ตอนที่แล้วChapter 804 อดทนต่อความล้มเหลว แล้วลุกขึ้นมายืนใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 806 ราชา ท่านเปลี่ยนไปแล้ว

Chapter 805 ข้าวผัดแห่งความเศร้า


ไต่ลู่ที่ก้าวเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงไปบนผืนทราย แผ่นหลังของเขาที่บ่งบอกได้ว่าเศร้าใจสุด ๆ.

“เจ้าหนู เจ้าไม่ควรหมดความกล้า.”

เผ่าวิญญาณเอ่ยกล่าวปลอบใจ“ไม่มีสายโลหิตกลืนกิน แต่ก็มีเคล็ดวิชากลืนกัน ขอเพียงเจ้ายกระดับสูงขึ้นไปได้ ก็จะไร้เทียมทานในโลกใบนี้ได้!”

เพื่อที่จะกลับโลกตัวเองให้ได้ เขาจะต้องฟื้นฟูพลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุด.

ทว่ามีสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเกิดขึ้น ค่ายกลที่ราชันย์ค่ายกลถูกปรับเปลี่ยนนี้ ดูแปลกประหลาดโดยสมบูรณ์ ทำให้แผนการเดิมของเขาล้มไม่เป็นท่า ตอนนี้มีทางเดียวคือช่วยมนุษย์คนนี้ให้แข็งแกร่ง.

แม้นว่าจะโง่ไปหน่อย ทว่าก็สามารถหลอกได้ง่ายเช่นกัน.

อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ที่เขามีพลังเพียงพอ ก็จะสามารถควบคุมร่างอีกฝ่ายได้ จากนั้นทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเขาเหมือนเดิม.

ไต่ลู่ที่ไม่รู้ว่า ตัวเองกลายเป็นหมากของเผ่าวิญญาณ ตอนนี้เขาบาดเจ็บและเต็มไปด้วยความเศร้าใจ ก่อนที่จะถูกปลอบ.

“ฟู่!”

เขาพ่นลมหายใจ และกำหมัดแน่น.

“ข้าจะบ่มเพาะให้หนัก เพิ่มความแข็งแกร่ง สักวัน ข้าจะให้เย่ซิงเฉินและจุนซ่างเซียวต้องคุกเข่าลงต่อหน้าข้า!”

บุรุษแก้แค้นร้อยปีไม่สาย!

“ดังนั้น.”

เผ่าวิญญาณที่กล่าวแนะนำ “เจ้าไม่ต้องไปหาสัตว์ร้ายหรือพืชเพื่อดูดซับพลังแล้ว ค้นหาเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถยกระดับได้เร็วขึ้น.”

ขณะเดินทางมายังจังหวัดเป่ยโม่ เขาได้รับคำแนะนำเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า.

ทว่าไต่ลู่ยังคงควบคุมการดูดกลืน เขาจะดูดซับพลังจากสัตว์ร้ายและต้นไม้เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะดูดซับพลังจากผู้ฝึกยุทธ์.

กล่าวให้ถูกต้อง.

ตั้งแต่ที่มีพลังกลืนกิน เขาก็ตั้งหลักดูดซับเพียงสัตว์ร้าย ส่วนผู้ฝึกยุทธ์มีเพียงคนที่มาหาเรื่องเขาเท่านั้น ถึงจะถูกดูดพลัง.

“ทำไมข้าต้องสร้างความแค้นกับคนอื่น ดูดซับพลังจากคนที่ไม่ได้มีความแค้นใด ๆ ต่อกันด้วย?”ไต่ลู่เอ่ย.

“เจ้าหนู.”

เผ่าวิญญาณเอ่ย “ถึงเจ้าไม่สร้างศัตรูกับคนอื่น คนอื่นก็เป็นศัตรูกับเจ้าอยู่ดี การมีความเมตตามีแต่จะผลักเจ้าลงสู่นรกเร็วขึ้น.”

ไต่ลู่ที่แววตากลายเป็นเย็นชา.

“ฟังข้า.”

เผ่าวิญญาณที่เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“มีเพียงดูดซับพลังจากผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น ถึงจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้เจ้าสามารถล้างแค้นได้!”

“ดี!”

ไต่ลู่เอ่ย “ข้าจะลองดู!”

“หืม?”

ระหว่างทางไปยังเมืองซังเฟิง เขาเห็นชายชราคนหนึ่งที่ก้าวออกมา ดวงตาของเขาที่เป็นสีเขียว“เริ่มที่เขานี่ล่ะ!”

คนที่ไต่ลู่เห็น คือคือเฒ่าประหลาดสวีของนิกายเฉิงเฟิง ที่เพิ่งออกจากปิดด่าน เตรียมเข้าไปจัดการธุระในเมือง.

“อ๊าก! อ๊าก!”

“อาวุโส ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้ว!”

“ตูมมม ครืนนน-----”

ในคืนวันนั้น ไต่ลู่ที่เขียวช้ำไปทั่วร่าง กำลังพยุงกายลากร่างตัวเองเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง เพื่อหลบพักเลียบาดแผล เผ่าวิญญาณที่แทบคำรามออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ“จะไปดูดพลังใครดูให้มันดีหน่อย ต้องการตายก่อนรึไง ถึงได้ไปหาเรื่องจักรพรรดิยุทธ์!”

......

นิกายนิรันดร.

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถง.

อุโมงค์มิติที่มั่นคงแล้ว เผ่าวิญญาณไม่สามารถรุกรานมาในเวลาอันสั้นได้.

ดังนั้นกล่าวได้ว่าเรื่องนี้หยุดเอาไว้ชั่วคราว สิ่งที่เขาต้องการให้ความสำคัญที่สุด ก็คือภารกิจมหากาพย์.

“แม้นว่าภารกิจมหากาพย์ที่เจ็ด จะเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำแล้ว ทว่าก็มีเวลาหนึ่งปีถึงจะสรุปผล ยังมีเวลาทำให้เกินเป้า.”จุนซ่างเซียวเอ่ยเสียงเบา.

“งานประลองเทพอาหาร.”

“จากนี้น่าจะมีเวลาอยู่ 2-3 เดือน ไม่รู้ว่าตู้ตู้เตรียมการเป็นอย่างไรบ้าง?”

ด้วยเหตุนี้ จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้นก้าวไปยังหออาหารทันที.

ขณะก้าวเข้าไป ก็เห็นลี่ซ่างเทียนและซือหม่าจงต้าตลอดจนศิษย์คนอื่น ๆ ที่กำลังร้องโหยหวน น้ำตาไหลอาบพื้นอยู่.

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

หรือว่าลี่เฟยใช้พลังกายาท้อแท้ ทำให้คนอื่น ๆ เศร้าซึม จนอยู่ในสภาพนี้อย่างงั้นรึ?

ไม่ใช่สิ!

เจ้าเด็กนั่นอยู่ในหอคอยเก็บประสบการณ์ ไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย.

“เจ้านิกาย....”ลี่ซ่างเทียนที่ปาดน้ำตา สะอื้นเป็นระยะ ๆ “ข้าวผัดศิษย์น้องหลิว.....อร่อย......”

จุนซ่างเซียวพบว่า ที่ด้านหน้าพวกเขามีจานข้าวผัด ที่ส่องแสงขาวแผ่ประกายวับวาว ก่อนจะเหลือกตามอง “กินแล้ว เลยทำให้อยู่ในสภาพนี้ตลอดเลยรึ?”

“.....ไม่....”

ลี่ซ่างเทียนที่ยังคงร้องไห้ “ข้าวผัด...หลังจากกินไปคำเดียว....ฮือ ฮือทำให้ข้าร้องไห้ไม่หยุด....ฮือ ๆ”

“พัฒนาอาหารจานใหม่ได้อย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ก้าวมายังโต๊ะ ก่อนที่จะตักอาหารขึ้นมา“เปิ่นจั้วขอลองชิมดู.”

......

“ถางจู่ลี่!”

ที่ด้านหน้าหออาหาร หลิวหว่านซีที่เผยยิ้ม “ข้าเพิ่งพัฒนาข้าวผัดแบบใหม่ได้ในวันนี้ ลองชิมดูไหม!”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าถึงกับเอ่ยด้วยตัวเอง ข้าเริ่มรู้สึกสงสัยแล้ว.”

“หากท่านรู้ จะต้องไม่กล้ากินแน่!”

“ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่า.....”

สาวน้อยที่เผยยิ้มพลาย “ข้าได้ใส่เครื่องปรุงพิเศษ หากกินจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์จนต้องร้องไห้ออกมา!”

ลี่ลั่วฉิวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.“ลึกล้ำขนาดนั้นเลยรึ?”

ขณะทั้งสองก้าวเข้าไปในหออาหาร ท้ายที่สุดก็ต้องหยุดชะงัก เพราะว่าพบเห็นคนสามคนกำลังร้องไห้โฮอยู่.

“เฮ้....สาวน้อย...”จุนซ่างเซียวที่ปาดน้ำตา ขณะร้องไห้และเอ่ยออกมาว่า“ในข้าวผัดของเจ้า....ใส่แกสน้ำตาเข้าไป อ๊าก....”

“หา?”

หลิวหว่านซีที่อ้าปากคร้าง “ท่านกินข้าวผัดไปแล้วรึ?”

......

จุนซ่างเซียว ลี่ซ่างเทียนและซือหม่าจงตะที่ร้องไห้มาครึ่งชั่วยาม น้ำตาคลออาบไปทั่วใบหน้า.

หลิวหว่านซีที่รู้ว่าได้ทำผิดไปแล้ว ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวเสียงเบา “เจ้านิกาย ข้าขอโทษ....ข้าไม่คิดว่า ท่านจะมาชิมข้าวผัด....”

“ไม่ผิด ไม่ผิด.”

จุนซ่างเซียวที่นั่ง ปาดน้ำตาเอ่ยออกมาว่า“ข้าวผัดใหม่ของเจ้า หากว่านำมันเข้าร่วมแข่งขันเทพอาหาร จะต้องมีคนร้องไห้น้ำตาท่วมอย่างแน่นอน.”

“เจ้านิกาย จานนี้แค่ธรรมดาเท่านั้น ในงานประลองเทพอาหาร ข้าเตรียมอาหารที่ดีกว่านี้ไว้แล้ว.”หลิวหว่านซีเอ่ย.

“ดีกว่าอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากเป็นเช่นนี้ งานประลองเทพอาหาร เจ้าก็จะได้ชนะเลิศง่าย ๆ เลยแน่!”

“เจ้านิกาย.”

หลิวหว่านซีเอ่ย “บางทีท่านอาจะไม่รู้ งานประลองครั้งนี้มีศิษย์ของเทพอาหารแห่งยุคเข้าร่วมด้วย.”

“โอ้ว”

จุนซ่างเซียวที่หันหน้าไปยังลี่ลั่วฉิวที่กล่าวรายงาน“50 ปีที่แล้วมีบุรุษนามซีเหว่ยเทียน ได้รับชัยชนะเลิศงานประลองเทพอาหารห้าสมัยซ้อนทำให้เขาได้รับฉายาเป็นเทพอาหารแห่งยุค.”

“งั้นรึ?!”

ด้วยการได้ชนะเลิศงานประลองเทพอาหารห้าสมัยซ้อน ไม่ใช่เพราะโชค ทว่าเพราะมีฝีมือทำอาหารสุดยอดอย่างแน่นอน.

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยต่อ“ซีเหว่ยเทียนได้รับศิษย์นามซ่งเป้า และฝึกฝนทำอาหารมาหลายปี เขาสามารถสืบทอดความสามารถได้กว่า 90%.”

“งานประลองเทพอาหารใกล้เข้ามาแล้ว ในการแข่งขันครั้งนี้ จะต้องมีศิษย์เทพอาหารแห่งยุคเข้าร่วมชิงชัยแน่ ซึ่งแน่นอนว่าการแข่งขันครั้งนี้คงไม่ง่ายเท่าใดนัก.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เช่นนั้น ซ่งเป้าก็เป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามที่สุดของตู้ตู้อย่างงั้นรึ?”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “การแข่งขันที่ผาน ๆ มา ซือเหว่ยเทียนได้ส่งศิษย์เข้าร่วมแข่งขัน และได้รับชัยชนะเลิศเกือบทุกครั้ง กล่าวได้ว่าศิษย์ของเขาทุกคนล้วนแต่น่ากลัวทั้งนั้น.”

“......”

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.

ภารกิจมหากาพย์ที่แปดคือให้หลิวหว่านซีได้อันดับหนึ่งในสาม เขาคิดว่าจะง่าย ๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่า ภารกิจมหากาพย์ล้วนแต่โหดหินทั้งนั้น!

“ยิ่งยากยิ่งท้าทาย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วเชื่อว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะเลิศงานประลองเทพอาหารกลับมาได้ในที่สุด!”

“อืม!”

หลิวหวานซีที่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ศิษย์จะไม่ทำให้เจ้านิกายผิดหวัง!”

“มา!”

“มา!”

หลังจากที่ให้กำลังใจศิษย์แล้ว จุนซ่างเซียวก็เตรียมเดินทางไปยังหอยา.

“เอ๊ะ?”

ขณะที่ออกมาจากหออาหาร ยังไม่ไปใหน เขาที่เห็นอะไรบางอย่างเข้าแล้วสะดุด“เจ้านี่ดูเหมือนว่าจะกินข้าวผัดเข้าไปอย่างงั้นรึ?”

“ฮือ ฮือ  ............”

ในเวลานี้ ราชาสัตว์จื่อหลิน ที่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ขณะถือจานข้าวผัดที่กินไปจนหมดแล้ว.

จุนซ่างเซียวกินเพียงคำเดียวก็ร้องไห้ไปถึงครึ่งชั่วยาม.

เจ้านี่......กินหมดเลย.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด