Chapter 802 พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน.
ไต่ลู่ที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.
เขาที่กระหน่ำต่อยไปยังผนังศิลา.
เหตุผลนะรึ? ช่วงเวลาการประลองผู้นำพยัคฆ์มังกร เขาได้ซื้อแผนที่สีเหลืองมาหาขุมทรัพย์ จนกระทั่งเดินจนรองเท้าสึกไปหลายคู่ เขาก็พบจุดหมายของสมบัติ แต่ผลของมัน.....ไม่มีอะไรเลย!
ที่ทำให้เขาแทบทรุดนั้น.
เขาพบผู้ฝึกยุทธ์คนแล้วคนเล่า หลายคนที่ถือแผนที่สีเหลืองเช่นกันแทบจะคัดลอกแบบเดียวกันมา.
ทุก ๆ คนที่นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แผนที่ทั้งหมดล้วนแต่ซื้อมาจากแผงลอยของชายชราทั้งนั้น.
ดังนั้น.
!
ทันทีที่ได้พูดคุยกัน เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอกเข้าให้แล้ว.
“อ๊าก---”
ไต่ลู่ที่ยกมือกุมศีรษะไปมา ปล่อยพลังงานสีเขียวออกมาฟุ้งไปทั่วอากาศ ต้นไม้ใบหญ้าที่แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว.
คิดถึงแผนที่ที่จะทำให้ตัวเองมีพลังบ่มเพาะสูงขึ้น คิดถึงความแค้นที่เขาจะต้องการไปทวงกับเย่ซิงเฉิน ท้ายที่สุดเหมือนกับว่ามันจะสูญสลายหายไปแล้ว เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถยอมรับได้!
ไต่ลู่ที่อุทานออกมาเสียงดัง “ทำไมการทวงแค้นถึงได้ยากเย็นนักนะ!”
“เจ้าหนู.”
ในเวลาต่อมา ในหูของเขาที่ปรากฏเสียงที่ดำมืดเกิดขึ้น “ต้องการให้ตัวเองทรงพลังเข็งแกร่ง ก็ต้องดูดซับพลังของคนอื่น ๆ โอกาส มีเพียงแค่คนแสวงหาเท่านั้น.”
“ใคร!”ไต่ลู่ที่ตกใจ.
เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้ง“เจ้าเรียกข้าว่าวิญญาณ หรือต้าเหรินก็ได้.”
ไต่ลู่แค่นเสียงเย็นชา.“ออกไปให้พ้นจากร่างของข้า!”
“อิ อิ อิ อิ.”
สิ่งที่เรียกตัวเองว่า วิญญาณที่หัวเราะแปลกประหลาด “หากว่าข้าจากไปแล้ว พลังกลืนกินของเจ้าก็จะหายไปทันที เจ้าควรคิดใคร่ครวญให้ดี.”
ใบหน้าของไต่ลู่ที่เปลี่ยนเป็นซับซ้อน.
เขาที่ก้าวมาถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ในเวลานี้ ล้วนแต่มาจากพลังกลืนกิน หากว่าสูญเสียไปก็ยากจะยอมรับได้เช่นกัน.
“เจ้าหนู ภายใต้การช่วยเหลือจากข้า เจ้าย่อมสามารถกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งได้ อย่าว่าแต่เย่ซิงเฉินเลยต่อให้เป็นนิกายนิรันดรก็พังทลายด้วยฝ่ามือข้างเดียว.”วิญญาณที่หัวเราะแปลก ๆ ออกมา.
ไต่ลู่ทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พูดจริงรึ?”
“สองปีมานี้ แม้นว่าเจ้าจะเข้าใจพลังกลืนกิน แต่ที่จริงแล้วยังมีอีกมากมายที่เจ้ายังไม่รู้ ตอนนี้ต้าเหรินผู้นี้ตื่นขึ้นมาแล้ว จากนี้ข้าจะสอนเจ้าก้าวไปบนเส้นทางที่ถูกต้องเอง.”วิญญาณที่กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ.
“แล้วต้องทำอย่างไร?”ไต่ลู่ที่เผยท่าทางตื่นเต้นขึ้นมาทันที.
ด้วยการมีพลังกลืนกินเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ตอนนี้มีสิ่งที่เรียกว่า“วิญญาณ”เกิดขึ้นอีก ทำให้เขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว.
“พลังกลืนกินจำต้องใช้ร่วมกับเคล็ดวิชากลืนกินด้วย จึงสามารถกลั่นพลังบริสุทธ์ได้ ข้าจะสอนเจ้าตอนนี้.”
ในเวลาต่อมา บางอย่างที่ปรากฏขึ้นในจิตสำนึกเป็นสัจคาถาและการโคจรพลัง ทำให้เขาเข้าใจการบ่มเพาะพลังทันที ดวงตาที่เป็นประกายลุกโชนด้วยเปลวเพลิงทันที.
“เจ้าหนู.”
วิญญาณที่กล่าวอย่างภาคภูมิ “อย่าหาว่าคุยเลย เพียงแค่เข้าใจวิชาบ่มเพาะนี้ 2-3 ขั้น การจะจะกระทืบเย่ซิงเฉินให้อยู่แทบเท้าก็เป็นเรื่องง่าย ๆ แล้ว.”
“กึก ซี่!”
ไต่ลู่ที่กำหมัดแน่น แววตาที่เป็นประกายสีเขียว เอ่ยออกมาว่า“หวังว่าวันนั้นจะมาถึง.”
......
“ฮัด เช้ย!”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือจามออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะสีจมูกไปมา “ใครมันนินทาข้าอย่างงั้นรึ?”
ระบบเอ่ย “โฮสต์ที่ได้กายาจากยุคโบราณ หากแต่ไม่ได้คิดวางแผนที่จะช่วยเหลือทวีปชิงหยุนหน่อยรึ?”
“แม้แต่ราชันย์ยุทธ์โบราณยังถูกเผ่าวิญญาณต่างภพควบคุม ข้าจะทำอะไรได้ ถึงต้องการแต่พลังก็ไม่พอ.”จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างทอดถอนใจ.
ระบบเอ่ย “หากเป็นคนอื่น คงไม่เอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกมา การที่ได้มรดกกายามา ทุกคนต่างก็หวังที่จะแข็งแกร่ง จนสามารถปกป้องพิภพตัวเองได้.”
“แล้วไงล่ะ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ระบบที่หมดคำจะพูด “แล้วหากพวกมันทำร้ายศิษย์และนิกายของโฮสน์ล่ะ จะยังใจเย็นได้อีกหรือไม่!”
“เรื่องนี้!”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “กล้าหาทำร้ายศิษย์ของข้า อย่าว่าแต่เผ่าวิญญาณเลย ต่อให้เป็นราชันย์ยุทธ์ บิดาจะสังหารให้เหี้ยน!”
“โฮสน์ควรคิดถึงการหลีกเลี่ยงหายนะก่อนนะ ข้าคิดว่าโฮสน์ควรจะไปดูสถานที่เผ่าต่างภพบุกมาสักหน่อย น่าจะอยู่ที่จังหวัดเป่ยโม่ ลองไปดูค่ายกลที่ผนึกอุโมงค์มิติ หากว่าสามารถปิดมันไว้ให้แน่นหนากว่าเดิมได้ก็ดี ก่อนที่พวกมันจะบุกมาได้ล่ะก็ ควรจะหลีกเลี่ยงหายนะเอาไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องลงแรงมากนัก”ระบบเอ่ยแนะนำ.
“มีเหตุผล.”
“ไม่ใช่สิ!”
จุนซ่างเซียวที่ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ “เจ้าเป็นห่วงความเป็นความตายของเหล่าปวงประชาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ข้าคิดเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”ระบบเอ่ย“หากโฮสน์ต้องการสู้กับเผ่าต่างภพ หรือว่าต้องการวัสดุอุปกรณ์ และเพิ่มความแข็งแกร่ง ก็ต้องใช้งานร้านค้าระบบ และซื้อสินค้าในร้านมากขึ้นต่างหาก ที่ข้ากำลังคิด”
“สัด!”
จุนซ่างเซียวแทบทรุดไปในทันที “ต้องการให้ข้าใช้จ่าย มันจะเกินไปแล้ว!”
......
“เพียงแค่วิชาบ่มเพาะก็จะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างงั้นรึ?”
“เคล็ดวิชากลืนกินเป็นเพียงความสามารถที่ช่วยยกระดับพลังให้บริสุทธ์ขิ้น หากว่าเจ้าต้องการตัดผ่านระดับ ยกตัวอย่างสามารถฉีกห้วงมิติได้ จำต้องได้รับสายโลหิตกลืนกินก่อน.”
ฉีกห้วงมิติอย่างงั้นรึ?
ไต่ลู่ได้ยินดวงตาเป็นสีเขียวทันที “แล้วจะได้รับสายโลหิตกลืนกินอย่างไร?”
“ที่จังหวัดเป่ยโม่ ทะเลทรายเหลืองนั้นมีพื้นที่ผนึกด้วยค่ายกล ขอเพียงทะลวงเข้าไปด้านในได้ ก็จะได้รับสายโลหิตกลืนกิน.”
กึก!”
ไต่ลู่ทีหยุดลง กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม“ทำไมเจ้าต้องช่วยข้าให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย มีแผนการอะไรอย่างงั้นรึ?”
เผ่าวิญญาณ.“......”
เขาถูกหลอกจากชายชราร้านแผงลอยให้ไปหาขุมทรัพย์ ทำให้ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรจะเชื่อคำพูดใครง่าย ๆ!
“ง่ายมาก.”
เผ่าวิญญาณเอ่ย “พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน.”
“นิกายนิรันดร?”
“ไม่ผิด.”
“เป็นเช่นนี้นะเอง.”
ไต่ลู่ที่ตระหนักได้อีกครั้ง เขาเอ่ยด้วยความเกลียดชัง “เจ้าจะร่วมมือกับข้าทำลายนิกายนิรันดรให้หายไปจากยุทธภพใช้หรือไม่!”
“นิกายนิรันดรนั้นแข็งแกร่งสักเล็กน้อย การจะจัดการพวกเขา ยังคงยากอยู่ ดังนั้นข้าแนะนำเจ้าไปยังจังหวัดเป่ยโม่ ทะลวงผนึกค่ายกล แล้วรับสายโลหิตกลืนกินมาซะ.”เผ่าวิญญาณเอ่ย.
“ข้าไม่เข้าใจค่ายกล.”
“ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าไปที่นั่น ข้าจะรับผิดชอบทะลวงค่ายกลเอง.”
“ตกลง!”
ชายหมวกเขียวที่ออกเดินทางมุ่งตรงไปยังจังหวัดเป่ยโม่ เพื่อที่จะหาสายโลหิตกลืนกินโดยไม่คิดอะไรเลยเพราะจิตใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาต้องการพลังที่จะสามารถฉีกกระชากมิติมาให้ได้.
......
“ซินเหยา เตรียมตัว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “อีกสองวันไปจังหวัดเป่ยโม่กับเปิ่นจั้ว เพื่อที่จะไปหาพื้นที่อุโมงค์มิติที่ราชันย์ค่ายกลผนึกเอาไว้.”
“เจ้านิกายจะไปยังโลกต่างพิภพอย่างงั้นรึ?”ซ่างกวนซินเหยาที่จ้องมองไปมาในทันที.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “อุโมงค์มิตินั้น ในเมื่อมันเชื่อมโลกทั้งสองไว้ เปิ่นจั้วกังวลการคงอยู่ของมัน เกรงว่ามันจะมีจุดบกพร่อง ให้เผ่าต่างพิภพทะลวงมาสร้างปัญหาได้.”
“ทราบแล้ว!”
ซ่างกวนซินเหยาเอ่ย “เจ้านิกายต้องการให้ศิษย์ไปเสริมกำลังค่ายกลอย่างงั้นรึ!”
“อืม.”
“เจ้านิกายคิดเช่นนี้ ช่างเป็นโชคดีของปวงประชาจริง ๆ!”
“......”
ซ่างกวนซินเหยาที่เอ่ยชมจุนซ่างเซียวเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขัดเขินเหมือนกัน ต้องไม่ลืมว่า เขาไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้น ไม่ได้คิดจะปกป้องเหล่าปวงประชาสักหน่อย.
“เจ้านิกาย.”
เย่ซิงเฉินที่ขันอาสาทันที “ศิษย์ยินดีร่วมเดินทาง!”
หลังจากที่เขารู้เรื่องสงครามราชันย์เมื่อหมื่นปีที่แล้ว ทำให้เขาสงสัยในเผ่าวิญญาณเป็นอย่างมาก.
“ตกลง.”
หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเสร็จ จุนซ่างเซียวก็นำซ่างกวนซินเหยาและเย่ซิงเฉินทั้งสองมุ่งสู่จังหวัดเป่ยโม่.
“ฟู่ ฟู่!”
จังหวัดซีเป่ยเหอ ไต่ลู่ที่กำลังกลืนกินพลังงาน เพราะว่าได้รับวิชาบ่มเพาะกลืนกิน ทำให้พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นเร็วมาก.
“ไม่เลว ไม่เลว.”
เผ่าวิญญาณกล่าวอย่างพอใจ “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าเวลานี้ แม้นว่าจะไม่สามารถท้าทายทั้งนิกายนิรันดร ทว่าจะจัดการเย่ซิงเฉินก็ไม่น่าจะมีปัญหา.”
ไต่ลู่ที่เผยยิ้มเย็นชา “อย่าให้ข้าเจอมันก็แล้วกัน!”
......
“ฟู่ ฟู่!”
ทะเลทรายเหลือง จังหวัดเป่ยโม่ สายลมที่พัดโบกอย่างรุนแรง ฝุ่นทรายที่พัดเป็นพายุที่รุนแรงเป็นอย่างมาก.
“เจ้านิกาย.”
ซ่างกวนซินเหยาเอ่ย “ที่นี่คือสถานที่อาวุโสราชันย์ค่ายกลได้เตรียมค่ายกลเอาไว้.”
“สามารถควบคุมได้หรือไม่?”
“โครงสร้างค่ายกลดูซับซ้อนยิ่งกว่าเจดีย์สิบชั้นสะบั้นชีวิต ศิษย์ต้องการเวลา.”
หลังจากได้รับกายาวิญญาณค่ายกลมา ทำให้ความเข้าใจค่ายกลของนาง พัฒนาแบบก้าวกระโดด แม้นว่าจะไม่อยู่ในระดับเดียวกับเจิ้นเต๋อจวิน ทว่าตอนนี้นางก็ไม่ต้องการความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดอีกต่อไปแล้ว เวลานี้นางสามารถที่จะถอดรหัสค่ายกลที่ซับซ้อนอย่างไม่ลำบากได้แล้ว.
“เจ้าถอดรหัสไป เปิ่นจั้วจะคอยคุ้มกันเอง”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“รับทราบ!”
ซ่างกวนซินเหยาที่ทุ่มสมาธิในการศึกษาค่ายกลทันที เริ่มที่จะถอดรหัสอย่างระมัดระวัง.
เย่ซิงเฉินที่นั่งอยู่บนศิลายักษ์ โคจรกายาชีพจรวิญญาณ ดูดซับพลังฟ้าดินรอบ ๆ เข้ามา.
“หืม?”
ผ่านไปราว ๆ นาทีกว่า เขาก็ลืมตาขึ้น จ้องมองไปยังฝั่งของพายุทรายที่พัดโบก เห็นเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ทำให้เขาขมวดคิ้วไปมา กล่าวในใจ“คน ๆ นี้.....เหมือนเคยเห็นที่ใหนมาก่อน.”