บทที่ 610: การระเบิดและการตื่นขึ้น!
นักรบโหลวเฉิงเกือบทั้งหมดต่างใช้ชีวิตแบบต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด!
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับนักรบด้วยกันเอง การล่ามอนสเตอร์เพื่อให้ได้มาซึ่งลูกปัดสมอง หรือการรุกรานโลกอื่น เลือดและการฆ่าฟันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจิตใจจึงด้านชาเป็นอย่างยิ่ง
คนเหล่านี้ปฏิบัติต่อศัตรูอย่างโหดร้ายและยังปฏิบัติต่อตนเองอย่างโหดร้ายไม่แพ้กัน กระนั้นทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อปกป้องครอบครัว มิตรสหาย และบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
สิ่งที่ถังเจิ้นทำนั้นก็คือการแสดงให้เห็นว่าตนนั้นคือนักรบโหลวเฉิงของแท้ ซึ่งจะไม่แสดงความเมตตาใด ๆ ต่อศัตรูที่สมควรตาย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูจากต่างเผ่าพันธุ์ ความโหดเหี้ยมที่เขาแสดงนั้นเล่นเอาแม้แต่มิตรสหายยังต้องหวาดผวา
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครห้าม มีกระทั่งเต็มใจเป็นดาบให้เขาได้ใช้ฟาดฟันศัตรูด้วยซ้ำ เพราะว่าถังเจิ้นยังไม่เคยปฏิบัติต่อคนของตนในทางที่ไม่ดีมาก่อนเลย!
ซือถูหยวนจื่อเองก็เช่นเดียวกัน เมื่อรู้ว่าถังเจิ้นทำอะไรลงไปก็ค่อนข้างมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น
เพราะตัวเขาเองก็ไม่มีความประทับใจในด้านที่ดีต่อนักรบต่างเผ่าส่วนใหญ่ สมัยเด็ก ๆ เขาเคยต่อสู้ที่ตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งวันนั้นมีศัตรูต่างเผ่าต้องตกตายภายใต้น้ำมือของเขานับตัวไม่ถ้วน
ดังนั้นซือถูหยวนจื่อไม่เพียงแต่ไม่ได้ไม่ชอบการกระทำของถังเจิ้นเท่านั้น แต่ยังเห็นด้วยกับเรื่องที่เขาทำไปเป็นอย่างยิ่ง และเรื่องนี้ยังทำให้เขาเข้าใจถึงความโหดเหี้ยมและเด็ดขาดของถังเจิ้นเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยด้วย
ตามที่ลูกศิษย์บอกเลย เจ้าเมืองเชิ่งหลงนั้นไม่เป็นมิตรกับพวกศัตรูจากต่างเผ่าพันธุ์แต่จะค่อนข้างมีน้ำอดน้ำทนต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเอง
อันที่จริงด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ซือถูหยวนจื่อต้องการผูกมิตรกับถังเจิ้นมากขึ้นโดยเชิญให้เขามาร่วมการสำรวจในครั้งนี้ หมายว่าจะใช้โอกาสนี้ในการสังเกตพฤติกรรมและทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เมื่อนึกถึงประสบการณ์ในการเดินทางกับถังเจิ้นแต่ละวันซือถูหยวนจื่อก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ ในใจก็แอบเตือนตัวเองเงียบ ๆ ว่าจะต้องปฏิบัติต่อถังเจิ้นด้วยความจริงใจและจะไม่หาเรื่องใส่ตัว
ไม่อย่างนั้นล่ะก็หากถังเจิ้นโต้กลับจะไม่ใช่แค่ตนเองเท่านั้นที่เป็นอันตราย แต่เมืองจ้านเทียนที่อยู่ข้างหลังเองก็จะพลอยซวยไปด้วย หากเมืองจ้านเทียนต้องกลายเป็นที่ระบายโทษะของถังเจิ้นล่ะก็จะต้องประสบกับความสูญเสียที่มิอาจแบกรับไหว!
ถึงยังไงสิ่งที่ถังเจิ้นทำตั้งแต่ก่อตั้งเมืองเชิ่งหลงขึ้นมาก็ล้วนทำให้ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนต้องเงิบหงายได้เสมอ
แปลว่าถ้าถังเจิ้นไม่ร่วงหล่นล่ะก็ศักยภาพในการพัฒนาเมืองก็ยังคงไร้ขีดจำกัด และแม้แต่เมืองจ้านเทียนเองก็ยังต้องไว้หน้าถึง 3 ส่วน!
จริง ๆ แล้วก่อนที่จะได้พบกับถังเจิ้นซือถูหยวนจื่อเองก็ผยองไม่น้อย เขามีความภาคภูมิใจในตนเองด้วยฐานะที่เป็นผู้อาวุโสระดับสูงของโหลวเฉิงระดับไฮเอนด์และไม่ได้ใส่ใจถังเจิ้นมากนัก
แต่เมื่อได้พบกันแล้ว ได้เดินทางด้วยกัน ได้เห็นว่าถังเจิ้นทำอะไรได้บ้างมาโดยตลอด เขาก็ได้วางความถือดีตรงนั้นทิ้งไปและปฏิบัติต่อถังเจิ้นด้วยความตรงไปตรงมาจนถึงขนาดมีความรู้สึกเคารพด้วยเลยด้วยซ้ำ
ในโลกโหลวเฉิงผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่คู่ควรแก่การได้รับการเคารพ และความแข็งแกร่งของถังเจิ้นก็เป็นอะไรที่คู่ควรแล้ว แม้ว่าซือถูหยวนจื่อจะมีสถานะสูงและสามารถตัดสินความเป็นความตายของผู้คนนับไม่ถ้วนด้วยคำเพียงคำเดียวได้ก็ตาม แต่เขาก็ยังยกย่องให้ถังเจิ้นอยู่ในสถานะที่สูงส่งกว่าตนเอง
แน่นอนว่าถังเจิ้นไม่รู้หรอกว่าซือถูหยวนจื่อกำลังคิดอะไรอยู่ เขาแค่พอจะสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่อยู่ด้วยกันมาและพอจะเดาสาเหตุได้อย่างคร่าว ๆ
ตัวตนของชายชราคนนี้ไม่ธรรมดา มีบุกคลิกภาพที่ดูใจดีและอ่อนโยน แต่คนผู้นี้ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองจ้านเทียนซึ่งมีอิทธิพลในการตัดสินใจมากพอ ๆ กับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของเมืองเชิ่งหลง
ในปัจจุบันเมืองเชิ่งหลงยังคงไม่ถือว่าแข็งแกร่งนัก ดังนั้นถังเจิ้นจึงฝันอยากที่จะมีพันธมิตรที่เป็นกองกำลังชั้นนำของโลกโหลวเฉิงซักกองกำลังหนึ่งซึ่งจะให้ความร่วมมือกันในบางประเด็น
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคิด ๆ กันไปเรื่อยอยู่นั้นเองก็พอดีกับที่บินขึ้นมาถึงยอดหัวของยักษ์กันแล้ว จากนั้นก็ร่อนลงไปยังบริเวณใกล้ ๆ กับหัวหนึ่ง
“รอนี่ก่อนเด๋วผมมา!”
พูดจบถังเจิ้นก็หายตัวไปทันที
ซือถูหยวนจื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะลูบเคราตามนิสัย
ที่สะดุ้งก็เพราะว่าไม่เห็นร่องรอยของความผันผวนในมิติเลย ทว่าตัวถังเจิ้นกลับหายไปแล้วซึ่งความสามารถแบบนี้มันชวนให้งงและอิจฉาในเวลาเดียวกันจริง ๆ
แม้ว่านักรบระดับราชาจะสามารถเทเลพอร์ตในระยะทางสั้น ๆ ได้ก็ตาม แต่วิธีที่ถังเจิ้นหายตัวไปเมื่อกี๊มันเกินกว่าคำว่าเทเลพอร์ตไปแล้ว!
“คงเป็นอีกทักษะที่หาได้แค่เฉพาะโหลวเฉิงระดับทวีปสินะ เฮ่อ เกินจะหยั่งถึงจริงจี๊ง!”
ตอนนี้ซือถูหยวนจื่อเหมือนจะติดนิสัยใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างหนึ่งแล้ว นั่นคือเมื่อใดก็ตามที่ได้เห็นสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจจากถังเจิ้นก็จะคิดว่านั่นคือสิ่งที่ได้มาจากโหลวเฉิงระดับทวีปที่อยู่เบื้องหลังของถังเจิ้นไปซะหมด!
ขณะที่ซือถูหยวนจื่อกำลังยืนคิดไปเรื่องอยู่นั้นถังเจิ้นก็กลับมายังโลกเดิมโดยปรากฏตัวขึ้นที่ฐานทัพของทางการทหารของสมาพันธ์เอเชียที่อยู่ใกล้ ๆ กับโหลวเฉิงทะเลทราย
เมื่อเห็นถังเจิ้นปรากฏตัวขึ้นยามที่เฝ้าประตูอยู่ก็ทำความเคารพทันทีและรอคำสั่ง
มีคำสั่งจากเบื้องบนว่าให้สนองตอบต่อคำขอของถังเจิ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งกระบวนการอนุมัติในแต่ละคำขอก็รวดเร็วจนบ้าบอทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่ควรผ่านการพิจารณาหลายขั้นหลายตอนแท้ ๆ
ดังนั้นเมื่อถังเจิ้นขอระเบิดสงครามชุดใหญ่ไปได้ไม่นานก็มีการตอบรับ บอกว่าให้เขาไปเอาที่คลังแสงแห่งหนึ่งได้เลย
ถังเจิ้นไม่ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์แต่ถามถึงที่ตั้งคลังแสงแล้วสยายปีกบินตรงไปเอาเองเลย
พวกทหารที่ได้เห็นต่างก็ทำหน้าตาอิจฉา มีทหารเก่ง ๆ บางคนที่กำลังจะไปโลกโหลวเฉิงเพื่อทำสงครามตอนนี้ได้หน้าแดงเพราะความตื่นเต้น!
10 นาทีต่อมาถังเจิ้นได้กลับมายังโลกโหลวเฉิงพร้อมกับสัมภาระกองโต
ซือถูหยวนจื่อยังคงรออยู่ที่เดิม และเมื่อเห็นถังเจิ้นปรากฏตัวก็รีบเข้าไปดู
จากนั้นทั้งสองก็ทำการวางกล่องต่าง ๆ ไว้ที่คอของยักษ์ทั้ง 3 คอ และถังเจิ้นก็ได้พ่วงตัวจุดระเบิดด้วยรีโมตเข้ากับระเบิด
ซือถูหยวนจื่อพอจะเดาได้ว่าถังเจิ้นจะทำอะไรและสอบถามเรื่องที่สงสัย ขณะเดียวกันก็แอบแทรกคำขอสั่งซื้อระเบิดนี่ลงไปด้วย
ทว่าถังเจิ้นไม่ได้ตอบรับและให้เหตุผลว่าระเบิดนี่ผลิตได้น้อยเลยยังไม่สามารถนำออกขายให้ใครได้
ซือถูหยวนจื่อได้คำตอบแบบนี้ไปก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
สำหรับนักรบในโหลวเฉิงแล้วแม้ว่าระเบิดจะมีพลังทำลายล้างสูงก็ตาม ทว่าเรื่องการใช้งานก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มากจึงไม่ค่อยจะมีประโยชน์ต่อเมืองจ้านเทียนซักเท่าไหร่นัก
ยิ่งระดับราชายิ่งไม่ต้องมานั่งห่วงเรื่องระเบิดนี่เลย เพราะราชาทุกคนสามารถเทเลพอร์ตในจังหวะที่เกิดการระเบิดพอดีได้แถมยังมีโล่พลังงานที่สามารถกันแรงระเบิดได้ด้วย!
ทว่าครั้งนี้เป็นการวางระเบิดใส่ยักษ์ที่กำลังหลับซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นต้องน่าอัศจรรย์ใจแน่!
ใช้เวลาไม่นานทั้งคู่ก็เตรียมการเสร็จสิ้นและบินออกห่าง
เมื่อได้รับสัญญาณเตือนแล้วพวกหงตุ้นก็หยุดเข่นฆ่าพวกนักรบตัวเล็กตัวน้อยและแอบแฝงตัวอยู่ไม่ห่างจากยักษ์ตามแผนการของถังเจิ้นและพร้อมที่จะลงมือได้ตลอดเวลา
และในตอนนี้เองที่ถังเจิ้นกดรีโมต!
มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนโลกดังขึ้นพร้อมกับเปลวไฟที่ปะทุออกมาจากระเบิดที่พันรอบคอของยักษ์ที่นั่งขัดสมาธิหลับอยู่ เลือดเนื้อก้อนเล็กก้อนใหญ่ปลิดปลิวกระเด็นไปทั่วท้องฟ้าจะ ๆ ตา
หากมองไกล ๆ จะเห็นเหมือนว่าท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเลือด!
ตรงข้ามกับที่ถังเจิ้นคิดไว้ ตรงที่ระเบิดนั้นได้ผลดีเกินคาด หัว 2 หัวที่อยู่หลังยักษ์ห้อยต่องแต่งลงไปทันที เหลือแค่เนื้อหนังนิดหน่อยที่ยังคอยรั้งไว้ไม่ให้มันขาด เลือดพ่นออกมาอย่างกับท่อประปาขนาดยักษ์แตก
หัวที่อยู่ข้างหน้านั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่ก็ยังมีเลือดไหลอาบผ่านทางบาดแผลฉกรรจ์ที่คอ!
ถังเจิ้นรู้ว่าระเบิดชนิดใหม่นี้มีพลังมหาศาลก็จริงอยู่แต่มันก็ไม่ควรที่จะมีพลังทำลายถึงขนาดนี้ได้ แปลว่ายักษ์ตนนี้มันเป็นถังแก๊สที่แก๊สหมดแล้วจริง ๆ!
เดิมทีมันควรมีร่างกายที่คงกระพัน แต่เนื่องจากพลังงานถูกสูบออกไปจนหมดทำให้เหล็กน้ำพี้ยังต้องแปร่เปลี่ยนเป็นซากอ้อย จากจุดแข็งเปลี่ยนเป็นจุดอ่อน!
และนี่ยังแสดงถึงอีกเรื่องด้วยคือสถานการณ์ของผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีแล้วมันจึงต้องรีบสูบเอาพลังงานทั้งหมดมาใช้ ซึ่งเป้าหมายของมันคิดว่าคงกะจะปล่อยท่าใหญ่ที่เป็นท่าไม้ตายกวาดล้างทุกคนอะไรเทือกนั้นล่ะมั้ง!
ทันทีที่เกิดการระเบิดขึ้น ยักษ์ที่หลับตาอยู่ก็ได้ลืมตาขึ้นมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน!
มันพยายามจะฝืนลุกขึ้นยืนตามสัญชาตญาณแต่ก็ทำไม่ได้เลย เพราะเศษเสี้ยวพละกำลังสุดท้ายในร่างกายถูกไอ้ตัวปรสิตที่เกาะอยู่ภายในร่างสูบหายไปแล้ว!
ทว่าความแปลกมันอยู่ตรงที่ดวงตาที่แต่เดิมเหม่อ ๆ ผสมกับเจ็บปวดอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นมีสติแจ่มชัด บรรยากาศของมันดูจะแปลกไปเล็กน้อย ไม่สิแปลกไปมากเลยทีเดียว มันในตอนนี้ไม่เหมือนกับยักษ์ที่เข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้เลยซักนิด
ก่อนหน้านี้เมื่อมันตื่นมันจะมาพร้อมความคุ้มคลั่งและจิตสังหารที่ท่วมท้นไปทั้งฟ้าดิน แต่ตอนนี้ดวงตาของมันกับมีความผันผวนอันเกิดจากความโศกเศร้าอย่างสุดจะบรรยาย
“ตายแล้ว... ลูก ๆ... ตายกันหมดแล้ว เจ็บปวด... จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร...”
ภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่องและขาด ๆ หาย ๆ แว่วออกมาจากปากของยักษ์ น้ำเสียงครืน ๆ ของมันราวกับเสียงของฟ้าร้อง
เหล่านักรบที่ได้ยินต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป!