอง “ข้ากินอิ่มแล้ว.”
“กินคำเดียวอิ่มแล้วรึ?”จุนซ่างเซียวถึงกับตะลึง.
เด็กชายเอ่ย “ข้ากินอาหารไม่ใช่เพราะระงับหิว ทว่าเพื่อต้องการค้นหาอาหารที่รสชาติดี หนำซ้ำ ข้าเพิ่งปะทังหิวด้วยข้าวผัดมาก่อนหน้านี้แล้ว.”
“......”
กินอาหารที่ราวกับชื่นชมความงามของดอกไม้ ไม่สงสัยเลยว่าจะหิวจนหมดสติ.
“เช่นนั้น....”
ราชาสัตว์จื่อหลินเอ่ย “ข้ากินต่อได้แล้วหรือไม่?”
เห็นชายหนุ่มกินถึงกับร้องไห้ ทำให้ท้องของเขาเริ่มร้องแล้ว.
“กินเลย.”
ฟิ้ว!
ราชาสัตว์จื่อหลินที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้กินเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญอันใด เขาที่ยกอาหารเทใส่ปากเคี้ยวและกลืนเลย จากนั้นเขาก็เริ่มน้ำตาไหลออกมาเช่นเดียวกัน.
......
“สหายน้อยมีนามว่าอะไร?”
“ข้ามีสกุลว่าเฉียน(เงิน) เรียกข้าว่าเฉียนปูโตวก็ได้.”
“ชื่อดี!”
“ก่อนหน้านี้เจ้านิกายจุนเอ่ยว่า จะนำแม่นางหลิวเข้าร่วมงานประลองเทพอาหารอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
“ข้าเพิ่งเดินทางมายังเมืองจักรพรรดิต้าจุน ไม่รู้ว่าจะร่วมเดินทางได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา ทว่าน้องเฉียนต้องการไปยังเมืองจักรพรรดิจริง ๆ รึ?”
“กับการแข่งขันที่น่าดึงดูดขนาดนั้น เฉียนโหมวนั้นมีหน้าที่ประเมินอาหารงานประลองเทพอาหาร.”
“โอ้ว.”
กึก-
จุนซ่างเซียวแทบจะนั่งลงกับที่ ใบหน้าสั่นไหว “เจ้า....เป็นผู้ประเมินอาหารงานประลองเทพอาหารอย่างงั้นรึ?”
“นี่คือตราประเมินของข้า.”
เฉียนปูโตวที่นำตราสีทองออกมา เขียนไว้ว่า หัวหน้าผู้ตัดสินงานประลองเทพอาหารครั้งที่ 49.
เฮ้ย!
หัวหน้าผู้ตัดสิน!
“น้องเฉียน ข้าคิดว่าพวกเขาถึงจะเพิ่งพบกันก็เหมือนกับสหายที่เคยรู้จักกันมานานแล้ว ข้าถึงกับกระทำการน่ารังเกียจ ตั๋วแลกเงินและศิลาวิญญาณ 20,000 นี้ เปิ่นจั้วไม่ต้องการ โปรดนำกลับไปเถอะ.”